:::     :::

จุดอ่อน "กิเลนผยอง" ที่ "มาริโอ ยูรอฟสกี้" ต้องกำจัด

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
427
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกรีโว่ ไทยลีก 2022-23 ผ่านไปแล้ว 19 นัด มีการเปลี่ยนแปลงกุนซือไปถึง 11 ราย จากทั้งหมด 16 ทีม ช่างสมราคาลีกกินโค้ชอย่างแท้จริง

โดยกุนซือทั้ง 11 รายที่กระเด็นตกเก้าอี้ ไล่ตั้งแต่ มาโกโตะ เทงุระโมริ ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ เปร์ไรร่า ของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ของ หนองบัว พิชญ 

ตามมาด้วย ดุสิต เฉลิมแสน ของ ลำพูน วอร์ริเออร์, ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ของ พีที ประจวบ, สกอตต์ คูเปอร์ ของ การท่าเรือ, ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด, เอเมอร์สัน เปร์ไรร่า ของ ลีโอ เชียงราย, ออเรลิโอ วิดมาร์ ของ ทรู แบงค็อก, แมตต์ ฮอลแลนด์ ของ การท่าเรือ  และเควิน แบล็คเวลล์ ของนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 


ส่วนกุนซือที่มีข่าวลือว่าจะกระเด็นตกเก้าอี้คนต่อไปคือ แมตต์ สมิธ ของ บีจี ปทุม และ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ของ เมืองทอง เพราะผลงานในช่วงหลังถือว่ายังลุ่มๆ ดอนๆ 

โดยเฉพาะ “ซูเปอร์มาริโอ”​ ที่เสียรังวัดพอสมควร หลังพา “กิเลนผยอง” เปิดบ้านธันเดอร์โดม เสมอกับ บุรีรัมย์ คู่ปรับไป 4-4 ในศึกรีโว่ไทยลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่สกอร์นำห่างอยู่ถึง 4-1 ซึ่งใครเห็นก็คิดว่า “เมืองทอง”​ ชนะใสๆ สุดท้ายรถผ้าป่าดันแหกโค้ง 

ส่วนเป้าหมายหลักของทีมในบอลถ้วย 2 รายการก็ตกรอบไปหมดแล้ว ทำให้ฤดูกาลนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่าทีม “คว้าน้ำเหลว” อีกแล้ว


ไม่แปลกที่จะมีข่าวว่า มิลอส โจซิค โค้ชชาวเซอร์เบีย ที่เคยร่วมงานกับ “เมืองทอง” ในฐานะผู้ช่วยโค้ชของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เมื่อปี 2011 จะเข้ามาคุมทีมไปจนจบฤดูกาล 

อย่างไรก็ตามสโมสรได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ยังไว้วางใจ “มาริโอ” ทำหน้าที่เฮดโค้ชของทีมอยู่เช่นเดิม และยังคงเดินหน้าตามแผนการทำทีมที่เจ้าตัวทำไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2020 

ด้วยการวางแผนสร้างทีมในระยะยาว มีสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสโมสร รวมถึงการผลักดันนักเตะจากระดับอะคาเดมี่ขึ้นสู่ชุดใหญ่ สร้างนักเตะให้เป็นกำลังหลักของทีมชาติไทย ชุดใหญ่

แต่เมื่อย้อนไปดูสถิติการคุมทีม เมืองทอง ของ “มาริโอ” จำนวน 85 นัด เขาพา “กิเลนผยอง” ชนะไป 38 เกม เสมอ 22 เกม และแพ้ไป 25 เกม คิดเป็นอัตราเฉลี่ยแล้ว สามารถคว้าชัยชนะได้เพียง 45 เปอร์เซ็นต์ ยิงได้ 162 ประตู เสียไปถึง 112 ประตู 


เมื่อดูประตูที่ยิงได้กับที่เสียไป เห็นได้ชัดเจนเลยว่า “เกมรับ” ของ เมืองทอง มีปัญหาจริงๆ 

ตอนนี้ เมืองทอง เสียประตูมากที่สุดในลีกเป็นอันดับ 4 จำนวน 29 ประตู เท่ากับ “สุโขทัย” มีเพียง พีที ประจวบ, ลำปาง เอฟซี และ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่เสียประตูมากกว่าพวกเขา 

นั่นเป็นสิ่งที่ “โค้ชโอ้”​ แก้ปัญหาไม่ตกเสียที แม้จะเคยชวน มิโลวาน ราเยวัช กุนซือที่มีจุดเด่นเรื่องการจัดการเกมรับเข้ามาช่วยทำทีมในช่วงสั้นๆ ก็ตาม

จริงๆ แล้วน่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน เพราะนักเตะในแนวรับของทีมในปัจจุบัน ไม่สามารถยืนระยะได้และมีอาการบาดเจ็บบ่อยหน นอกจากนี้ “ผู้รักษาประตู”​ ยังมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่ว่าจะเป็น พีระพงษ์ เรือนนินทร์ มาถึง สมพร ยศ และปัจจุบันคือ ปฏิวัติ คำไหม​ ทำให้การประสานงานในแนวรับยังคงติดๆ ขัดๆ 


อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเสีย สารัช อยู่เย็น กองกลางตัวหลักไปให้ “บีจี ปทุม” ถึงตอนนี้พวกเขายังหากองกลางที่อ่านเกม ตัดเกม และเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้ดีเหมือน “สารัช” 

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ “มาริโอ” เท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ บอร์ดบริหารต้องวางแผนในการหา “กองหลัง” และ “กองกลางตัวรับ” คนใหม่เข้ามาเสริมทีมในฤดูกาลหน้า เพื่อแก้ปัญหาเรื้อรังให้หมดไป

หากสามารถลบหลุมดำหายไปได้ โอกาสที่ “กิเลน” จะกลับมา” “ผยอง” มีไม่น้อย เพราะอย่าลืมว่า “เกมรุก” ที่เป็นจุดขายสามารถทำได้ดีอยู่แล้วนั่นเอง


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด