5 ประเด็นน่าสนใจเกมหงส์พ่ายเจ้าป่า
และนี่คือ 5 ประเด็นที่น่าสนใจ (และน่าห่วง) ของหงส์แดงหลังเกมพ่ายเจ้าป่า จะมีอะไรบ้างนั้น เชิญทัศนาได้ที่บรรทัดด้านล่างนี้ 1) ปัญหาอาการบาดเจ็บ ไลน์อัพของ ลิเวอร์พูล เมื่อวานนี้ถึงคราวต้องปรับเปลี่ยนอีกครั้ง หลังจาก ดาร์วิน นูนเญซ ที่เพิ่งทำประตูชัยให้ทีมมาหมาด ๆ มาได้รับบาดเจ็บตรงแฮมสตริงจนชวดลงสนาม ลิสต์รายชื่ออื่น ๆ ที่บาดเจ็บก็ยังมี ติอาโก้ อัลคันทาร่า ซึ่งมีอาการหูติดเชื้อ จน คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงสนามคู่กับ ฟาบินโญ่ ในแดนกลาง เมื่อนับรวมกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้าต้องบอกว่าโรงหมอของ ลิเวอร์พูล แน่นเอี้ยดเต็มไปหมด มีทั้ง ดิโอโก้ โชต้า, อาร์ตูร์ เมโล่, อิบราฮิมา โกนาเต้, โจเอล มาติป, หลุยส์ ดิอาซ และ นาบี เกอิต้า เรียกว่ามีแต่ตัวหลัก ๆ ที่สำคัญทั้งสิ้น คล็อปป์ แก้ปัญหาด้วยการกลับมาใช้ระบบ 4-3-3 อีกครั้ง แดนหน้าเป็น ฟีร์มิโน่, ซาล่าห์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ไปยืนเป็นปีกซ้าย ส่วนแบ็คโฟร์เลือกใช้งาน เจมส์ มิลเนอร์ เป็นแบ็คขวาแทนที่ เทรนต์ เพราะต้องการขันเกมรับให้แน่นขึ้น ปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บเป็นพรวดขนาดนี้ ทำให้นึกถึงเมื่อสองฤดูกาลก่อนขึ้นมาเลย เพราะในตอนนั้นก็เจอปัญหาเดียวกัน จนฟอร์มขึ้น ๆ ลง ๆ และหมดลุ้นแชมป์ตั้งแต่หัววัน 2) ความผิดพลาดในเกมรับ นี่เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูจากความผิดพลาดในเกมรับทำให้แต้มหลุดมือ และในคราวนี้ก็ถึงเริ่มจาก โจ โกเมซ ที่เสียสมาธิจนโดน ไทโว อโวนิยี่ อดีตเด็กเก่าหงส์แย่งบอลไปดื้อ ๆ จนต้องตัดเกมด้วยการทำฟาวล์ จากลูกฟรีคิก หากดูภาพช้าจะเห็นว่าไม่มีนักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่ตามติด อโวนิยี่ จนโดนซ้ำดาบสองเข้าไปเต็มข้อ พาเจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 ประตูนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล เสียประตูเป็นลูกที่ 13 จาก 11 นัดในลีก หากไม่ได้ประตูตุนไว้ในเกมที่ถล่ม บอร์นมัธ 9 ลูก ในตอนนี้หงส์แดงอาจมีลูกได้เสียติดลบไปแล้ว เพราะในปีนี้เกมรุกก็ลดความน่ากลัวลงแถมเกมรับยังไม่แน่นเหมือนเก่าอีก เป็นปัญหาที่น่าหนักใจแทน คล็อปป์ จริง ๆ
3) กฏยิงประตูทีมเก่าของ อโวนิยี่ ประตูนี้ของ อโวนิยี่ เป็นประตูที่สองที่เขายิงได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แต่กลับเป็นประตูที่สำคัญมาก ๆ ต่อทีมและตัวเขาเองอย่างไม่น่าเชื่อ อโวนิยี่ มีชื่ิออยู่ในทีมมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ถูกปล่อยยืมไปมากถึง 7 สโมสร ก่อนจะได้ฤกษ์ย้ายมาอยู่กับ ฟอเรสต์ เป็นการถาวร และมาทำแสบใส่ทีมเก่าในเกมนี้ แถมยังไม่เคยลงสนามในเกมทางการให้ ลิเวอร์พูล เลยสักนัด 4) ฟอร์มสุดยอดของ ดีน เฮนเดอร์สัน หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีแต้มในเกมนี้ต้องยกเครดิตครึ่งนึงให้กับฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารจอมหนึบของ ฟอเรสต์ ด้วยครับ เกมนี้ ลิเวอร์พูล ครองบอลมากถึง 75% และบุกกระหน่ำใส่เจ้าบ้านไป 15 ครั้ง ซึ่ง ดีน เฮนเดอร์สัน โชว์ซูเปอร์เซฟไปคนเดียวเหนาะ ๆ 7 ครั้ง ทำให้ยอดรวมในฤดูกาลนี้เขาออกแรงเซฟช่วยทีมไปแล้ว 49 ครั้ง และเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน 5) เกมรุกไม่ดุดันเหมือนเก่า หนึ่งในปัญหาของ ลิเวอร์พูล ฤดูกาลนี้นอกจากเกมรับก็คงเป็นเกมรุกนี่แหละครับ ที่ดูจะผิดฟอร์มไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนระบบการเล่น และอีกส่วนคือการขาดหายไปของตัวทะลุทะลวงที่ดีอย่าง ซาดิโอ มาเน่ ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา นอกจาก ซาล่าห์ แล้ว ก็มี มาเน่ ที่คอยดึงตัวประกบ ทะลุทะลวงแนวรับและพาบอลไปจบสกอร์ได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเล่นได้ดีทั้งลูกบนพื้นและลูกกลางอากาศ ซึ่งในส่วนนี้ ดาร์วิน นูนเญซ ยังอยู่ในช่วงปรับตัว แถม หลุยส์ ดิอาซ ก็เจ็บ และ ซาล่าห์ ก็ถูกปรับตำแหน่งการยืน จึงทำให้ประสิทธิภาพเกมรุกลดลง และไม่เข้าที่เข้าทางเสียที 5 สิ่งที่ ลิเวอร์พูล กำลังเจอปัญหาจากเกมแพ้ ฟอเรสต์ เป็นการบ้านกองโตที่ คล็อปป์ ต้องเร่งแก้ไข อย่างน้อย ๆ ต้องพาทีมเข้ารอบ ชปล. ให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยกลับมาโฟกัสในลีกต่อ ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล แต่ถ้ายังสะสางปัญหาเหล่านี้ไม่เสร็จสิ้น ดูท่าว่าหงส์แดงจะเหนื่อยหนักแน่นอนสำหรับการลุ้นพื้นที่บอลยุโรป ที่ปีนี้มีคู่แข่งที่พร้อมสอดแทรกเต็มไปหมด