หลังจากนั้นเพิ่งพลาดท่าพ่ายเพียงนัดเดียวให้กับ สุโขทัย เอฟซี รวม 10 นัดชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 1 ยิงได้ 11 และเสียเพียง 4 ประตู น้อยที่สุดในลีกเท่ากับ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด ขึ้นมารั้งอันดับ 4 ตารางของไทยลีกชนิดหักปากกาเซียนหลายสำนัก
ผลงานอันยอดเยี่ยมแบบนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกิดจากการเติมผู้เล่นเข้ามาในปีนี้ได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น อัลวิน ฟอร์เตส ปีกชาวหมู่เกาะเคปเวิร์ด ซึ่งลากเลื้อยได้อย่างสะเด่าเหลือกำลัง โดยอดีตนักเตะเยาวชนของ เฟเยนูร์ด ที่เคยค้าแข้งกับอีกหลายสโมสรในยุโรป ประสานงานกับ แดร์เลย์ ได้อย่างลงตัวมากๆ
ยังมี เฮน พโย วิน ในตำแหน่งแบ็คขวาที่ยังสามารถขยับไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้ ซึ่งผลงานในการเติมเกมริมเส้นร้อนแรงอย่างมาก กระทั่งตอนนี้แข้งทีมชาติเมียนมา กลายเป็นหนึ่งในขวัญใจของสาวก "ราชันมังกร" ที่หลงรักการเล่นของเขาไปแล้ว
แต่คนที่เด่นชัดและถูกมองว่าคุ้มค่ากับตลาดซื้อขายในรอบแรกของ ราชบุรี เอฟซี ซึ่งถูกพูดถึงมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้น "จักรพันธ์ แก้วพรม" ที่ย้ายมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัว
ด้วยประสบการณ์ในการเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 11 ปี เรียกได้ว่าเจนจัดในยุทธภพลูกหนังอย่างมาก หลังช่วยให้ทีมบ้านเกิดคว้าแชมป์ไปทั้งสิ้นถึง 28 รายการ พร้อมอยู่ในชุดผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2013 และ คว้า 5 แชมป์ในหนึ่งปี เป็นทีมแรกของเอเชียในฤดูกาล 2015
นอกจากนี้ใน 4 เกมสุดท้ายของรอบรองกับรองชิงชนะเลิศ ของฟุตบอลถ้วย 2 รายการ ไม่ว่าจะเป็น ลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ เขายังลงเล่นเป็นตัวจริง ผนึกกำลังกับ ธีราทร บุญมาทัน พาทีมคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นแข้งไทยคนเดียวที่ได้แชมป์ไทยลีกถึง 8 สมัย
การมาที่ ราชบุรี เอฟซี ในซีซั่นนี้ของเขา เสมือนเป็นการเติมเต็มในบทบาทของจอมทัพที่ทีมขาดหายไป โดยวันที่เปิดตัวเขาได้กล่าวเอาไว้อย่างน่าฟังว่า "ถือว่าเป็นความท้าทายอีกบทหนึ่งของชีวิต เป็นความรู้สึกใหม่ๆ ดีใจและตื่นเต้นที่ได้มาร่วมทีมในทีมมีผู้เล่นที่มีศักยภาพหลายคน ที่พร้อมจะพัฒนาทำให้ทีมขึ้นไปในระดับที่ดีขึ้นได้"
"เป้าหมายส่วนตัว จะพยายามทำผลงาน และช่วยทีมให้ได้ดีที่สุด ส่วนผลงานกับทีมผมว่าต้องลองดูกัน เพราะผมก็ใหม่ แล้วโค้ชก็ใหม่ อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่จะทำให้เต็มที่ พยายามจบในอันดับที่ดีที่สุดในบอลลีกปีนี้"
ยิ่งไปกว่านั้น "ราชันมังกร" ยังตอบแทนความมั่นใจที่มีต่อ "โน๊ต" ด้วยการมอบปลอกแขนเป็นกัปตันทีมในซีซั่นนี้ ซึ่งบทบาทดังกล่าวถูกเติมเต็มเข้ามาด้วยมันสมองในการปั้นเกมที่เฉียบขาดเอามากๆ
ทั้งการจ่ายบอลทะลุช่องที่เฉียบคม, วางบอลได้อย่างแม่นยำ คล้ายกับว่าเท้ามีรีโมทติดที่เท้า, สามารถเล่นได้ทั้งบทบาทกองกลางตัวทำเกม หรือออกไปริมเส้นก็ได้ จนมีแอสซิสต์กับชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดไปแล้ว อีกทั้งยังวิ่งไล่เพรสช่วยเกมรับได้ตลอดทั้งเกมอีกด้วย เรียกได้ว่าสรรพคุณที่ว่ามาทั้งหมดต้องยอมรับว่าเป็นของดีในตลาดรอบแรกอย่างแท้จริง
จากฟอร์มที่กล่าวมาไม่แปลกใจเลยว่า มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ จะเรียกเขาไปลุยศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการคัมแบ็คสู่ทัพ "ช้างศึก" ในรอบ 1 ปี 3 เดือน อีกด้วย
หลังจากหนล่าสุดเขามีชื่อในยุคของ "อากิระ นิชิโนะ" โดยเกมสุดท้ายที่ลงเล่นในสีเสื้อทัพ "ช้างศึก" เป็นเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 15 มิ.ย.64 ซึ่งเป็นเกมที่ทีมชาติไทย แพ้ มาเลเซีย 0-1 โดยเขาลงสนามในฐานะตัวสำรองแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ช่วงนาทีที่ 72
แม้ว่าจะลงสนามในเกมชิงอันดับ 3 แต่เขาเองก็มีส่วนช่วยให้แดนกลางทีมชาติไทย มีมิติและวูบวาบเอามากๆ ด้วยการจับคู่กับ ธีราทร บุญมาทัน อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้ทุกอย่างดูลงตัว จนกระทั่งเอาชนะ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ไป 2-1
ปัจจุบันอาจจะอยู่ในวัย 34 ปี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือคีย์แมนของ ราชบุรี เอฟซี ที่พวกเขาค้นหามานาน และก้าวสู่การเป็น “ยอดกัปตัน” แห่งพลพรรค “ราชันมังกร” ไปแล้ว
