ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟุตบอลลีกอังกฤษยังไม่เปิดกว้างยอมรับโค้ชผิวสีในบทบาทผู้จัดการทีม โดยเฉพาะคนไกลจากทวีปอื่น
ในอดีต โทนี่ คอลลินส์ คือผู้จัดการทีมผิวดำคนแรกแห่ง รอชเดล ระหว่างปี 1960-1967 จากนั้นก็หายหน้าหายตาไปนานหลายสิบปี จนกระทั่ง ลินคอล์น ซิตี้ เลือก คีธ อเล็กซานเดอร์ ในปี 1993
ในพรีเมียร์ลีก รุด กุลลิท คือผู้จัดการทีมผิวดำคนแรก เมื่อครั้งคุม เชลซี ปี 1995 และได้ชูถ้วย เอฟเอ คัพ ในปี 1997 จากนั้นปี 2008 พอล อินซ์ คือผู้จัดการทีมผิวดำที่เป็นชาวอังกฤษคนแรก จากการคุม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ช่วงสั้นๆ
และในฐานข้อมูลจนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี 2021 พบรายชื่อผู้จัดการทีมผิวดำที่เคยคุมสโมสรระดับพรีเมียร์ลีกเพียง 10 คน แถม 2 ใน 10 ยังเป็นการคุมในฐานะกุนซือชั่วคราวเท่านั้น
นอกจาก กุลลิท กับ อินซ์ แล้ว ก็มี...
คริส แรมซี่ย์ (ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส)
เฮย์เด้น มัลลินส์ (วัตฟอร์ด, ชั่วคราว)
ดาร์เรน มัวร์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบียน)
ฌอง ติกาน่า (ฟูแล่ม)
คริส ฮิวจ์ตัน (ท็อตแน่ม, ชั่วคราว, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, นอริช ซิตี้, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน)
นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ (วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)
เทอร์รี่ คอนเนอร์ (วูลฟ์แฮมป์ตัน, ชั่วคราว)
และ ปาทริค วิเอร่า (คริสตัล พาเลซ) ที่ยังคุมทัพอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สโมสรฟุตบอลลีกอังกฤษในระดับทีมชุดใหญ่ ยังไม่เคยปรากฏผู้จัดการทีมผิวสีที่มีสัญชาติแอฟริกามาก่อน จนกระทั่ง วีแกน แอธเลติก ประกาศแต่งตั้ง โคโล่ ตูเร่ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
เรื่องประสบการณ์กับฟุตบอลอังกฤษ โคโล่ เผชิญมาอย่างโชกโชนตั้งแต่ปี 2002 ที่มาอยู่กับ อาร์เซน่อล จนถึงปี 2009 ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปี 2013 มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก่อนย้ายไปปิดฉากอาชีพที่ เซลติก ในปี 2016
แต่กับงานโค้ช โคโล่ ยังถือเป็นมือใหม่ในวัย 41 ปี
โคโล่ เริ่มทำความรู้จักงานโค้ชกับสหพันธ์ฟุตบอลไอวอรี่โคสต์ในเดือนสิงหาคมปี 2017 อยู่ในทีมสต๊าฟฟ์โค้ชทั้งชุดแอฟริกัน เนชั่นส์ แชมเปี้ยนชิพ และทีมชุดยู-23
จากนั้นเพียงเดือนเดียว โคโล่ ก็มาร่วมงานกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ เซลติก ในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายเทคนิค และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ก็ย้ายตามเจ้านาย 'บี-ร็อด' มาที่ เลสเตอร์ ซิตี้
ภายหลังการรับงานผู้จัดการทีมเต็มตัวกับ วีแกน โคโล่ ถูกถามถึงโอกาสของผู้จัดการทีมผิวดำจากแอฟริกาที่ได้ทำงานคุมทีมในลีกอังกฤษ ซึ่งไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
"ไม่รู้สิ พูดตามตรง มันแค่เป็นเรื่องของจังหวะ และโอกาส"
"สำหรับผมแล้ว เมื่อโอกาสมาถึง ผมจะไขว่คว้าเอาไว้ มันอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ หรืออาจจะเป็น ยาย่า ก็ได้"
"ผมอยู่ในประเทศนี้มา 20 ปีแล้ว ผมคิดว่าผู้คนต่างรู้จักผมที่นี่เป็นอย่างดี บางทีนักเตะแอฟริกันส่วนใหญ่พอเลิกเล่นที่นี่ พวกเขาก็เดินทางกลับประเทศของพวกเขา"
"แต่ผมอยู่ที่นี่ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมผู้คนถึงรู้จักผมมากขึ้น และผมก็ยังอยู่ในเกมฟุตบอลเช่นกัน ทำงานร่วมกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส"
ตามรายงานจากสื่ออังกฤษ ภายหลังจากที่ วีแกน ปลดผู้จัดการทีม เลียม ริชาร์ดสัน เดอะ ลาติกส์ ไปทาบทาม ยาย่า ตูเร่ น้องชายของ โคโล่ ที่อายุน้อยกว่าสองปี แต่คนน้องตอบปฏิเสธงานนี้
ไม่ใช่ว่า ยาย่า ไม่สนใจเอาดีทางงานโค้ช แต่เขาเพิ่งรับงานโค้ชทีมยู-16 ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อเดือนสิงหาคม จึงต้องการเตรียมพร้อมในงานสายนี้ให้ดีที่สุดก่อน ไม่อยากย้ายงานไปรับเผือกร้อนกับทีมหนีตกชั้นในแชมเปี้ยนชิพ
"ก็เหมือนกับโค้ช, ผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ผมคิดว่าชื่อของเขาคงถูกเชื่อมโยงด้วย แต่ผมไม่รู้อะไรมากนัก"
"เวลานี้เขากำลังเตรียมพร้อมจบหลักสูตรโค้ช และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอกาสก็จะมาเอง"
"เราพูดคุยกันนิดหน่อย แต่เขากำลังมุ่งมั่นกับการทำงานที่ ท็อตแน่ม ในตอนนี้"
"ผมแน่ใจว่าเขาจะมีโอกาส เขาเตรียมพร้อมตัวเองได้ดีมากๆ มันเป็นเรื่องของกระบวนการ การเตรียมตัว และมันจะถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อเขารู้สึกพร้อม"
หากงานของ โคโล่ ไปได้สวยกับ วีแกน ในแชมเปี้ยนชิพ ภายในระยะเวลาสามปีครึ่ง ตามสัญญาที่เซ็นเอาไว้ เราอาจได้เห็นการก้าวเท้าสู่สโมสรที่ใหญ่ขึ้น และมีโอกาสลุ้นเลื่อนชั้นมากขึ้น
และในอนาคต ก็มีโอกาสได้เห็น โคโล่ เผชิญหน้ากับ ยาย่า ในฐานะผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลลีกอังกฤษ
