แน่นอนว่ามันคือค่ำคืนแห่งความน่าจดใจ เพราะนอกจากจะเป็นสามแต้มล้ำค่ายังเป็นการบุกชนะที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย

         มันเป็นเกมที่สู้กันด้วยแท็คติกจนกระทั้งประตูแรกของทีมที่มาตั้งใบแดงและจุดโทษ กลายเป็นใบเบิกทางแห่งการเข้าวินในเกมนี้ไปเลย

วัดกันที่แดนกลาง

         ความพ่ายแพ้ 0-3 ในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ทำให้ทาง สเตฟาโน่ ปิโอลี่ มีการปรับแท็คติกเล็กน้อย โดยให้ อิสมาเอล เบนนาเซอร์ ยืนต่ำหน้าแผงหลังเพียงคนเดียว พร้อมกับให้ ซานโดร โตนาลี่ ที่อายุยังต้องผนึกกำลังกับ ราเด้ ครูนิช ในการบีบเกมเร็วฝั่ง เชลซี

         แน่นอนว่าเป้าหมายคือ จอร์จินโญ่ ที่เป็นคนกำหนดจังหวะของ "สิงห์บลูส์" รวมถึง มาเตโอ โควาซิช ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเกมของผู้มาเยือน

         เกมรุกของ "ปีศาจแดง-ดำ" ก็ใช้เกมริมเส้น โดยมี เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่เดินหน้าร่วมกับ ราฟาเอล เลเอา เพราะรู้ว่า รีซ เจมส์ จะเติมเกมสูง ซึ่งก็ถือเป็นการวัดกันไปเลย

         น่าสนใจว่าถ้าเกมดำเนินต่อไปแบบนี้ตลอด 90 นาทีจะเป็นยังไง แต่การเสีย ฟิคาโย่ โทโมรี่ ที่โดนไล่ออกพร้อมกับเสียประตูในเวลาเดียวกันนั้นทำให้แผนงานนั้นเสียไป

         นั่นทำให้ทาง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง และด้วยการเล่นที่ต้องการคอนคอยเปิดป้อนกับการที่ทีมมีผู้เล่นน้อยกว่าก็ทำให้แทบไม่มีส่วนกับเกมพร้อมการผ่านบอลสำเร็จเพียง 42 เปอร์เซ็นต์ น้อยที่สุดในเกมนี้

ความไร้ปราณีของ พ็อตเตอร์

         เมื่อ เอซี มิลาน เหลือ 10 คน เกมในก็อยู่ในการครอบครองของ เชลซี แทบจะสิ้นเชิง โดยเฉพาะในแดนกลางที่จัดการไว้ได้หมด

         ตัวเลขการผ่านบอลคือสิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนซึ่ เชลซี ผ่านลอล 712 ครั้ง สำเร็ต 671 ครั้ง คิดเป็น 94 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ทาง มิลาน ผ่านบอลได้เพียง 312 ครั้ง สำเร็จ 253 ครั้ง น้อยกว่า 2-3 เท่าเลย

         เฉพาะ จอร์จินโญ่ ที่สัมผัสบอลถึง 108 ครั้ง มากกว่านักเตะของ "ปีศาจแดง-ดำ" อย่างน้อยสองเท่า พร้อมกับผ่านบอล 91 ครั้ง มากกว่านักเตะที่ผ่านบอลมากที่สุดของ มิลาน อย่าง มัตเตโอ กับเบีย ที่ทำไป 39 ครั้ง

         การส่ง รูเบน ลอฟตัส-ชีค หลังเกมผ่านหนึ่งชั่วโมง ถือเป็นการคุมแดนกลางแทบจะทั้งหมด ในเวลาครึ่งชั่วโมงเขาผ่านบอลถึง 45 ครั้ง มากกกว่านักเตะคู่แข่งทุกคนตลอดทั้ง 90 นาทีเลย แถมสัมผัสบอลอีก 49 ครั้ง เทียบ 43 ครั้งของ ซานโดร โตนาลี่ ที่มากที่สุดของฝั่งเจ้าถิ่น

ความยอดเยี่ยมของ เมสัน เมาท์

         มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษอาจจะอยู่ในสนามเพียง 45 นาทีแรกของเกมเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าตัวคว้า แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ของเกมนี้ไปครอง 

         อย่างก็ตามตลอดครึ่งแรก เมาท์ เล่นงานเกมรับของ เอซี มิลาน จนปั่นป่วน โดยเฉพาะการดึง อิสมาเอล เบนนาเซอร์ ออกจากการปกป้องหน้าแผงหลัง 

         และจุดโทษที่ทีมได้พร้อมใบแดงของ ฟิคาโย่ โทโมรี่ ก็มาจากผลงานของ เมาท์ รวมถึงจังหวะชิ่งที่ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง ยิงประตูที่สองก็มาจากเขานี่เอง

         การปั้นเกมของ เมาท์ ในครึ่งแรกยอดเยี่ยมมีจังหวะผ่านบอลสำคัญ 3 หน สูงที่สุดในเกมนี้เท่ากับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ เพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในสนาม 90 นาทีเต็ม

เกมถัดไป

         เชลซี จะกลับมาเล่นในลีกอีกครั้งในวันวันอาทิตย์นี้โดยจะไปเยือน แอสตัน วิลล่า ตามด้วยเกมกลางสัปดาห์ในลีกเช่นกันโดยจะไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด