:::     :::

โลกฟุตบอลของคาเซมิโร่

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,299
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลายเป็นนักเตะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะขาดไม่ได้

สำหรับ “คาเซมิโร่” กองกลางตัวตัดเกม ที่เข้ามายกระดับฟอร์มการเล่นของทีมขึ้นมา ว่ากันว่า นี่คือการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลของพลพรรค “ปีศาจแดง” เลยทีเดียว 


นอกจากการเล่นที่ยอดเยี่ยมแล้ว สิ่งที่ดาวเตะทีมชาติบราซิล รายนี้ เพิ่มเติมให้กับทีม นั่นคือจิตวิญญาณแห่งผู้ชนะ นี่คือนักเตะที่พร้อมแย่งบอลมาครอบครองในทุกจังหวะ และตัดการลำเลียงขบอลของคู่แข่ง


เราลองกลับไปย้อนเรื่องราว เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลของคาเซมิโร่ ในฐานะกองกลางตัวรับกันหน่อย และลองดูกันว่า การเล่นตำแหน่งนี้ มีความหมายกับเขาอย่างไรบ้าง ?

คาเซมิโร่ เกิด และเติบโตที่เซา เปาโล ประเทศบราซิล เขาออกมาย้อนความทรงจำว่า เขาเริ่มต้นด้วยการคัดตัวกับสโมสรดังประจำท้องถิ่นอย่างเซา เปาโล 


ช่วงเริ่มแรก เขาลงสนามในฐานะกองหน้า พร้อมกับลงไล่ล่าประตูคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม จุดปลี่ยนบางอย่าง ทำให้เขาจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นกองกลางตัวรับ 


“ผมมาที่เซา เปาโล ตอนอายุราว 11-12 ขวบ” เขากล่าวต่อ “ผมเริ่มใช้ชีวิตที่ต้องห่างจากครอบครัว ห่างจากความรัก และห่างจากอ้อมกอดของแม่ เด็กประมาณ 300 คน เดินทางมาทดสอบฝีเท้ากับเซา เปาโล อย่างไรก็ตาม สโมสรสามารถรับได้เพียง 50 คนเท่านั้น”


“ย้อนกลับไปเวลานั้น ผมเล่นตำแหน่งกองหน้า เพราะผมมีโครงสร้างร่างกายที่ดี โค้ชเริ่มถามพวกเราว่า -ใครเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูบ้าง ?- เด็กประมาณ 3 คนก็ยกมือขึ้น จากนั้น โค้ชถามว่า -ใครเล่นตำแหน่งกองหน้าบ้าง ?- เด็กราว 50 คนก็ยกมือขึ้น”


“ดังนั้น ผมที่เล่นกองหน้าก็รีบยกมือลงทันที เพราะการแข่งขันมากเกินไป !!! จากนั้น โค้ชถามว่า -ใครเล่นตำแหน่งจอมทัพหมายเลข 10 บ้าง ?- เด็กอีกครึ่งร้อยก็รีบยกมือแสดงตัว”


“โค้ชถามต่อไปเรื่อยๆว่า -ใครเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับบ้าง ?- เด็กประมาณ 8 คนเท่านั้นที่ยกมือขึ้น ผมรีบขานรับทันทีว่า -ผมเองครับ ผมเล่นตำแหน่งกองกลางตัวตัดเกม !!- นั่นคือจุดเริ่มต้นการเป็นกองกลางตัวรับของผมเลย” 

คาเซมิโร่ ผ่านการทดสอบฝีเท้า จนได้เข้าสู่ทีมเยาวชนของเซา เปาโล มันเป็นบทเรียนที่ทำให้เขากลายเป็นลูกผู้ชายอย่างเต็มตัว และกลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับยกระดับตัวเอง จนก้าวมาเป็นกองกลางตัวรับระดับแถวหน้าของโลกลูกหนัง 


“สิ่งแรกที่ผมต้องการเห็นหลังจบเกม นั่นคือสถิติการแย่งบอล และเก็บบอลในจังหวะสองที่ผมสามารถทำได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักเตะทุกคนล้วนอยากเป็นคนยิงประตู และโชว์ฟอร์มการเล่นที่ดีออกมา แต่ความสุขของผมคือ การแย่งบอลกลับมาครอง นั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ผมช่วยเหลือทีมได้มากแค่ไหน” 


“งานของผมคือ การแย่งบอลกลับมาครองให้ได้ ผมรู้สึกสนุก และรักสไตล์การเล่นแบบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป แต่นี่คือบทบาทที่สำคัญต่อฟุตบอล”


“ถือเป็นเรื่องจริง ที่ผมไม่รู้สึกว่าผมเหมือนนักเตะบราซิเลี่ยน นักเตะบางคนมีคุณภาพ นักเตะบางคนมีความมหัศจรรย์ และนักเตะบางคนก็ทำงานหนัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผมคือคนประเภทหลังสุด บางที นั่นอาจทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนพวกนักเตะยุโรปเสียมากกว่า”

“หน้าที่ของผมคือการทำลาย, เล่นให้หนัก และตัดการโต้กลับของคู่แข่ง”


“มีความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างการทำฟาวล์ กับการแสดงเจตนาร้าย ผมพยายามเข้าไปให้ถึงบอลอยู่เสมอ แน่นอนว่า ผมพยายามเข้าบอลอย่างหนักแน่น”


“หากผมทำให้ใครต้องได้รับบาดเจ็บ ผมจะค่อนข้างโกรธตัวเอง ผมมองว่า การทำฟาวล์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกม ผมไม่เคยใส่ความอาฆาตลงไป”


คาเซมิโร่ ทิ้งท้ายถึงสไตล์การเล่นของตัวเอง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด