ปืนใหญ่ทำ 3 คะแนนหลุดมืออีกครั้งในเกมที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม ด้วยหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์ที่แล้ว

ขึ้นนำ 2-0 ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า ก่อนโดนทวงคืนท้ายครึ่งแรก และโดนตามตีเสมอในครึ่งหลัง

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นใน 2 นัดหลังสุดกับการไปเยือน ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม 

มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมได้บทเรียนมาแล้วในเกมปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอจนเกือบแซงชนะ เขาเลือกใช้ชุดตัวจริงเกือบทั้งหมดลงแก้ตัวในการไปเยือน เวสต์แฮม มีเพียงตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ บาดเจ็บโคนขาหนีบ จำเป็นต้องให้ คีแรน เทียร์นีย์ ลงเล่นแทน

ส่วน เวสต์แฮม ของ เดวิด มอยส์ เปลี่ยนทีม 8 ตำแหน่งจากเกมยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่บุกเสมอ เกนท์ 1-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีเพียง เดแคลน ไรซ์ , วลาดิเมียร์ ชูฟาล และ จาร์ร็อด โบเว่น ลงตัวจริงต่อเนื่อง  

เทียบผลงานโดยรวม ความฟิตความสด และได้เตรียมตัวมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม อาร์เซน่อล เหนือกว่าแน่นอน และพวกเขาก็เริ่มต้นได้ดีมากๆ ด้วยการออกนำ 2-0 ตั้งแต่ 10 นาทีแรก

ฤดูกาลนี้ เวสต์แฮม ไม่สามารถฮึดกลับมาเก็บแต้มในบ้านได้เลยหากตามถึง 2 ประตู แถมเกมรับที่ยังจัดระเบียบไม่ลงตัว หละหลวม และขาดสมาธิ ก็ยิ่งมีโอกาสโดนเพิ่ม มากกว่าทวงคืนได้ 

จากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเกม อาร์เซน่อล "น่าจะ" เก็บชัยชนะได้ไม่ยากเพราะทำให้เห็นว่ามีโอกาสแล้วเปลี่ยนเป็นประตูได้ 

ทว่าความใจสู้ของเวสต์แฮม และความไม่นิ่งของอาร์เซน่อล ก็แง้มประตูความหวังให้เจ้าบ้านได้กลับมา 

โธมัส ปาร์เตย์ พยายามกระดกบอลหนี เดแคลน ไรซ์ แต่ไม่พ้น ไรซ์ ที่แย่งบอลเก่งอยู่แล้วจึงตัดได้ก่อนป้ายให้ ลูคัส ปาเกต้า เรียกฟาวล์จาก กาเบรียล มากัลเญส จนกลายเป็นประตูตีไข่แตกของ ซาอิด เบนราห์ม่า

ภาพเดิมจากแอนฟิลด์ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

เวสต์แฮม มีชีวิตชีวาขึ้นทันตาเห็น และโหมรุกได้ตลอดท้ายครึ่งแรก

ช่วงเวลาหลังทวงประตูคืนได้จนถึงจบครึ่งแรก เวสต์แฮม ได้ลุ้นยิงเพิ่มอีก 4 ครั้ง เตะมุมอีก 3 ครั้ง ขณะที่ อาร์เซน่อล ไม่มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว

นี่คือสัญญาณเตือนไม่ดีสำหรับทีมจ่าฝูง 

ทว่าจุดเปลี่ยนจริงๆ คือการพลาดจุดโทษในต้นครึ่งหลังของ บูคาโย่ ซาก้า

อาร์เซน่อล ได้จุดโทษในช่วงเวลาที่ดีมากคือต้นครึ่งหลังจากการทำแฮนด์บอลของ มิคาอิล อันโตนิโอ หากขยับหนีห่างสองประตูอีกครั้งก็น่าจะกลับมาคอนโทรลเกมอย่างถนัด 

ทว่าแฟนปืนก็ต้องตาค้างเมื่อ ซาก้า ยิงจุดโทษไม่เข้า! เขาซัดหลุดกรอบออกไปเลย 

นับตั้งแต่พลาดจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 กับทีมชาติอังกฤษ ซาก้า ไม่เคยพลาดจุดโทษเลยในการรับหน้าที่ยิงให้ อาร์เซน่อล แต่ครั้งนี้เขาซัดหลุดกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ 

สถานการณ์พลิกสุดขั้วเมื่ออีก 2 นาทีถัดมาเป็น เวสต์แฮม ได้ประตูตีเสมอจากการยิงของ จาร์ร็อด โบเว่น 

โบเว่น ยิงตีเสมอได้ยอดเยี่ยมเหลือเกินเพราะบอลจังหวะสองที่ ธิโล เคห์เรอร์ กระดกลอยโด่งกลับมาให้นั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็ยังอุตส่าห์ตวัดส่งบอลกระดอนพื้นเด้งผ่านมือ อารอน แรมส์เดล เข้าเสาแรก

จากที่น่าจะนำ 3-1 แต่กลายเป็นโดนตีเสมอ 2-2 เป็นช่วงเวลา 120 วินาทีที่บ้าคลั่งมากสำหรับ อาร์เซน่อล 

สิ่งที่ต่างจากวันเสมอหงส์แดงคือ ทีมปืนใหญ่ไม่โดนพับสนามบุกเพราะยังสามารถครองบอลได้มากถึง 70 เปอร์เซ็นต์  

แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะแท็กติกของเวสต์แฮมที่ไม่ได้เน้นครองบอล หรือจะไปเคาะตามช่องก็คงสู้อาร์เซน่อลไม่ได้ 

ทุกครั้งที่ตัดบอลจึงโจมตีด้วยบอลยาวทันที บอลโด่งของขุนค้อนได้ลุ้นหลายครั้งทำให้ตลอด 45 นาทีหลังได้ยิง 7 ครั้งเท่ากับอาร์เซน่อล 

วิธีการเล่นต่างกัน แต่มีจังหวะได้ลุ้นมีพอๆ กัน

ด้วยรูปเกมแบบนี้ ทีมที่กดดันตัวเองมากกว่าหากไม่สามารถทำประตูได้เพิ่มคือ อาร์เซน่อล

พวกเขาเพิ่งพลาดมาในนัดก่อน และกำลังพลาดในแบบเดิมอีกครั้ง ตัวสำรองที่ใช้เต็มโควตา 5 คนแม้จะยังช่วยให้ทีมเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ไม่ได้สร้างโอกาสทองในการทำประตูได้ 

ความมุ่งมั่น ดุดัน แม่นยำ และประสิทธิภาพดูจะขาดหายไป แม้แต่ มิเกล อาร์เตต้า ยังยอมรับว่าทีมไม่ได้แสดงให้เห็นมากพอว่าต้องการประตูที่สามและสี่ 

ขณะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็บอกในสิ่งที่แฟนบอลหลายคนมองไม่ต่างกัน 

"หลายสิ่งหลายอย่างเดิมกับสัปดาห์ที่แล้ว เราเริ่มเกมได้ดี แต่ก็จากนั้นก็ชะงัก และปล่อยให้พวกเขาได้เล่นได้ตามคุณภาพที่มี"

"เราปล่อยให้เวสต์แฮมได้เล่นเกมของพวกเขาเอง เรามอบความหวังให้พวกเขา เราเริ่มทำหลายสิ่งโง่ๆ ในเวลาได้บอล และปล่อยให้พวกเขาได้เล่นบอลยาว" 

การพลาดจุดโทษของ ซาก้า คือจุดเปลี่ยนในเกม แต่เขาไม่ใช่แพะรับบาปในชัยชนะที่หลุดลอยไป และการพลาดจุดโทษก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน 

มันเป็นอีกวันที่ อาร์เซน่อล ทั้งทีมควรทำได้ดีกว่านี้ นิ่งกว่านี้โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กำลังพิสูจน์หัวจิตหัวใจว่าดีพอสำหรับการเป็นแชมป์หรือไม่ 

หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนชี้ชวนให้รู้สึกว่า ลูกทีม อาร์เตต้า กำลังโดนความกดดันเล่นงานมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาออกอาการสั่นไหวเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย 

ขณะเดียวกัน แมนฯ ซิตี้ กลับเป็นฝ่ายที่กำลังแยกเขี้ยวโชว์ความเก๋าออกมาให้เห็น 

ความห่าง 8 คะแนนก่อนเกมสัปดาห์ที่แล้ว ลดเหลือ 4 คะแนนในตอนนี้ โดยที่ อาร์เซน่อล แข่งมากกว่า 1 นัด

ในทางทฤษฎี อาร์เซน่อล ยังกุมชะตาตัวเองเอาไว้ในมือ ทว่าพวกเขาต้องทำให้เห็นมากกว่านี้ว่า "เอาอยู่" กับความกดดันในการลุ้นแชมป์ที่กำลังถั่งโถมมากขึ้น

โดยเฉพาะในอีก 10 วันข้างหน้าที่ต้องไปเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม