สำหรับเชลซี ที่อันดับคะแนนในเวลานี้ พวกเขาหล่นไปอยู่ในกลางตารางของศึกพรีเมียร์ลีก แน่นอนว่า ยังคงเหลือการบ้านให้พวกเขาลงมือทำ และพิสูจน์ตัวเองอีกมากมาย โดยเฉพาะการที่พวกเขาใช้เม็ดเงินเสริมทัพอย่างมหาศาล ที่ยังรอผลลัพธ์ที่ดี
ทำให้แฟนบอล “สิงโตนำ้เงินคราม” จำนวนไม่น้อย ที่นึกถึงอดีตในวันวานของพวกเขา โดยเฉพาะช่วงที่ “เสี่ยหมี”โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรใหม่ๆ พร้อมกับการเสริมทัพที่เน้นสตาร์ดัง หนึ่งในจุดเด่นของพวกเขาในยุคนั้น นั่นคือตัวริมเส้น
คนที่ขึ้นชื่อ คงจะหนีไม่พ้น “ดาเมี่ยน ดัฟฟ์” กับ “อาร์เยน ร็อบเบน” ที่ถือว่ากระชากลากเลื้อยอย่างเมามัน พร้อมกับพาทีม “สิงห์บลูส์” เก็บเกี่ยวความสำเร็จ ในรูปแบบของโทรฟี่แชมป์ ช่วงนี้ เราลองไปย้อนความทรงจำกันหน่อย เกี่ยวกับฝันร้ายทางริมเส้นของฝ่ายตรงข้าม
อาร์เยน ร็อบเบน กำลังย้ายเข้ามา ซึ่งผมไม่ชอบเลย !!"
ดาเมี่ยน ดัฟฟ์ ย้อนความทรงจำ สมัยย้ายมาเป็นนักเตะใหม่ของเชลซี ในฤดูกาล 2003-04 ภายใต้การกุมบังเหียนของเคลาดิโอ รานิเอรี่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาอย่างเต็มที่ ส่วนหนึ่งเกิดจากการโดนอาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่เล่นงาน
กระทั่งซีซั่นต่อมา "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำการปรับเปลี่ยนกุนซือมาเป็นโชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมทั้งการดึงนักเตะมาร่วมทีมมากมาย หนึ่งในนั้นคือปีกจรวดจากเนเธอร์แลนด์ นามว่า "อาร์เยน ร็อบเบน" แน่นอนว่า ทำให้โอกาสการลงลากเลื้อยแถบริมเส้นของดัฟฟ์ เริ่มสั่นคลอน และเขากังวลตรงจุดนี้มาก
"ผมยอมรับว่าตัวเองรู้สึกย่ำแย่" ดัฟฟ์ กล่าวต่อไป "ผมไม่ได้ลงสนามตลอด 2 เดือน และต้องมาได้ยินข่าวคราวการซื้อตัวนักเตะใหม่แบบนี้"
"ผมต้องใช้ความอดทน และการทำงานอย่างหนัก พร้อมกับหวังว่า ทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อย ผมได้ยินมาว่า ร็อบเบน ถนัดการเล่นเป็นปีกซ้าย ขณะเดียวกัน ผมไม่มีโอกาสลงสนามบ่อยนัก บางที มันอาจจบลงที่ สโมสรจับผมโยกไปเล่นในตำแหน่งอื่น !!"
ไม่ใช่แค่ดัฟฟ์ ที่เป็นกังวลเท่านั้น แฟนบอลหลายคนของเชลซี ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า เมื่อร็อบเบน ก้าวขาลงสนาม ดัฟฟ์ น่าจะต้องเป็นฝ่ายที่เสียสละตำแหน่งของตัวเองไป
อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ คือคนที่ทำให้ความแคลงใจหายไป เมื่อเขาจับดัฟฟ์ และร็อบเบน ลงสนามพร้อมกัน ทำให้บรรดานักวิเคราะห์มองคล้ายกันว่า ความเร็ว, ทักษะ ตลอดจนการสลับตำแหน่งกันไปมาของทั้งสองคน ในแถบริมเส้นทั้งสองฝั่ง คอยสร้างความสับสนให้กับแบ็คฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมาก
มูรินโญ่ มอบความเห็นว่าว่า ร็อบเบน สามารถสร้างความยืดหยุ่น และเพิ่มความหลากหลายให้กับแนวรุกของเชลซี เพราะนี่คือนักเตะริมเส้นฝั่งซ้ายโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ร็อบเบน สามารถเล่นทางกราบขวาได้ รวมถึงหน้าต่ำในระบบ 4-4-2 และ 4-3-3 และที่สำคัญ เขาสามารถเล่นร่วมกับดัฟฟ์ อย่างไม่เคอะเขิน
ดัฟฟ์ เล่าต่อถึงระบบการเล่น 4-3-3 ที่เน้นแนวรุก 3 คนว่า "ผมจะไม่พูดว่า มีสโมสรจำนวนมากที่ใช้แผนการเล่น โดยเน้นไปที่ตำแหน่งปีกในการค้ำอยู่แดนหน้า
ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่แตกต่าง ผู้จัดการทีมคอยบอกว่า เราสามารถสลับฝั่งการเล่นได้ ตามที่เราต้องการเลย ผมจึงคิดว่า ควรทำมันให้เป็นธรรมชาติ แนวรับจะไม่เข้าใจตรงจุดนี้ จึงเป็นเรื่องดีในการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปเรื่อยๆ"
"ผลสุดท้าย กลายเป็นผมที่รักในการลงเล่นร่วมกับร็อบเบน แน่นอนว่า เขาเพิ่มมิติให้กับทีม ส่งผลให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นทางกราบซ้าย หรือกราบขวา ผมได้เรียนรู้ว่า ผมไม่ได้มีขาขวาเอาไว้ยืนเพียงอย่างเดียว !!” ดัฟฟ์ ทิ้งท้าย
ผลสุดท้าย ทั้งดัฟฟ์ และร็อบเบน ช่วยกันผนึกกำลัง พร้อมกับพาเชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร (2004-05) และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษของสโมสรด้วย
ก่อนที่จะมาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ในซีซั่นต่อมาอย่าง 2005-06 และนั่นเป็นสองฤดูกาลที่ทั้งสองคนเล่นร่วมกันภายในถิ่น "สแตมฟอร์ด บริดจ์"
