:::     :::

"สหรัฐ สนธิสวัสดิ์" ผู้ทำงานหนักจนกลายร่างทอง

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
930
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การขึ้นจ่าฝูงหลังเก็บได้ 15 คะแนน จาก 6 เกมแรกของ ชลบุรี เอฟซี ในไทยลีก 2022/2023 ต้องยอมรับว่าพวกเขามาดีจริงๆ

หลังจากได้ สุมัญญา ปุริสาย กองกลางมันสมองมาผนึกในการทำเกมรุกกับ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว จนขับเคลื่อนการจ่ายบอลทะลุทะลวงได้อย่างลงตัว ทำให้สองคนนี้ได้โอกาสไปเล่นให้กับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในคิงส์ คัพ ครั้งที่ 48

ในรายของ สุมัญญา ปุริสาย นั้น อาจจะเป็นมวยแทนของ สารัช อยู่เย็น กัปตันทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้ามองที่ผลงาน 2 แอสซิสต์ที่เขาทำให้กับทีมจาก 6 เกม ถือว่า มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทัพ “ช้างศึก” ไม่ได้มองว่านักเตะที่อายุย่าง 36 ปีแล้ว


แต่เขาเบือกให้เกียรติผลงานอันเอกอุของ "เจ้าตั๊ก" ซึ่งควรคู่อย่างยิ่งกับการคัมแบ็คเข้ามาสู่ทัพ “ช้างศึก” ของเขา 

รวมทั้งการได้ 2 ผู้เล่นต่างชาติอย่าง อมาดู อ็อตตาร่า ที่มาเพิ่มเติมความจี๊ดจ๊าดทางริมเส้นให้ดูวูบวาบมากกว่าเดิม แล้วไหนจะมี ดานิโล อัลเวส ที่กดไปแล้ว 6 ประตู จาก 6 เกม ขึ้นนำดาวซัลโวแบบเดี่ยวๆไปเรียบร้อย อีกทั้ง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ดีกรีกองหลังกัปตันทีมนครราชสีมา มาสด้า ที่มีความเก๋าพร้อมใช้งานทันทีโดยแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย

ทว่าหากไม่มีมดงานที่คอยปิดทองหลังพระในแดนกลางให้กับ “ฉลามชล” พวกเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ก็เป็นได้ 

เหมือนกับหนึ่งในวลีเด็ดจากบรมกุนซือ เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เคยกล่าวเอาไว้ว่า “เกมรุกที่ดีจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับที่ดีจะทำให้คุณเป็นแชมป์” 


ผมกำลังพูดถึง “แจ๊บ” สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ ที่ผ่านการลงสนามครบ 6 เกม จำนวน 328 นาที ซึ่งเขาเองทำงานในบทบาทกองกลางตัวรับได้แบบเงียบๆ แต่กลับเพียบไปด้วยคุณภาพ ซึ่งไม่กี่วันก่อนผมมีโอกาสพูดคุยกับ วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของชลบุรี เอฟซี

“โค้ชเฮง” ยอมรับว่า ในซีซั่นนี้การจับคู่ในแดนกลางของ “แจ๊บ” กับ “และห์” กฤษดา กาแมน ทำให้เกิดความสมดุลไปทั่วทั้งสนาม คล้ายกับฤดูกาลที่พวกเขามี อดุล หละโสะ กับ คาซูโตะ คูชิดะ เป็นคู่หูคอยปัดกวาดหน้าบ้าน ก่อนจะถึงกรอบเขตโทษ

พร้อมกับมี สุมัญญา ปุริสาย และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่มาช่วยสร้างสรรค์เกมรุก ทำให้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างมาก 


จริงๆ แล้ว “แจ๊บ” ก้าวขึ้นมาเป็น ผู้เล่นในทีมชุดใหญ่ให้กับ ชลบุรี เอฟซี ตั้งแต่ในฤดูกาล 2018 แม้ว่าช่วงแรกยังมีปัญหาในการปรับตัว โดยเฉพาะในเรื่องของน้ำหนักของเขาที่ถูกมองว่าตุ้ยนุ้ยไปหน่อย จนทำให้ทีมต้องสั่งให้เขาไปรีดน้ำหนักตัวเองให้เพรียวกว่าเดิม 

กระทั่งมาซีซั่นนี้เขาได้รับโอกาสมากขึ้นจาก “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ และเขาก็ตอบแทนกุนซือใหญ่ของทีมด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมมากๆใน 6 เกมที่ผ่านมาของลีกสูงสุด กับสไตล์มิดฟิลด์ตัวรับ ที่จ่ายบอลสั้นยาว ได้มีประสิทธิภาพ บวกกับความนิ่งในการเข้าแท็คเกิ้ลแย่งบอลรวมถึงคอยดีเลย์เกมรุกคู่แข่งก่อนหลุดไปถึงแดนสุดท้าย 


ในเกมที่ออกไปเอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด 5-1 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของสโมสร นับจากการเจอกันทั้งหมด 22 ครั้ง เขาทำออกมาได้โดดเด่นมากๆ ไล่อัดแดนกลางของ “กิเลนผยอง” อย่าง พิชา อุทรา, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ และหัวหอกอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร ได้แบบอยู่หมัด

เมื่อจบเกมมีเสียงชื่นชมที่หลั่งไหลมาให้เขาอย่างมากมาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหลงระเริง เพราะซีซั่นนี้เพิ่งเปิดฉากไม่นาน แถมเมื่อมาพักช่วงฟีฟ่า เดย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกชาติทั่วโลกมีเกมกระชับมิตรกัน ทำให้ฟอร์มของทีมอาจจะขาดความต่อเนื่องไป


แต่ว่าฟอร์มแบบนี้ก็น่าจะช่วยให้เขามั่นใจในการเล่นมากยิ่งขึ้น เพราะจริงๆ แล้วเขาถูกวางเอาไว้ว่าจะดันขึ้นมาเป็นตัวหลักตั้งนานแล้ว กระทั่งมาทำได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือว่า “โค้ชเตี้ย” เองก็ให้ความเชื่อมั่นในตัวเขามากเช่นกัน

มั่นใจได้ว่าแฟนบอลของ ชลบุรี เอฟซี ที่ตั้งฉายาให้เขาว่า “แจ๊บ ร่างทอง” คงจะภูมิใจไม่น้อย ที่ลูกกรอก "ฉลาม” สามารถก้าวมาเป็นแกนหลักของทีมได้อีกคนแล้ว

และในอนาคตเรากำลังจะมีกองกลางตัวรับที่พร้อมเป็นตัวเลือกสำหรับทีมชาติไทยเพิ่มอีกคนได้เลย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด