:::     :::

"บางทีผมรู้สึกอยากจะฆ่าเลยนะ แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้ด้วย" Lisandro Martinez

วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,215
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือบทความแปลจากบทสัมภาษณ์ของ Lisandro Martinez ที่ James Ducker [tier1] เรียบเรียงไว้ใน The Telegraph มันทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเห็นความเดือดส์ดาลในการเล่นของมาร์ติเนซ นี่คือถูกคอนโทรลเอาไว้อย่างดีแล้ว ส่งผลให้การเล่นของเขาแข็งแกร่ง และมันออกมาพอดีจนทำให้เขากลายเป็น CB ที่แกร่งที่สุดคนหนึ่งของลีก

"ใช่ มันยากจริงๆ บางทีผมรู้สึกอยากจะฆ่าเลยนะ แต่ผมก็ต้องควบคุมตัวเองไว้ด้วย"

นี่คือคำบอกเล่าจากชายที่ผู้คนเรียกว่า "The Butcher" (นักฆ่าสัตว์, นักชำแหละเนื้อสัตว์ขาย) แห่งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อถูกถามในเรื่องการควบคุมอารมณ์และความดุร้ายของตัวเขา

มีผู้เล่นไม่กี่คนที่เป็นตัวบ่งบอกที่ดีถึงการเปลี่ยนแปลงภายใต้ยุคของ เอริค เทน ฮาก ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งจอมทำลายล้างชาวอาร์เจนไตน์รายนี้คือความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างปีนี้กับปีที่แล้ว

Marcus Rashford เองก็ดูเหมือนว่าจะได้เกิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ส่วน Casemiro ก็เป็นตัวสำคัญที่เชื่อมต่อและสมานส่วนต่างๆของทีมเข้าด้วยกัน เหมือนเป็นปูนที่หยอดลงไปเชื่อมต่อให้หินติดกันอย่างแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของมาร์ติเนซนั้นสำคัญมากๆ กับชัยชนะที่กลับมาเล่นที่บ้าน และปาดบาร์เซโลน่าตกรอบไปในยูโรปาลีก ฝีเท้าของเขาก็สำคัญไม่แพ้กัน

หลายฝ่ายจับจ้องไปที่ส่วนสูงของเขา หลายคนกังวลในสิ่งนี้ แต่ที่ยูไนเต็ดตกลงจ่ายเงิน 57 ล้านปอนด์คว้าตัวเซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายนี้เข้ามาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว และจุดยืนของเทน ฮาก ที่ว่านักเตะรายนี้เหมาะกับพรีเมียร์ลีก ก็ค่อยๆถูกพิสูจน์ให้คนเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญของเทน ฮาก ทั้งในและนอกสนาม สมญานาม "นักรบ" ที่ผู้จัดการทีมมอบให้ คือหนึ่งในศูนย์กลางของการพาทีมกลับมาคว้าแชมป์แรกให้ได้อีกครั้งในรอบ 7 ปี เพื่อหวังว่ามันจะเป็นฤดูกาลแรกที่ประสบความสำเร็จของอดีตบอสอาแจ็กซ์รายนี้

ในตอนที่สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ส่งข้อความแสดงความยินดีในการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกกับเพื่อนร่วมทีมชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ ตัวเขาเองก็มูฟออนและคิดถึงงานที่มีอยู่กับยูไนเต็ดแล้ว เขาจริงจังและตั้งมั่นอย่างยิ่ง ความแข็งกล้านั่นปรากฏให้เห็นกับต้นสังกัดของเขาอย่างรวดเร็ว

แค่การจับมือทักทายกับมาร์ติเนซก็แทบจะทำให้กระอักเลือดแล้ว และรอยยิ้มของเขาซ่อนความหมายแห่ง "การฆ่า" เอาไว้

"ผมคิดว่ามันเป็นวัฒนธรรมของอาร์เจนติน่านะ พวกเรากระตือรือร้นกันมาก"

"ฟุตบอลสำหรับพวกเราคือทุกสิ่งจริงๆ มันคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงทุ่มเทกันอย่างมาก ผมจำได้ตอนเด็กๆ อายุ 4 หรือ 5 ขวบ ผมก็เริ่มแข่งขันแล้ว เวลาแพ้ผมก็ร้องไห้ มันเป็นอะไรที่อยู่ในสายเลือด อยู่ในหัวใจของพวกเราโดยตลอด"

มาร์ติเนซนั้น ฉีดความเป็นนักสู้เข้ามาสู่ในทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่บอลยุคโอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ ราล์ฟ รังนิค ขาดหายไปเมื่อซีซั่นที่แล้ว สิ่งที่เทน ฮาก ชอบเรียกมันว่า "grinta" (พลังงานและความมุ่งมั่น) หรือความดุเดือดก้าวร้าวที่ถูกควบคุมเอาไว้อย่างพอเหมาะพอดีแล้ว เป็นดาบสองคมที่ทั้งดีและไม่ดีต่อคุณภาพการเล่นของกองหลัง

การออกบอลทำเกม การรับรู้ในสนาม และการยืนตำแหน่งของเขานั้นยอดเยี่ยม นี่คือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีกในการเจอกับคู่แข่งในสถานการณ์แบบ 1 on 1 แถมยังช่วยกระตุ้นผู้เล่นรอบข้าได้อีกด้วย โดยเฉพาะคู่หูCBตัวหลักอย่าง ราฟาเอล วาราน ที่สุดยอดมาก รวมถึงฟูลแบ็ค และผู้รักษาประตูอย่างดาวิด เดเคอา

'คุณจะต้องฉลาด'

มาร์ติเนซถูกไล่ออกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในอาชีพของเขาที่อาร์เจนติน่า "สองใบเหลือง สองความผิดพลาด" เรื่องของเกมรับนั้น เจ้าตัวเคยเอ่ยถึงคู่แข่งเอาไว้ว่า กาเบรียล เชซุส กองหน้าบราซิลเลียนของอาร์เซนอล คือนักเตะคู่แข่งที่รับมือยากที่สุดที่เขาเจอในพรีเมียร์ลีก ตามที่เจ้าตัวบอกเอาไว้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถที่จะรับมือมันได้ถึงแม้ว่ามันจะคร่อมอยู่ระหว่างปากเหวใบแดงใบเหลือง แต่เขาก็ทำมันได้สำเร็จ

"ผมทำได้นะ ผมควบคุมตัวเองได้ เพราะถ้าไม่งั้นผมก็คงจะโดนแบนทุกเกมแน่ๆ คุณจะต้องฉลาด"

และผลงานในเกมกับบาร์ซ่าก็โชว์คุณภาพของเขาให้เห็นทุกด้านจริงๆ

ช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้วยูไนเต็ดยังเผชิญกับความพ่ายแพ้อยู่ แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ไม่ได้ทำให้มาร์ติเนซเซอไพรส์แต่อย่างใด

"เรารู้ดีเรื่องสภาพจิตใจของเรา เรารู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง และเมื่อใดที่คุณทำมันได้ถูกต้อง การเข้าชิงในรายการต่างๆก็เกิดขึ้นได้ ทีมคู่ควรที่จะได้รับ"

เป็นการเริ่มต้นที่ไม่โสภาเท่าไหร่นักหลังจากที่เปิดซีซั่นด้วยการพ่ายแพ้ไบรท์ตัน และโดนไปถึง 4-0 โดนกระหน่ำหลายเม็ดตั้งแต่ครึ่งแรกเลยด้วยซ้ำ (ปิดท้ายด้วยประตูของเอ็มบิวโม่ในนาทีที่ 35)

ขณะที่มาร์ติเนซก็โดนเปลี่ยนตัวออกไปพร้อมกับลุค ชอว์ เช่นกัน ซึ่งเจมี่ คาราเกอร์ คอลัมนิสต์ของเทเลกราฟสปอร์ต และอดีตกองหลังลิเวอร์พูลก็เคลมหลังเกมนั้นว่า ความสูง 5 ฟุต 9 นิ้วของมาร์ติเนซนั้นเล็กเกินไปที่จะเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟในแผงแบ็คโฟร์ของพรีเมียร์ลีกได้

แต่ขณะนี้มันไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่พูดได้อีกต่อไป เขาพิสูจน์ตัวเองแล้ว


"เอาแบบจริงๆเลย ผมใช้สมาธิโฟกัสเท่านั้น ผมคงจะควบคุมไม่ได้ว่าใครจะพูดอะไรบ้าง มันเป็นแค่ความคิดเห็น และผมก็เข้าใจเวลาผู้คนพูดแบบนั้น พวกเขาก็แค่แสดงให้ผมได้เห็นว่าใครพูด แต่มันไม่ใช่ปัญหาของผมเลย ผมยังแฮปปี้ดี และถ้ายังมีอีกหลายๆคนที่ยังแฮปปี้กับผมอยู่ด้วยก็ยิ่งดี นั่นสำคัญที่สุดแล้ว"

"จริงๆยุคแรกสมัยยังอยู่อาร์เจนติน่าก็ไม่ต่างกัน เหมือนกันเป๊ะ มันธรรมดาแหละ เพราะในฟุตบอลมันไม่ใช่เรื่องปกตินะที่จะเล่นเซ็นเตอร์ได้ด้วยความสูงแบบผม มันไม่ง่ายเลย คุณจะต้องทำงานหนักมากๆ คุณจะต้องเล่นให้ฉลาดมากจริงๆในสนาม จะต้องเฉียบคมในทุกๆสถานการณ์ ซึ่งถ้าคุณฉลาด คุณจะสามารถชนะในการดวลในสนามได้"

"แน่นอนว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ยากลำบากในปีนี้ เราแพ้มาอย่างย่ำแย่ ทัศนคติยิ่งแย่มากอีก เราพูดคุยกันในห้องแต่งตัว เราพูดทุกอย่างที่จำเป็นต้องพูด เรามองที่ตราสโมสร แล้วบอกว่า เฮ้ พวก มันไม่ควรเป็นแบบนี้ เราต้องเปลี่ยน และเราก็เริ่มที่จะเปลี่ยนทุกๆอย่าง ทั้งพลังงาน การฝึกซ้อม การสู้ และเราก็แสดงสปิริตที่แตกต่างออกไปให้เห็น พลังงานการเล่นในอีกระดับ และทีมเวิร์คในอีกเลเวล"

ฮีโร่ของโอลด์แทรฟฟอร์ด

ไม่ถึงเจ็ดเดือน มาร์ติเนซก็แทบจะได้ชื่อเป็นฮีโร่ขวัญใจแฟนบอลอีกคนแล้วที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เพื่อนร่วมชาติของเขาอย่าง กาเบรียล ไฮน์เซ่ เองก็เคยได้รับการยกย่องเช่นกัน(ก่อนที่จะมีข่าวอยากย้ายไปลิเวอร์พูล) แต่มาร์ติเนซนั้นยังคงประหลาดใจเสมอเมื่อได้ยินเสียงเรียก "อาร์-เจน-ติ-น่า" ที่กู่ร้องออกมาเป็นประจำ

"มันน่าประหลาดใจนะที่ได้ยินเสียงเรียกนั้น ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือการที่คุณทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มี และผู้คนสัมผัสมันได้ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะที่มีสายสัมพันธ์แบบนั้นเกิดขึ้น"

มาร์ติเนซ กับ วารานนั้นกำลังเข้าคู่กันได้อย่างดีในฐานะคู่หูเซ็นเตอร์แบ็ค พวกเขาฉลองกันเวลาที่บล็อคได้สำเร็จในทุกๆครั้ง และแทคเกิลใส่กันอย่างสะใจ พวกเขาทำมันแบบนั้นในชัยชนะกับบาร์เซโลน่า สื่อสารกันด้วยสแปนิช และไม่เกรงกลัวที่จะพูดถึงเพื่อนร่วมทีม

"เราเข้าใจกันอย่างดีมากๆ เราคุยกันแทบจะตลอดเวลา ทุกๆอย่าง ชีวิตนักฟุตบอล"

"มันไม่ง่ายเลย(ที่จะทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่พอใจ) คุณต้องแสดงบุคลิกที่ดีออกมา เพราะทุกคนล้วนแต่มุ่งหวังสิ่งเดียวกันนั่นก็คือการคว้าแชมป์ และถ้าคุณต้องการมันคุณก็ต้องทำสิ่งที่มันถูกต้อง จะต้องสู้ และเข้มงวดกับใครสักคนเสมอ มันต้องทำให้ได้"

มาร์ติเนซปฏิเสธอาร์เซนอล และมาร่วมงานกับเทน ฮาก ที่ยูไนเต็ด หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ติดต่อด้วยกันมาที่อาแจ็กซ์ และเขามองเห็นถึงจิตวิญญาณร่วมกันกับผู้จัดการทีมอย่างเทน ฮาก

"ผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี เรื่องmentalityของเขา เราแทบจะเหมือนกันหมดเลย ซึ่งแน่นอน เราอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ทั้งหมด"

"การคว้าแชมป์เหมือนการเปิดประตูสู่อะไรอีกมากมายที่จะตามมา มันสำคัญมากที่จะคว้าถ้วยแรกให้สำเร็จเพื่อความมั่นใจ และเพื่อยกระดับขึ้นมากกว่านี้"

และนั่นแหละ คือตัวตน Lisandro Martinez

-ศาลาผี-

Reference

https://www.telegraph.co.uk/football/2023/02/24/lisandro-martinez-want-kill-pitch-know-need-control/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด