ย้อนกลับไปในการประกาศ 23 ขุนพล ซึ่งทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศว่า จะส่งนักเตะไปซ้อมรอบสองกับ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยมี 2 กองหน้าที่กำลังฟอร์มฮอตอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด ดาวซัลโวร่วมกับ ดานิโล่ อัลเวส ของ ชลบุรี เอฟซี ที่ยิงไปแล้ว 10 ประตู

กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ยิงไป 6 ประตู และแอสซิสต์ไป 5 ครั้ง มากที่สุดของไทยลีกเท่ากับ จักรพันธ์ แก้วพรม จอมทัพ ราชบุรี เอฟซี ต้องไปซ้อมกับ “จิ้งจอกสยาม” แถม “เจ้าแบงค์” ยังทำผลงานเข้าตาทีมงานสตาฟฟ์ จึงเป็นคนเดียวที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ให้อยู่ต่อเพื่อทำความคุ้นเคยกับระบบ เสมือนเป็นการทดสอบฝีเท้าจนถึงวันที่ 15 ม.ค.นี้

ทำให้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ใส่ชื่อของ ธีรศิลป์ ไว้เป็นอาวุธหลักในการไล่ล่าตาข่าย พร้อมกับมี อดิศักดิ์ ไกรษร หัวหอกคนใหม่ของ ตรังกานู เอฟซี และ ปรเมศย์ อาจวิไล กองหน้าจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นกำลังเสริม

อย่างไรก็ตามคำว่า “มุ้ย หมดแล้ว” ก็อุตส่าห์มีแฟนบอลขวางโลกตามมาถ่มคำวิจารณ์คอยหลอกหลอน แม้ในช่วงที่ผ่านมา "มุ้ย" อาจจะได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง ทว่าในช่วงเลกแรกของไทยลีก เขาก็มีผลงานยอดเยี่ยม โดยทำไป 5 ประตู ให้กับทัพ “เดอะ แรบบิทส์” เท่ากับ อิคซาน ฟานดี้ หัวหอกทีมชาติสิงคโปร์

ส่วน เอฟเอ คัพ กดไป 2 ลูก และ ลีก คัพ ซัดไปถึง 3 ประตู เท่ากับว่าในช่วง 16 นัดแรกรวม 3 ถ้วยของเมืองไทย เขาตะบันถึง 10 ประตู นี่เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นความยอดเยี่ยมของกองหน้าลายครามวัย 34 ปีอย่างแท้จริง

ซึ่งเขาก็เหมือนจากถูกโฉลกกับรายการ อาเซียน คัพ เป็นอย่างมาก เพราะว่าครั้งที่แล้ว เขายิงประตูเพิ่มรวมเป็น 19 ลูก ลบสถิติของ นอร์  อลัม ชาห์ อดีตตำนานทีมชาติสิงคโปร์ ที่ทำไว้  17 ประตู ลงอย่างราบคาบ แถมพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ไปมากที่สุด 6 สมัย ในปี 1996, 2000, 2002, 2014, 2016, 2020

กลับมาครั้งนี้ เขาทำไปแล้ว 5 ประตู ในรอบแบ่งกลุ่ม ช่วยให้ทัพ “ช้างศึก” จบที่การเป็นแชมป์กลุ่ม เอ โดยเหยื่อที่ถูกสังหาร ประกอบด้วย บรูไน 1 ลูก, ฟิลิปปินส์ 2 ลูก และ กัมพูชา อีก 2 ลูก ขึ้นมานำโด่งเป็นดาวซัลโว

ขณะเดียวกันการสร้างสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดการของ อาเซียน คัพ ยังคงบวกเพิ่มอย่างไม่หยุดยั้ง การซัดไป 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ ทำให้ยอดรวมที่เขายิงไปอยู่ที่ 24 ลูกเรียบร้อยแล้ว และดูท่าว่ายังไม่หมดแม็กเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน

"เอล แดงดา" ลงเล่นให้ทีมชาติไทยไปแล้ว 120 นัด ทำไป 60 ประตู เขาต้องการยิงอีก 11 ประตู เพื่อจะขึ้นไปทาบดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติไทยอย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่ทำสถิติไว้ลงเล่น 134 นัด ยิง 71 ประตู ซึ่งนั่นอาจเป็นเป้าหมายที่ "มุ้ย" พยายามที่จะไปให้ถึง และยังไม่เลิกเล่นทีมชาติเสียก่อน

นอกจากนี้ใน 10 อันดับแรก ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติไทย "เอล แดงดา" ยังเป็นนักเตะคนเดียวที่ยังเล่นทีมชาติอยู่จนถึงปัจจุบันอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ธีรศิลป์ ยังเป็นผู้เล่นที่ครองสถิติลงเล่นให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก "ซิโก้" อีกด้วย โดยลงเล่นน้อยกว่าอยู่ 14 เกม

อีก 2 ปีข้างหน้า หากเขาอายุ 36 ปี แล้วยังไม่หมดไฟ พร้อมกับ “ช้างศึก” เรียกตัวมาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้อีกครั้ง 

เชื่อว่าสถิติถล่มสกอร์ในรายการนี้ "มุ้ย" มีโอกาสซัดชทะลุ 30 ประตู ได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทั้งเรื่องของ โภชนาการและฟิตเนส รวมทั้งการดูแลตัวเองที่ยอดเยี่ยมของ ธีรศิลป์  น่าจะยังทำให้เขาสนุกกับฟุตบอลอยู่

อีกทั้งด้วยทัศนคติในการเป็นผู้นำ ที่ถ่ายทอดออกมาให้กับรุ่นน้องและเพื่อนร่วมทีมทุกคน ซึ่งต่างยอมรับในตัวของ “เทพมุ้ย” 

มั่นใจว่าเหลือเกินว่าเขาเองยังคงมีไฟในการเล่นอยู่เสมอ และจะสามารถลบคำสบประมาทจากแฟนบอลชาวไทยบางคง ที่มองเขาว่า “หมดแล้ว” ลงได้อย่างราบคาบแน่นอน

ทำเนียบดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติไทย 10 อันดับแรก

1.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 134 นัด 71 ประตู

2.ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน 100 นัด 70 ประตู

3.ธีรศิลป์ แดงดา 120 นัด 60 ประตู

4.ศรายุทธ ชัยคำดี 49 นัด 31 ประตู

5.วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ 84 นัด 29 ประตู

6.วรวุธ ศรีมะฆะ 63 นัด 28 ประตู

    ดาวยศ ดารา 70 นัด 28 ประตู

    นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ 85 นัด 28 ประตู

9.เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง 79 นัด 27 ประตู

10.สุทธา สุดสะอาด 51 นัด 25 ประตู

     เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ 55 นัด 25 ประตู

     ชลอ หงษ์ขจร 67 นัด 25 ประตู