หลังจากสะดุดในช่วงก่อนหน้านี้ ปิศาจแดงกลับมาคว้าชัย 2 นัดติดต่อกันทำให้สถานะบนตารางคะแนนยังคงรั้งที่ 4 ซึ่งหลังจากนี้การแข่งขันจะทวีความดุเดือดและมีความสำคัญแบบห้ามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งยังมีลุ้นอีก 2 รายการในบอลถ้วยทั้ง ยูโรปา ลีก และ เอฟเอ คัพ จึงไม่แปลกที่ เอริก เทน ฮาก ปรับเปลี่ยนทีม แต่ผลลัพธ์ที่ออกถือว่าเป็นไปตามที่ต้องการ

โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่กดดันเล่นงาน เอฟเวอร์ตัน แบบต่อเนื่อง (แถมแนวรับยังโชว์ฟอร์มแข็งแกร่ง) ครึ่งแรกมีโอกาสเข้าทำเป็นสิบๆ ครั้งก่อนได้มาหนึ่งประตูปลดล็อกคลายกดดันได้สำเร็จ

ถือเป็นเกมที่ ปิศาจแดง กดดันฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่องอาจมีเพียงจังหวะจบสกอร์เท่านั้นที่ไม่เด็ดขาด แต่การออกนำก่อนหมดครึ่งแรกก็ช่วยให้ความตึงเครียดหลายๆ อย่างลดลงมาพอสมควร

เกมบุกที่ดุดันขึ้นและหาโอาสเข้าทำได้มากมายทำให้แฟนบอลทั้งในและนอกสนามลุ้นสนุกตลอด 45 นาทีแรก ถ้าหากคมกริบกว่านี้กองเชียร์น่าจะได้เฮไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งเลยทีเดียว

เอาเป็นว่า 3 คะแนนที่ได้มาจากนัดล่าสุดทำให้ทีมเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์และกุมความได้เปรียบเหนือทีมตามหลัง กระนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปพร้อมชัยชนะแบบต่อเนื่องเพราะอย่างที่เรียนไปข้างต้นว่าหากพลาดพลั้งขึ้นมาโอกาสหลุดออกนอกพื้นที่เกิดขึ้นได้เสมอ

ยิ่งสถานการณ์ของทีมที่ต้องลงเล่น 3 รายการต่อจากนี้ โดยเริ่มจาก ยูโรปา ลีก สลับกับ พรีเมียร์ลีก แถมมี เอฟเอ คัพ มาขั้นกลาง ทำให้ เทน ฮาก ต้องจัดทีมและสลับหมุนเวียนเพื่อให้ทุกคนพร้อมรบมากที่สุด

แต่ถึงจะลงสนามอย่างต่อเนื่องแบบไม่ได้หยุดพักและต้องรอดูอาการของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวเก่ง กระนั้นข่าวดีที่เกิดขึ้นคือสองกองกลางแกนหลักอย่าง กาเซมีโร่ และ คริสเตียน เอริกเซ่น กลับมาพร้อมช่วยงานอีกครั้ง

นับเป็นข่าวดีของ เทน ฮาก ที่จะได้มิดฟิลด์คนสำคัญกลับมาในช่วงโค้งสุดท้ายซีซั่น ทำให้ทางเลือกของเทรนเนอร์ชาวเนเธอร์แลนด์มีมากขึ้น 

หลังจากนี้จึงมีเพียงแค่รอตรวจอาการ แรชฟอร์ด โดยหวังว่าจะไม่รุนแรงหายหน้าไปหลายสัปดาห์อย่างที่หลายฝ่ายกังวล 

ด้วยสถานะดาวยิงเบอร์ 1 ในฤดูกาลนี้ทำให้กองหน้าวัย 25 ปีเป็นคนที่ปิศาจแดงขาดไม่ได้ แต่เชื่อว่า เทน ฮาก พร้อมมองหาทางออกในกรณีที่ แรชฟอร์ด ไม่พร้อมจริงๆ ในเกมต่อไปที่จะดวล เซบีย่า

อย่างที่ 'อีทีเอช' ระบุก่อนลงสนามนัดล่าสุดว่าทีมต้องการมากกว่านักเตะ 11 คนในสนาม ซึ่งบางครั้งสถานการณ์อาจขาดหายหรือพลาดใช้งานบางคน ทำให้รายอื่นๆ ในทีมต้องพร้อมเข้ามาทดแทน

แน่นอนว่าหาก แรชฟอร์ด ไม่พร้อมรบจริงๆ คงส่งผลมหาศาลทั้งการกดดันฝ่ายตรงข้ามและความมั่นใจในแนวรุกของทีม แต่ทุกคนต้องพร้อมแสดงให้เห็นถึงเชิงคุณภาพเชิงลึกเมื่อสถานการณ์ดังล่าวเกิดขึ้น

ต่อจากนี้มันคือการเดินหน้าไปทีละเกมที่จะมาพร้อมการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทีมสดใหม่และสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกรณีอาการบาดเจ็บ (หรือติดโทษแบนในบอลถ้วย) ได้เลย

ทุกเกมล้วนแล้วสำคัญที่จะกำหนดอนาคตหรือควมสำเร็จของสโมสร จึงไม่แปลกหากจะพิจารณาว่าการลงสนามแต่ละเกมไม่ต่างจากรอบชิงชนะเลิศของ ปิศาจแดง

ในลีกที่ต้องขับเคี่ยวเพื่อยึด 'ท็อป 4 ' หรือแม้แต่ เอฟเอ คัพ ที่วาดฝันทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไม่ต่างจาก ยูโรปา ลีก ที่ต้องการผ่านด่านไปยังรอบตัดเชือก 

แต่ละนัดจึงมีความสำคัญและทาง เทน ฮาก รวมถึงลูกทีมพร้อมเดินหน้าทำเป้าหมายดังกล่าวให้สำเร็จ