ก่อนลงสนามเยือน ไบรท์ตัน ในนัดปิดท้ายปี 2022 อาร์เซน่อล ได้รับข่าวดีเมื่อทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ นิวคาสเซิ่ล ต่างสะดุดได้เพียงเสมอในบ้าน 

มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือเมื่อบุกชนะทัพนางนวลได้สำเร็จในเกมที่มีหวาดเสียวครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แต่ยังดีพอเอาตัวรอดได้

อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมตำแหน่งเดียวจากนัดชนะ เวสต์แฮม ในวันบ็อกซิ่งเดย์ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ทวงพื้นที่แบ็กซ้ายตัวจริงคืนจาก คีแรน เทียร์นีย์ 

แข้งปืนเริ่มต้นได้ดั่งฝันเพราะเพียงนาทีเศษก็ออกนำก่อนจาก บูคาโย่ ซาก้า ที่เก็บตกได้ยอดเยี่ยมหลัง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ยิงติดบล็อกจังหวะแรก

การนำเร็วตั้งแต่ต้นทำให้ อาร์เซน่อล ไม่ต้องเร่งเครื่องมากนัก พวกเขาเลือกเน้นความชัวร์ในการเซตบอลจากข้างหลัง หากไม่มีพื้นที่เจาะในแดนสุดท้ายก็เคาะกลับมาตั้งกันใหม่

ขณะเดียวกันก็เป็นทาง ไบรท์ตัน ที่พยายามมากขึ้นในการเซตบอลหาโอกาสทำประตูคืน ทว่ากลับมาเสียประตูที่สองในท้ายครึ่งแรก

บิลลี่ กิลมอร์ กองกลาวชาวสกอตต์ที่ได้เล่นแทน มอยเซส ไกเซโด้ ที่ติดโทษ โหม่งเคลียร์ลูกเตะมุมเข้าทางปืน มาร์ติน โอเดการ์ด ได้วิ่งมาหวดด้วยซ้ายส่งบอลกระดอนพื้นก่อนเด้งเข้าสามเหลี่ยมอย่างแม่นยำ โรเบิร์ต ซานเชซ ยืนขาตายได้เพียงใช้สายตาป้องกัน

เอ็นเคเทียห์ ทำหน้าที่แทน เชซุส ได้ดี

ตลอดครึ่งแรก ไบรท์ตัน ครองบอลถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ต่อบอลมากกว่า อาร์เซน่อล เกินสองเท่า (319 : 158) ทว่ามีโอกาสลุ้นยิงแค่ 3 ครั้ง และไม่เป็นประตู

ปืนใหญ่ ครองบอลน้อยแต่หาโอกาสจบได้มากกว่าและได้สองประตูอุ่นใจก่อนพักเบรก

เท่านั้นไม่พอ สิ่งที่ อาร์เซน่อล ทำได้ดีอีกครั้งคือทำประตูได้เร็วในช่วงต้นของการรีสตาร์ตครึ่งหลังไม่ต่างจากการเริ่มเกมครึ่งแรก มาร์ติเนลลี่ โยกแล้วยิงมุมแคบติดเซฟ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ปราดเข้าซ้ำจ่อๆ ไม่พลาด

เจาะรายละเอียดลงไปจะพบว่าประตูต้นครึ่งแรกและต้นครึ่งหลังเป็นการโจมตีในรูปแบบเดียวกันคือตัดบอลแล้วแล้วจบที่ได้ประตู 

ประตูแรก ทาริค แลมตีย์ เลี้ยงบอลหน้าเขตโทษตัวเองทำให้โดน โธมัส ปาร์เตย์ ตัดได้ 

ประตูที่สามก็เป็นจังหวะต่อบอลรุกของ ไบรท์ตัน ที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้เปิดบอลเข้าเขตโทษก่อนโดน ปาร์เตย์ ตัดได้อีก อาร์เซน่อล จึงโต้กลับก่อนจบด้วยการยิงของ มาร์ตีเนลลี่ และ เอ็นเคเทียห์ ตามซ้ำ

3-0 ก่อนถึงนาที 50 เป็นสกอร์ในฝันของ อาร์เซน่อล ก็ว่าได้ เพียงแต่หลังจากนั้นไม่สามารถปิดเกมได้ดีนัก และก็ต้องชม ไบรท์ตัน ด้วยที่พยายามฮึดสู้อย่างเต็มที่

ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย อาร์เตต้า เปลี่ยนแบ็กสองข้างถอด เบน ไวท์ และ ซินเชนโก้ ออกไปพักแล้วส่ง ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ กับ คีแรน เทียร์นีย์ ลงแทนซึ่งทำให้เกมรับของทีม "รวน" ไปพอสมควร

อาร์เตต้า จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะแบ็กสองข้างใช้พลังเยอะ และเกือบทุกนัดในฤดูกาลนี้ก็มักเปลี่ยนตัวแบบนี้ เลือกตัวสดลงไปช่วยเกมรับ แต่คุณภาพโดยรวมในฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่า ไวท์ กับ ซินเชนโก้ ทำได้ดีกว่า โทมิ กับ เทียร์นีย์ 

คาโอรุ มิโตมะ จึงได้โอกาสทำประตูตีไข่แตกที่ปลุกความหวังของทีมได้มากแม้ตามหลังอยู่อีก 2 ประตู 

โอเดการ์ด สร้างสรรค์เกมได้ดีเหมือนเคย

ไบรท์ตัน ต่อบอลได้มากกว่าตั้งแต่ครึ่งแรกอยู่แล้ว พอได้ประตูแรกก็มีฮึดมากขึ้น มุ่งมั่นลุยต่อตามเสียงเชียร์ของแฟนบอล

เกมเหมือนจะเป็นโมเมนตัมที่เริ่มไปทางฝั่งเจ้าถิ่น แต่แล้ว อาร์เซน่อล ก็ยังแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมในเกมรุกที่ยิงได้ลูกสี่จากการประสานงานที่ดีเหลือเกิน มาร์ติน โอเดการ์ด ตวัดบอลจากแดนตัวเองให้ มาร์ติเนลลี่ วัดความเร็วกับ แลมตีย์ ก่อนถึงบอลก่อนแล้วเลือกจบเองจิ้มบอลแฉลบขา ซานเชซ ตุงตาข่าย

เกมพลิกไปพลิกมาอีกรอบเมื่อ ไบรท์ตัน ไม่ยอมแพ้ทวงคืนอีกลูกจากตัวสำรอง อีวาน เฟอร์กูสัน ดาวรุ่งวัยเพียง 18 ปีที่เก็บตกหลังจาก วิลเลี่ยม ซาลีบา ผิดพลาด 

มิโตมะ ที่เด่นมากๆ ในเกมนี้เกือบมีชื่อทำประตูอีกครั้งในท้ายเกมหลังส่งบอลตุงตาข่าย ทว่าจังหวะรับบอลล้ำหน้าไปนิดเดียว แฟนบอลไบรท์ตันจึงเฮเก้อกันไป ขณะเดียวกันแฟนๆ อาร์เซน่อล ก็เป่าปากโล่งที่สกอร์ยังเป็น 4-2 

ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล เอาตัวรอดไปได้ด้วยชัยชนะในเกมยากไม่ต่างจากทุกครั้งที่ต้องเยือน ดิ เอเม็กซ์  คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม โดยใน 5 นัดก่อนหน้านัดนี้ พวกเขาชนะกลับออกมาได้เพียงนัดเดียว  

อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมว่า "เป็นชัยชนะที่สำคัญมาก ที่นี่เป็นสนามที่ยากมากๆ ในการมาเยือน และพวกเขา (ไบรท์ตัน) ก็เป็นทีมที่ดีมาก มีโค้ชที่ยอดเยี่ยม และทำให้เราเจองานยาก ทว่าเราก็ผ่านไปได้"

"เราทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ในเกมรุก เราโจมตีได้ดีในเวลาที่มีพื้นที่เปิดข้างหลัง แต่มันก็มีบางช่วงของเกมที่เราน่าทำได้ดีกว่านี้ เราทำให้ตัวเองยากลำบาก แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และทุกเกมก็คือบททดสอบสำคัญ"

มาร์ติเนลลี่ ปิดจ๊อบได้เยี่ยม

ชัยชนะนัดนี้ทำให้สถานการณ์บนหัวตารางของ อาร์เซน่อล ดูดียิ่งขึ้นกับการนำห่าง แมนฯ ซิตี้ เพิ่มเป็น 7 คะแนน และมีโอกาสทิ้ง นิวคาสเซิ่ล เป็น 12 คะแนนหากเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เอาชนะได้ในเกมบิ๊กแมตช์วันอังคารที่ 3 มกราคมนี้

เป็นการปิดท้ายปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับ อาร์เตต้า และลูกทีมโดยเฉพาะเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้วที่ทีมจบปี 2021 ด้วยการอยู่เพียงอันดับ 4 ของตาราง ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ มากถึง 12 คะแนน 

เพียงปีเดียว แต่คะแนนสวิงไปกลับมากถึง 19 คะแนน 

นี่คือพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมากของ อาร์เซน่อล และกลายเป็นของขวัญวันปีใหม่ที่ล้ำค่าสุดสำหรับแฟนบอล