:::     :::

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับการก้าวข้ามเสียงวิจารณ์ด้วยฝีเท้า

วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
375
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชีวิตของ เฮนโด้ ไม่เคยง่าย เขาถูกวิจารณ์เรื่องฝีเท้ามาตลอดอาชีพการค้าแข้ง แต่ทุกคำด่าเหล่านั้น เขาตอกกลับด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีเสมอมา

นี่คือคนที่เป็นกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ซึ่งสามารถพาทีมคว้าทั้งแชมป์ยุโรป, สโมสรโลก, เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และยังพาแชมป์ลีกคืนแอนฟิลด์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี


เกียรติยศต่าง ๆ ที่ได้มา มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับเสียงวิจารณ์เป็นคนแรก ๆ เสมอยามทีมทำผลงานไม่ดี อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่นักเตะที่มีเทคนิคที่หวือหวา ไม่ได้มีทำประตูเป็นกอบเป็นกำอย่างที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เคยทำได้ และที่สำคัญ เขาอาจไม่ได้มีออร่าของซูเปอร์สตาร์มากเท่าที่ควร จึงทำให้ถูกมองข้ามความสามารถที่แท้จริงไปอย่างน่าเสียดาย 


แต่นั่นก็ตัวตนของเขา

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันผู้เงียบขรึมแต่ทำเพื่อทีมเกินร้อยเสมอ

 

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นแข้งเยาวชนจาก ซันเดอร์แลนด์ ก่อนจะได้ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัวราว ๆ 16-20 ล้านปอนด์ ในปี 2011 โดยกุนซือที่นำเขาเข้ามายังถิ่นแอนฟิลด์ก็คือ เคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งคิงเคนนี่เคยให้สัมภาษณ์ว่า "นักเตะคนนี้อาจไม่ได้มีอะไรเด่นจนทุกคนร้องว้าว แต่คุณภาพที่เขามีในทุก ๆ หัวข้ออยู่ในระดับเอทั้งหมด โดยเฉพาะกับความทุ่มเทและความเป็นผู้นำในตัว" 


ชีวิตของ เฮนโด้ ไม่เคยง่าย เขาอยู่กับทีมได้ปีเดียวก็เกือบถูกขายให้ ฟูแล่ม เนื่องจากกุนซือใหม่ของหงส์แดงอย่าง แบรนดอน ร็อดเจอร์ส มองไม่เห็นคุณค่าที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวของเขาเหมือนที่ เคนนี่ ดัลกลิช มองเห็น ทว่าก็เป็นตัวของ เฮนโด้ เองนี่แหละครับที่ปฏิเสธในการย้ายทีมคราวนั้น และเลือกที่ขออยู่กับทีมเพื่อพิสูจน์คุณค่าในตัวเองให้กุนซือคนใหม่ได้เห็น แม้รู้ว่าจะยากก็ตาม


เฮนโด้ ใช้เวลานับปีกว่าจะเอาชนะใจของ ร็อดเจอร์ส ได้สำเร็จ เขาซ้อมหนักมาก พยายามทำให้โค้ชของเห็นความสามารถในตัว ก่อนที่จะยึดตัวจริงได้ในฤดูกาล 2013-14 และก็ไม่เคยถูกจับไปวางขายในตลาดนักเตะอีกเลย แม้ว่าภายหลังจะเปลี่ยนกุนซือจาก ร็อดเจอร์ส มาเป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ ในปี 2015 ก็ตาม



การทำงานกับกุนซือเยอรมนีอย่าง คล็อปป์ ช่วยให้ เฮนโด้ เติบโตและพัฒนาฝีเท้าเยอะขึ้นมาก ๆ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของเขาที่ คล็อปป์ ประทับใจก็คือความเป็นผู้นำที่มีในตัว แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะไม่ได้เปรี้ยงปร้างดังเป็นพลุแตก แต่ความเรียบง่ายบวกความขยัน ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมเต็มตัวในวันที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อำลาทีม


ด้วยบุคลิกที่หวีผมเรียบแปล้ เสื้อทับในกางเกง ถุงเท้ายาวถึงเข่า วิ่งไล่บอลอย่างเอาเป็นเอาตาย รับส่งบอลแบบง่าย ๆ ทุกอย่างที่เป็นเขาอาจเป็นความจืดชืดในสายตาของแฟนบอล แต่ไอ้ความเรียบง่ายแบบนี้นี่แหละ ที่กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยให้ทีมขับเคลื่อนไล่ล่าแชมป์ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด


เฮนโด้ รับใช้ ลิเวอร์พูล มากถึง 482 นัด ยิงได้ 33 ประตู พาทีมคว้าแชมป์สำคัญมาครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ, พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก อีกทั้งยังเคยได้รับการโหวตจากแฟนบอล ลิเวอร์พูล ให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรในฤดูกาล 2019-20 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีอีกด้วย


เจอร์เก้น คล็อปป์ คือคนที่ให้ความสำคัญกับ เฮนโด้ เป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่านักเตะคนนี้คือจิ๊กซอว์ในแดนกลางที่เงียบขรึม อาจไม่ได้เฉิดฉายแสงเท่าคนอื่น แต่ขาดไม่ได้หากต้องการความสมดุล


"เขาอาจไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ แต่เขาเป็นคนที่สำคัญกับทีม การเป็นกัปตันต่อจาก เจอร์ราร์ด ไม่ใช่งานง่าย แต่เขารับมือกับเรื่องนั้นได้ดีมาก ๆ เขาคู่ควรกับทุกคำชม ซึ่งผมคิดว่าเขายังไม่ได้รับคำชมมากเท่าที่ควรได้รับด้วยซ้ำไป"


เฮนโด้ เป็นที่รักของเดอะค็อป แต่กับหลาย ๆ ครั้งมี่ทีมมีผลงานไม่ดี เขายังคงเป็นคนแรก ๆ ที่แฟนบอลบางส่วนยังอคติและมองข้ามความสามารถของเขาอยู่เป็นประจำ


เฮนโด้ ในวัย 32 ปีเพิ่งทำแอสซิสต์ให้ โม ซาล่าห์ ยิงตีตื้นในเกมเสมอ อาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะเล่นได้ดี มีแอสซิสต์ แต่ก็ยังถ่อมตัวและไม่โอ้อวดตัวเอง เขาโฟกัสไปที่ทีมก่อนผลงานส่วนตัวเสมอมา เขาคาดหวังแค่ทีมประสบความสำเร็จ ซึ่งนี่คือบุคลิกของคนเป็นผู้นำอย่างแท้จริง


ก่อนเกมนี้จะเริ่ม เขาให้สัมภาษณ์ในเชิงกระตุ้นทีมไว้น่าสนใจมากครับ และสุดท้ายทีมก็คว้าผลลัพธ์อย่างที่ต้องการได้สำเร็จ


"นี่คือสโมสร ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ ทุก ๆ เกมที่นี่มีความสำคัญ ไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นอะไรก็ตาม"


"เราไม่เหมือนกับ อาร์เซน่อล เพราะครั้งนี้เราไม่มีส่วนร่วมในการลุ้นแชมป์ลีก และนั่นเป็นความเจ็บปวด แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมแพ้ เป้าหมายของเราคือการทำงานหนักต่อไปจนถึงตอนจบขอฃฤดูกาล และทำทุก ๆ สิ่งด้วยพลังที่เรามี"


"หากเราทำเต็มที่ ความหวังของเราในการจบอันดับบนตารางคะแนนให้สูงที่สุดก็มีความหวัง ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะตามหลังกลุ่มผู้นำ แต่หากเราแสดงให้เห็นว่าเรายังแกร่ง มันจะต่อยอดไปยังฤดูกาลหน้าได้"


"การโต้ตอบในแบบที่ถูกต้อง คือการรับมือกับความล้มเหลวต่าง ๆ ด้วยการพัฒนา เราจะต้องโอบกอดรับความท้าทายไปด้วยกัน"


ความเป็นผู้นำแบบเงียบขรึม ความเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพแบบที่เขาเป็น คือจิ๊กซอว์ตัวเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพออกมาสมบูรณ์และขาดไปไม่ได้เลย


"ผมแค่ทำงานของผมไปเรื่อย ๆ ไม่สนกับคำพูดคนอื่น ซ้อมหนักเหมือนตอนมาใหม่ ๆ ผมแค่อยากให้ทีมชนะ แค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว"


นั่นแหละครับ คือคำนิยามของชายคนนี้

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันผู้เงียบขรึม


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})