แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สถาปนาตัวเองเป็นแบ็คซ้ายตัวหลักของสโมสร นี่ถือเป็นฤดูกาลที่ 6 ของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ โดยการยืนระยะของเขา ถือว่ายอดเยี่ยมเอามากๆ แฟนบอลหลายคนมองว่า เขาคือคนที่นำพลังงานมาสู่ทีม
โรเบิร์ตสัน ถือว่าประสบความสำเร็จกับทีมลิเวอร์พูล อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก ถือเป็นการเดินทางที่ไกลเกินความฝัน เพราะก่อนหน้านั้น เขายังเป็นนักเตะระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อยู่เลย
ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับเส้นทางลูกหนังของเขากัน ผ่านมุมมองว่าบุคคลใกล้ชิด ทั้งหัวหน้าแมวมอง และหนึ่งในทีมงานของฮัลล์ ซิตี้ อดีตต้นสังกัดของเขา (ระหว่างปี 2017-2017) เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลองไปติดตามกัน
ย้อนเวลากลับไป ในช่วงปี 2014 สแตน เทอร์เนนท์ หัวหน้าแมวมองของฮัลล์ ซิตี้ ออกเดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือ ข้ามชายแดนไปยังประเทศสก็อตแลนด์ จุดมุ่งหมายของเขา นั่นคือการไปซุ่มดูฟอร์มการเล่นของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงดาวรุ่งวัย 20 ปี ของสโมสรดันดี ยูไนเต็ด ที่มีคิวออกไปเยือนฮิเบอร์เนี่ยน ในเกมลีกสูงสุด
เทอร์เนนท์ ใช้เวลาดูฝีเท้าของแบ็คซ้ายรายนี้ เพียงไม่นาน ก็ตัดสินใจนำเสนอให้ฮัลล์ ซิตี้ คว้าตัวมาร่วมทีมในที่สุด โดยย้อนความทรงจำว่า “ผมคิดว่า ผมใช้เวลาดูฟอร์มการเล่นของโรเบิร์ตสัน เพียง 25 นาทีเท่านั้น ผมเคยเห็นเขามาแล้ว ในเกมที่ไปเยือนคิลมาน็อค ผมออกไปคุยโทรศัพท์ในช่วงพักครึ่งเวลา โดยมีปลายสายคือผู้จัดการทีมของเราอย่างสตีฟ บรูซ”
“บรูซ ถามผมว่า -นายแน่ใจแล้วใช่มั้ย เกี่ยวกับนักเตะคนนี้ ?-” หัวหน้าแมวมองของฮัลล์ ซิตี้ กล่าวต่อ “ผมตอบเขาไปว่า -แน่นอน ผมมั่นใจ-” หลังจากประโยคดังกล่าว ฮัลล์ ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัวแข้งรายนี้มาร่วมทีม ในราคาเพียงแค่ 2.85 ล้านปอนด์
เทอร์เนนท์ บอกต่อว่า การที่ดาวรุ่งคนนี้เคยถูกทีมดังในบ้านเกิดอย่างกลาสโกว์ เซลติก ปล่อยตัวออกจากอะคาเดมี่ เพราะฝีเท้าดีไม่พอ กลายเป็นหนึ่งเหตุผลที่ฮัลล์ ซิตี้ อยากได้ตัวมาเสริมทีม เพราะมองว่านี่คือนักเตะที่สามารถตอบสนองต่อความผิดหวังได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยกล่าวเสริมว่า “เมื่อเราดูจากประวัติแล้ว โรเบิร์ตสัน เคยผ่านอะคาเดมี่ของกลาสโกว์ เซลติก แน่นอนว่า เขาเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นเสมอว่า ตัวเองสามารถฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้ได้ คุณเห็นทันทีว่า เขามีความสามารถ และทำทุกอย่างได้ดี”
ฤดูกาลแรกกับฮัลล์ ซิตี้ 2014-15 เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย นอกจากประสบการณ์การเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก แล้วนั้น การตกชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญ ทำให้เขาได้เติบโตในเส้นทางลูกหนัง
ขณะที่คีธ เบิร์ทส์ชิน หนึ่งในทีมงานโค้ชของฮัลล์ ซิตี้ ในช่วงเวลานั้น ออกมาเผยบ้างว่า “โรเบิร์ตสัน ยังเป็นดาวรุ่ง และเป็นเด็กเงียบๆ นอกจากนี้ เขายังคงเป็นคนที่ขี้อายด้วย นั่นถือว่าเป็นความเข้าใจ เมื่อคุณย้ายมาเล่นกับสโมสรแห่งใหม่ ทุกคนคอยช่วยเหลือเขา เพียงไม่นาน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม”
“ตลอดฤดูกาลแรกนั้น ผมเห็นถึงการพัฒนา และเติบโตอย่างมั่นใจ เขาสร้างเรื่องผิดพลาดบ้าง ตามประสานักเตะอายุน้อย กระนั้น เขาคอยเรียนรู้ในแต่ละเกมที่ลงไปเล่น เขาพยายามลดจุดอ่อน และเพิ่มจุดแข็งของตัวเอง ทั้งแนวทางการวิ่งขึ้น-ลงในสนาม พร้อมกับการใช้เท้าซ้ายข้างถนัด เขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว จากบุคคลที่เขาให้ความเคารพ”
ฤดูกาลต่อมา โรเบิร์ตสัน ลงเล่นให้กับฮัลล์ ซิตี้ รวมทุกรายการ 52 เกม สามารถพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นในลีกาสูงสุดของอังกฤษ เป็นผลสำเร็จ ท่ามกลางความยินดีของทีมโค้ช ที่มองว่าเม็ดเงิน 2.85 ล้านปอนด์ที่ลงทุนไป กลับกลายมาเป็นแบ็คซ้ายที่รอวันเติบใหญ่ในวันข้างหน้า
เบิร์ทส์ชิน ทิ้งท้ายว่า “การแข่งขันในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ คุณต้องทำงานหนักมาก เพราะคุณต้องพยายามเลื่อนชั้นให้ได้ ถ้าไม่เต็มใจจะถลกแขนเสื้อขึ้นสู้ คุณก็จะไม่มีวันไปไหนได้ไกล คุณต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับตัวเอง คุณจะต้องเข้มแข็ง บางเรื่องคุณอาจหาไม่ได้จากการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก ด้วยซ้ำ”
“ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ คุณจะถูกทดสอบมากกว่าพรีเมียร์ลีก ตอนนี้เขามีทัศนคติแห่งความไม่ยอมแพ้ติดตัว แม้แต่ตอนนี้ที่เขากลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูล เขาจะยังไม่พอใจอะไรง่ายๆ และต้องการจะผลักดันตัวเองต่อไป”
จากการพิสูจน์ตัวเองกับฮัลล์ ซิตี้ ส่งผลให้ปี 2017 ลิเวอร์พูล ตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีม ด้วยเงินราว 8 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับความคุ้มค่า และผลงาน พร้อมกับการก้าวมาเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรป
