:::     :::

เกมคุณภาพปืนปราบผี

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่บ่อยนักที่การเจอกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ในช่วงหลังจะทำให้หลายคนนึกเกมเปี่ยมด้วยคุณภาพที่ทั้งสองทีมเคยฟาดฟันกันอย่างสมศักดิ์ศรีในปลายยุค 90 ต่อด้วยต้นยุค 2000

นั่นคือยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ผลัดกันพาทีมครองความยิ่งใหญ่ก่อนสองตำนานกุนซือวางมือ และทั้งสองทีมก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย 

หลังฐานชัดเจนคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยได้แชมป์ลีกอีกเลยหลังจากเฟอร์กี้อำลาตำแหน่งเมื่อปี 2013 ขณะที่แชมป์ลีกล่าสุดของ อาร์เซน่อล ก็ต้องย้อนไปไกลถึงชุดไร้พ่ายเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว 

ทว่าการเจอกันล่าสุดที่ "ปืนใหญ่" เฉือนชนะ "ปีศาจแดง" ไปได้สุดมันส์นับว่าได้กลิ่นอายยุคเก่าๆ ไม่น้อย

ทั้งสองทีมโคจรมาเจอกันในช่วงเวลาสำคัญสุดๆ ที่ชี้วัดหลายสิ่งหลายอย่างได้เป็นอย่างดี

อาร์เซน่อล เจอบทพิสูจน์อีกครั้งเมื่อถูก แมนฯ ซิตี้ ไล่จี้มาเหลือ 2 คะแนนหลังเรือใบสีฟ้าคืนฟอร์มถล่ม วูล์ฟส์ 3-0 ในหนึ่งวันก่อนหน้า 

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่แม้สะดุดนัดหลังสุดในเกมเสมอ คริสตัล พาเลซ แต่ก่อนหน้านั้นเข้าเบรกด้วยผลงานชนะรวด 9 นัดจากทุกรายการ และหากบุกชนะปืนใหญ่ได้ก็จะบีบช่องว่างเหลือเพียง 5 คะแนน

ปีศาจแดงมีลุ้นแชมป์แน่นอนกับการแข่งขันอีกครึ่งฤดูกาลที่เหลือ

จุดน่าสนใจก่อนเกมอยู่ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่กุนซือ เอริค เทน ฮาก ต้องแก้ปัญหาการติดโทษแบนของ กาเซมีโร่ กองกลางตัวเก่งที่เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาอันยอดเยี่ยมของทีมในฤดูกาลนี้  

เทน ฮาก เลือก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาทำหน้าที่แทนซึ่งก็เหมือนกับนัดแรกที่กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์จับคู่กับ คริสเตียน เอริคเซ่น 


ซาก้า ป่วนแนวรับผีจนได้เรื่อง

ส่วน อาร์เซน่อล ไม่มีอะไรพลิกโผไปจากที่คาด มิเกล อาร์เตต้า มีทีมชุดที่ดีสุดของตัวเองแบบที่ทุกคนหลับตาก็เห็นภาพแต่ละตำแหน่งว่าเป็นใคร 

ความต่างเดียวจากช่วงก่อนเบรกฟุตบอลโลกคือตำแหน่งหน้าเป้าที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้เล่นแทน กาเบรียล เชซุส ที่เดี้ยงจากการเล่นให้ทีมชาติบราซิล

ปืนใหญ่มีสถิติการเล่นในบ้านแข็งแกร่งมากชนะ 10 จาก 11 นัดหลังสุดโดยหลุดเสมอนัดเดียวกับ นิวคาสเซิ่ล พวกเขาจึงเป็นลุยเข้าใส่ผู้มาเยือนตั้งแต่เสียงนกหวีดยาวเริ่มเกม 

ลูกน้องของ อาร์เตต้า ปักธงชัดเจนว่าต้องการชัยชนะเท่านั้นเพื่อรักษาระยะห่างจาก แมนฯ ซิตี้ ที่ 5 คะแนนอีกครั้ง และเป็นการถอนแค้นจากเคยแพ้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นัดแรกซึ่งก็เป็นนัดเดียวที่ปืนใหญ่ปราชัยในฤดูกาลนี้

เกมเพรสซิ่งสูงของ อาร์เซน่อล ยังคงเป็นจุดแข็งที่สามารถกดดันคู่แข่งจนไม่สามารถตั้งเกมของตัวเองได้ แนวรับผีแดงเริ่มสกัดผิดพลาด ขณะที่ ดาบิด เค เคอา เปิดออกด้านข้างแบบเสียของ

ทว่าในช่วงที่ อาร์เซน่อล กำลังต่อบอลลุยได้เหนือกว่ากลับเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฉวยโอกาสนำก่อนหลังตัดบอลได้ก่อนเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด โชว์ความสามารถแตะหนี โธมัส ปาร์เตย์ แล้วกดเต็มหลังเท้าจากหน้าเขตโทษส่งบอลพุ่งวาบเสียบเสาเข้าไป 

เป็นลูกยิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติทั้งน้ำหนักและทิศทาง อารอน แรมส์เดล ที่เพิ่งคว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ พุ่งสุดตัวแล้วแต่ก็เซฟไม่ทัน 

ประตูนี้ของ แรชฟอร์ด เห็นได้ชัดเลยว่าอยู่ในช่วงมั่นใจสุดๆ เป็นประตูที่ 9 จาก 9 นัดหลังสุด มีเพียงเกมเยือนพาเลซเท่านั้นที่ไร้สกอร์

เบน ไวท์ ที่ว่ากันว่าทำผลงานในตำแหน่งแบ็กขวาได้ดีสุดอีกคนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ก็โดนหัวหอกผีแดงเล่นงานจนต้องเบรกฟาวล์รับใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งแรก


อาร์เตต้า พาทีมผ่านเกมยากได้อีกครั้ง

แต่ด้วยคุณภาพของ อาร์เซน่อล ก็สามารถกลับสู่เกมได้เร็วด้วยประตูตีเสมอในเวลาเพียงหกนาทีเศษจากการต่อบอลอันยอดเยี่ยมก่อนเป็น กรานิต ชาคา บรรจงเปิดจากซ้ายให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ สอดมาโขกจมตาข่าย

เกมกลับมาสูสีและทั้งสองทีมพยายามเน้นความชัวร์ให้มากขึ้นเพราะความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีหมายถึงการเสียประตูได้เลย 

อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายพลิกนำบ้างจาก บูคาโย่ ซาก้า ที่ปล่อยทีเด็ดไม่แพ้ แรชฟอร์ด จากจังหวะเลี้ยงตัดในหนี ลุค ชอว์ ก่อนกดด้วยซ้ายระยะไม่ต่ำกว่า 25 หลา ส่งบอลพุ่งเบียดเสาเข้าไปอย่างแม่นยำ

เชื่อว่าหลายคนคงเลือกไม่ถูกระหว่างลูกยิงของ แรชฟอร์ด กับ ซาก้า อันไหนสวยกว่า แถมไม่สวยอย่างเดียวแต่สำคัญมากเพราะเป็นประตูให้ทีมนำเหมือนกัน

ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ใช้เวลารวดเร็วไม่ต่างกันในการตามตีเสมอจากการโหม่งของ ลีซานโดร มาร์ตีเนซ หลังจาก แรมส์เดล ชกบอลมาเข้าทาง

แมนฯ ยูไนเต็ด นำ 7 นาที อาร์เซน่อล ตีเสมอได้

อาร์เซน่อล พลิกนำ 6 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอได้เช่นกัน

วินาทีนั้นไม่มีใครฟันธงได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเวลาที่เหลืออีกครึ่งชั่วโมง

แต่จุดที่เริ่มเห็นข้อแตกต่างเมื่อเข้าสู่ 20-25 นาทีสุดท้ายคือความฟิตความสด ที่ อาร์เซน่อล เริ่มเหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ 


เอ็นเคเทียห์ ทำประตูชัยในนาทีสุดท้าย

ทีมของ เทน ฮาก เพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์ที่ต้องไปเยือน พาเลซ และต้องมาเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีก เดินทางขึ้นๆ ลงๆ ระหว่าง ลอนดอน กับ แมนเชสเตอร์ ต่างจากทีมปืนใหญ่ที่ได้พักมาเต็มๆ 

อีกจุดคือการขาดหายไปของ กาเซมีโร่ ที่ แม็คโทมิเนย์ ไม่สามารถทดแทนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์โดยเฉพาะการอ่านเกมเพื่อปิดเกมรุกคู่แข่ง 

นั่นทำให้ช่วงท้าย แดนกลาง อาร์เซน่อล ที่ก่อนหน้านี้ดูดีกว่าเล็กน้อยอยู่แล้ว ได้กวาดแถวสองเอาไว้เกือบหมด ทีมปืนใหญ่จึงบุกแบบพับสนามอย่างต่อเนื่องบีบให้ผีแดงต้องตั้งรับในแดนตัวเองโดยตลอด

สภาพร่างกายที่เริ่มล้าทำให้พลพรรคปีศาจแดงไม่สามารถเล่นจังหวะสวนกลับได้เหมือนครึ่งแรก การต่อบอลเพื่อแกะเพรสซิ่งออกมาจากเขตโทษตัวเองทำได้เพียงเคาะบอลสั้นที่ทำได้ไม่กี่จังหวะก็โดนเจ้าถิ่นรุมแย่งคืนกลับมา

หากเป็นในช่วงต้นฤดูกาลที่การเล่นยังสะเปะสะปะ ทีมเวิร์กอ่อนยวบ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะโดนยิง 4-5 ประตูไปแล้ว

แต่ด้วยคุณภาพที่ยกระดับขึ้นมาได้ดีมากในช่วงหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จึงยื้อเอาไว้ได้จนเกือบตลอดรอดฝั่งหากไม่เพราะ อาร์เซน่อล โหมอย่างเป็นเอาตายจนกระทั่งได้ประตูชัย

นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นการเจอกันระหว่างสองทีมนี้มีประตูตัดสินชัยชนะในนัดสุดท้าย แถมเป็นจังหวะที่ต้องเช็กวีเออาร์เพิ่มความบีบหัวใจให้แฟนบอลทั้งสองทีมมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด ชัยชนะตกเป็นของ อาร์เซน่อล ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนในช่วงท้ายจากการเดินหน้าลุยแล้วลุยอีก ไม่พอใจกับผลเสมอตรงหน้า พวกเขาทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ก่อนเกมว่าต้องชนะให้ได้และก็ทำสำเร็จ เป็นผลตอบแทนจากความพยายามที่ไม่ลดละ 


นับเป็นอีกครั้งที่ อาร์เตต้า และลูกทีมพิสูจน์ให้เห็นว่าการนำจ่าฝูงมาจนถึงครึ่งฤดูกาลไม่ใช่เรื่องบังเอิญ พวกเขาเอาชนะทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในช่วงหลัง และเป็นทีมเดียวที่เคยยัดเยียดความปราชัยให้เมื่อต้นฤดูกาล

ปืนใหญ่จึงผ่าน 19 นัดแรกด้วยการเก็บไปได้ถึง 50 คะแนน เป็นผลงานดีสุดในประวัติศาสตร์สโมสร และดีกว่า 3 ครั้งหลังสุดที่ได้แชมป์ในปี 1998, 2002 และ 2004 ซึ่งทำได้ 33, 36 และ 45 คะแนนตามลำดับ 

แม้ อาร์เตต้า จะเลือกมองทีละนัด ไม่อยากฝันไกล แต่ทุกคนรู้ว่ามาถึงขนาดนี้ก็ต้องลุ้นแชมป์สถานเดียวเท่านั้น ทิศทางของทีมมันบอกอย่างนั้น 

ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้เกมนี้แต่เป็นการแพ้ที่สมศักดิ์ศรีแล้ว พวกเขามาเยือนทีมจ่าฝูงด้วยสภาพความฟิตและความพร้อมที่เสียเปรียบ แต่ก็เกือบมีคะแนนติดมือกลับออกไป

เทน ฮาก เพิ่งเข้ามาคุมทีมปีแรก มีปัญหาหลายอย่างที่สะสมมาตั้งแต่ยุคกุนซือคนก่อนๆ เอาแค่ประเด็นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็น่าปวดหัวแล้ว 

แต่เขาก็พาทีมมาสู่เส้นทางที่ที่ทีมใหญ่ระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ควรได้อีกครั้ง ระบบการเล่นลงตัวมากขึ้น นักเตะเข้าใจแนวทางการทำทีม หากเสริมทัพได้ถูกจุดอีกนิดโดยเฉพาะตำแหน่งหน้าเป้า แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้าจะเป็นทีมที่พร้อมมากๆ สำหรับการลุ้นแชมป์

เพียงแต่นัดนี้ต้องยอม อาร์เซน่อล ไปก่อนเพราะทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ผ่านการฟูมฟักมา 2-3 ปี ผ่านช่วงเวลาเจ็บปวดและเสียงก่นด่ามากมายก่อนถึงวันนี้วันที่ลืมตาอ้าปากได้เสียที 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด