:::     :::

การไขว่คว้าความฝัน ตามแบบฉบับ "อันโตนี่"

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
760
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สำหรับอันโตนี่ ดาวเตะทีมชาติบราซิล ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 100 ล้านยูโร แน่นอนว่า หนทางยังอีกยาวไกล และเวลาที่รอให้เขาพิสูจน์ตัวเอง ผ่านเวทีระดับโลกอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ช่วงนี้ เราลองไปติดตามชีวิตของเขากันหน่อย ลองไปดูกันว่า เขาฝ่าฟันกับอะไรมาบ้าง และมีเส้นทางการไขว่คว้าความฝันอย่างไร 

อันโตนี่ เกิด และเติบโตที่โอซาสโก้เขตชานเมืองอุตสาหกรรม ในเซา เปาโล ประเทศบราซิล เขาเติบโตมาในชุมชนแออัด ที่เรียกขานกันว่าอินเฟอร์นินโญ่โดยเป็นดินแดนที่เป็นที่รู้จักในนามของนรกบนดินที่แห่งนั้น เต็มไปด้วยสารพันปัญหา ทั้งยาเสพติด, ฆาตกรรม และอันธพาล 


พ่อของเขาเป็นช่างทำกุญแจ ขณะที่แม่เป็นพนักงานร้านขายเสื้อผ้า และรองเท้า การที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ทำให้ต้องหาเช้ากินค่ำ ผ่านการตรากตรำ และต่อสู้กับความลำบาก แน่นอนว่า บ้านของพวกเขาไม่หรูหรา ส่วนเงินก็แทบจะไม่มี อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็จับมือฝ่าฟันกันมาได้ ด้วยคำว่าสายสัมพันธ์ในครอบครัว


ชีวิตของผม ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมามากมาย ย้อนเวลากลับไป ผมไม่มีรองเท้าฟุตบอลใส่ ผมไม่มีอะไรจะกินด้วยซ้ำ ช่วงเวลาตี 3 หรือตี 4 ผมต้องมานั่งวิดน้ำออกจากบ้าน เพราะบ้านของผมน้ำท่วม ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก อย่างไรก็ตาม ผมก็ผ่านพ้นมาด้วยรอยยิ้ม ผมมองว่ามันคุ้มค่า เพราะผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่อดทนในอดีต ช่วงเวลาเหล่านั้น เพาะบ่มให้ผมมีทุกวันนี้

แม้ว่าจะเป็นเด็กที่ยากจน ถึงขั้นไม่มีรองเท้าฟุตบอลใส่ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความรักที่มีต่อลูกหนังได้ อันโตนี่ ลงวาดลวดลายแบบเท้าเปล่า และมีสนามแถวบ้านเป็นลานประลอง พร้อมกับมีตำนานอย่างโรนัลดินโญ่ และโรนัลโด้ เป็นไอดอลในดวงใจ


ผมลงเล่นฟุตบอลในชุมชน ผมอาศัยอยู่ในสลัม และอยู่ที่นั่นมาเสมอ จนมีโอกาสเล่นฟุตบอลอาชีพกับเซา เปาโล ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อว่า หลังจบเกมแล้ว เด็กสลัมอย่างผมที่ปรากฏตัวในโทรทัศน์ จะย้อนกลับไปที่แห่งนั้น ความจริงแล้ว ผมไม่อยากจากไปไหนเลย


ความทรงจำของผมคือ การเล่นฟุตบอลแบบเท้าเปล่า เพราะผมไม่มีรองเท้าใส่ ผมเล่นฟุตบอลในสนามกับเพื่อนๆ ตั้งแต่กลางวันถึงพลบค่ำ นี่คือความทรงจำที่ฉาบไปด้วยความสุข ผมไม่อายที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ทุกย่างก้าวที่ผ่านมา ถือว่าแสนคุ้มค่า ทำให้ผมมีประสบการณ์เหมือนทุกวันนี้


อันโตนี่ บอกถึงตัวตนว่า เขามีความฝันเพียงอย่างเดียว คือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเป็นปลายทางที่จะนำพาเขา และครอบครัว หลุดพ้นจากความยากลำบาก


ผมเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวเสมอมา เมื่อผมต้องการอะไรบางอย่าง ผมก็จะลงมือทำ จนกว่าจะได้มันมา แผนแรกของผมคือการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมไม่เคยมีแผนสอง ผมมีแผนแรกเพียงแค่แผนเดียว ผมจะทำตามแผนนั้น จนกว่ามันจะสำเร็จ เพื่อเป็นการเติมเต็มความฝันของผม และครอบครัว ผมมีความคิดนี้อยู่เสมอ ผมนึกไม่ออกเลยว่า ผมจะทำอะไรอย่างอื่นได้ ผมเชื่อมั่นเสมอว่าตัวเองทำได้ โดยไม่สนใจความยากลำบากที่เข้ามา


ความปรารถนาอันแรงกล้า ทำให้เขาก้าวมาสู่อะคาเดมี่ของเซา เปาโล ด้วยวัยเพียง 12 ขวบ ก่อนก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในอีก 6 ปีต่อมา ก่อนมีธงชาติบราซิล ติดตรงหน้าอกด้านซ้าย ผลสุดท้าย เขาลงเอยด้วยการมาเล่นในลีกยุโรปกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และล่าสุดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


อเลซานเดร ปาสซาโร่ อดีตผู้อำนวยการของเซา เปาโล ย้อนความทรงจำว่านั่นคือจุดปลี่ยนสำคัญของเขา เขาแตกต่างจากเด็กคนอื่น ที่ส่วนมากจะปฏิเสธกลับไปเล่นทีมระดับเยาวชน เพราะมองว่าเป็นผลเสีย อย่างไรก็ตาม เขายอมรับมันในทันที แม้หมายถึงการพลาดโอกาสออกเดินทางไปกับทริปที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ตั้งตารอคอยก็ตาม


เขาเป็นเด็กที่อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ เขาสนใจเพียงว่า เขาจะปรับปรุงการเล่นของตัวเองอย่างไร ฝีเท้าของเขาเปล่งประกายในฤดูกาลนั้น พร้อมกับกลายมาเป็นนักเตะที่เราชื่นชมในทุกวันนี้ เพียงไม่นาน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ติดต่อเข้ามา เราตัดสินใจขายเขาออกไป ในช่วงต้นปี 2020 พร้อมกับทำสัญญาส่วนแบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ หากว่าอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ขายเขาต่อให้กับสโมสรอื่น เพราะเรารู้ดีว่า เขาจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน

อันโตนี่ ทิ้งท้ายว่าความกดดันที่แท้จริง คือตอนที่ผมอาศัยอยู่ในสลัม รวมถึงการออกไปเรียน 9 โมงเช้า โดยที่ไม่รู้ว่า ตัวเองจะได้กินอะไรอีกมั้ย จนกว่าจะพลบค่ำ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความกดดัน

การมาจากสลัม ไม่ได้มีข้อเสียอย่างเดียว มันแอบซ่อนข้อดีเอาไว้เหมือนกัน ด้านที่ยากลำบากคือ คุณต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด และอาวุธปืน อีกด้านที่สวยงามคือ ภายในชุมชนจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีใครมองว่าตัวเองยิ่งใหญ่ หรือสำคัญมากกว่าคนอื่น


สิ่งที่ผมพบเจอเสมอคือ การทำร้ายผู้คน ครอบครัวสูญเสียลูกชาย, สามี และภรรยา ผมต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อตำรวจบุกค้นบ้านของเรา เพื่อดูว่ามีสิ่งผิดกฏหมายอยู่หรือไม่ ผมอาศัยอยู่ใจกลางสลัม หน้าบ้านผมมีการขายยาเสพติด นั่นคือสิ่งที่คุณเห็น และตกใจกับมัน กระนั้น ผมได้แรงหนุนจากครอบครัวเสมอ ครอบครัวที่อุทิศตนให้กับพระเจ้า ผู้ทรงแสดงให้ผมเห็นถึงเส้นทางเดินที่ถูกต้อง


สิ่งที่เขาพูดอาจไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปนัก นั่นคือครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญเสมอ ย้อนเวลากลับไปวัยเด็ก เขามีการเซ็นสัญญากับเซา เปาโล อยู่ราว 2-3 ครั้ง โดยทุกครั้งที่จะลงนาม เขาจะพาพ่อ, แม่ และพี่น้องทุกคนมาด้วยเสมอ ทุกอย่างที่เขาลงมือทำ มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวอยู่ตลอด


ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมทรมานมากกับชีวิตในสลัม หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากบอกตัวเองว่า จงอดทนให้มาก ผมผ่านทุกอย่างมาได้แล้ว วันนี้ ผมได้ใช้ชีวิตตามความฝันในวัยเด็กของตัวเอง เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์, สร้างประวัติศาสตร์ และเติบโตในฐานะนักฟุตบอล พร้อมกับเป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งใน และนอกสนาม


เมื่อครอบครัวรู้แล้วว่า ผมย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาก็ร้องไห้โฮออกมาเลย ผมมาจากครอบครัวที่อ่อนน้อมถ่อมตน ดังนั้น เมื่อเราทำอะไรบางอย่างสำเร็จ เราจะขอบคุณพระเจ้า และจดจำทุกอย่างในเส้นทางเดิน สุดท้ายมีเพียงผม และครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่า เราผ่านอะไรกันมาบ้าง เช่นเดียวกับขวากหนามที่เราต้องเผชิญ เรามักจะจดจำทุกสิ่งที่เราฝ่าฟันมา เพื่อใช้ชีวิตดั่งความฝัน เหมือนทุกวันนี้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด