:::     :::

มักซี่ ในความทรงจำของเด็กหงส์และนีเวลล์ โอลด์ บอยส์

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
591
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มักซี่ โรดริเกซ อาจไม่ได้เป็นนักเตะที่โด่งดังอะไรมากมายนักหากเทียบกับตำนานจากอาร์เจนติน่าคนอื่น ๆ ซึ่งสร้างชื่อได้ในยุโรป แต่เรื่องหนึ่งที่ทำให้เขายิ้มได้ก็คือ ตลอดการเล่นฟุตบอลอาชีพมานานกว่า 22 ปี เขาได้รับความเคารพจากแฟนบอลในทุกสโมสรที่ไปเล่นด้ว

22 ปีบนเส้นทางลูกหนัง มักซี่ เล่นอยู่แค่ 5 สโมสรก็คือ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์, เอสปันญ่อล, แอตเลติโก มาดริด, ลิเวอร์พูล และ เพนารอล โดยที่ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ นั้นพิเศษมากหน่อยเพราะนี่คือสโมสรที่เขาเล่นด้วยถึง 3 รอบ อีกทั้งยังเป็นสโมสรแรกและสโมสรสุดท้ายในอาชีพอีกต่างหาก 


มักซี่ เป็นเด็กปั้นของ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ มาตั้งแต่ยังไม่ 10 ขวบ เขาไต่เต้าจนติดทีมชุดใหญ่และทำผลงานได้โดดเด่นจนถูกแมวมองของ เอสปันญ่อล ดึงตัวไปร่วมทีมตอนอายุ 21 ปี 


เขาเล่นกับเจ้านกแก้วอยู่ 3 ฤดูกาล ยิงได้ 26 ประตูจาก 111 นัดในตำแหน่งปีก ก่อนจะได้ย้ายไปเล่นให้กับ แอตเลติโก มาดริด ในปี 2005 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทีมตราหมียังไม่ได้มีสถานะลุ้นแชมป์แบบในปัจจุบัน


เขาเริ่มมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างจริง ๆ ก็จากผลงานในฟุตบอลโลกปี 2006 ซึ่งเขายิงในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวไป 3 ประตู เป็นดาวซัลโวประจำทีมร่วมกับ เอร์นาน เครสโป เลยทีเดียว


ประตูสำคัญของ มักซี่ คือลูกที่ยิงเม็กซิโกช่วงต่อเวลาพิเศษพาทีมผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ประตูนั้นเขาพักบอลลงด้วยอกจากการเปิดยาวของ โซริน ก่อนที่จะบรรจงวอลเล่ย์ด้วยอีซ้ายเต็มเท้า บอลลอยละล่องเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปอย่างสุดสวย


มักซี่ เล่นให้ แอตฯ มาดริด รวมแล้ว 4 ฤดูกาลครึ่ง ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ช่วงตลาดเดือนมกราคมปี 2009 จากการนำเข้ามาของ ราฟาเอล เบนิเตซ




เรื่องเล่าตลก ๆ เรื่องหนึ่งของ มักซี่ กับ ราฟา ก็คือ ในตอนที่สโมสรกำลังเจรจากับเขานั้น ราฟา ถาม มักซี่ ว่าพูดภาษาอังกฤษได้คล่องหรือเปล่า เจ้าตัวกลัวว่าจะไม่ได้ย้ายมาเล่นให้หงส์แดงจึงตอบไปว่าคล่องมาก 


ทุกอย่างมาโป๊ะตอนกำลังจะจัดงานแถลงข่าวครับ ราฟา บอกกับ มักซี่ ว่าจะให้เขาตอบคำถามนักข่าวได้เลยตามสะดวก ก่อนที่ มักซี่ จะมาสารภาพกับนายใหญ่ชาวสแปนิชว่าที่ผ่านมาเขาโกหก เขาพูดได้คำเดียวที่คล่องมากคือ 'ฮัลโหล' 


ราฟา สบถด่า มักซี่ ในทันที ก่อนจะหัวเราะก๊ากด้วยความเอ็นดู จากนั้นงานแรกในการเป็นนักเตะหงส์แดงของ มักซี่ ก็คือ การไปเรียนภาษาอังกฤษให้พูดได้มากกว่าคำว่าฮัลโหลโดยเร็วที่สุด


มักซี่ ปรับตัวกับทีมได้ค่อนข้างดีแม้จะย้ายมากลางคัน โดยฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขากับหงส์แดงคือในปี 2010-11 ครับ มักซี่ ยิงประตูได้ถึง 10 เม็ดจาก 28 นัดในพรีเมียร์ลีก รวมถึงยังสามารถทำแฮตทริกได้ถึง 2 ครั้งอีกต่างหาก 


เกียรติยศเพียงอย่างเดียวกับหงส์แดงคือแชมป์ลีก คัพในฤดูกาลสุดท้ายกับทีม เรื่องน่าเสียดายสำหรับเขาก็คือตลอด 2 ฤดูกาลครึ่งที่แอนฟิลด์ มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของทีมพอดี เขาทำงานกับผู้จัดการทีมถึง 3 คนในช่วงนั้นซึ่งทำให้เขาเจอความลำบากพอสมควรสำหรับการปรับตัว อย่างไรก็ดี มักซี่ เล่นเต็มที่เสมอในทุกนัดที่ลงสนาม จนเป็นหนึ่งในคนที่เดอะ ค็อป นิยมชมชอบและเต็มใจร้องเพลงเชียร์ให้ด้วยความยินดี


วันที่เขาตัดสินใจย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ตอนนั้นเขาอายุย่างเข้า 31 แล้ว แต่ยังมีหลายทีมในยุโรปเลยนะครับที่สนใจจะดึงตัวเขาไปอยู่ด้วย ทว่า มักซี่ เองเลือกที่จะขอกลับไปเล่นให้กับ นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ แทน เนื่องจากนี่คือสโมสรที่เปรียบเสมือนรักแรกของเขานั่นเอง




10 ปีหลังจากออกมาผจญภัยที่ยุโรป มักซี่ เลือกกลับมายังอาร์เจนติน่าบ้านเกิดอีกครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือ นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์


ฤดูกาลก่อนที่เขาจะตกลงใจย้ายกลับมา นีเวลล์ หวุดหวิดจะตกชั้นเมื่ออยู่ในโซนล่างของตารางคะแนน แถมในทีมยังมีปัญหาภายในในเรื่องการบริหารจนยุ่งเหยิงไปหมด ดังนั้นการย้ายกลับมาครั้งนี้ของเขาจึงไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นการทำเพื่อทีมล้วน ๆ


มักซี่ กลายเป็นหัวใจหลักของทีมเนื่องจากชื่อชั้นและประสบการณ์ที่ข้นคลั่กในยุโรป เขาพาทีมพุ่งจากทีมในโซนตกชั้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่ปีแรก สื่อที่นั่นต่างยกย่องว่าเขาเข้ามายกระดับทีมไปอีกขั้นหนึ่งเลยทีเดียว


เขาทำงานกับอดีตฮีโร่ของสโมสรอย่าง ตาต้า มาร์ติโน่ ได้อย่างลงตัว แถมในทีมยังมี กาเบรียล ไฮน์เซ่ อดีตนักเตะปีศาจแดงคอยยืนบัญชาการเกมรับอีกต่างหาก


มักซี่ พาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศถ้วยโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ในปี 2013 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปีเลยที่ทีมมาไกลขนาดนี้ แถมเขายังพาทีมคว้าแชมป์ Torneo Final ซึ่งเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นแชมป์ระดับประเทศครั้งแรกในรอบ 9 ปีอีกด้วย


ความพีคก็คือ มักซี่ เป็นคนทำประตูชัยในนาทีสุดท้ายเกมที่พบกับ ราซิ่ง ซึ่งเป็นเกมสำคัญที่พาให้ นีเวลล์ พลิกสถานการณ์กลับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงและทะยานไปเป็นแชมป์ได้ในที่สุด


มักซี่ เล่นอยู่กับ นีเวลล์ 5 ปีแล้วย้ายไปอยู่กับ เพนารอล ในลีกอุรุกวัยตอนปี 2017 และประสบความสำเร็จพอตัวด้วยผลงาน 15 ประตูจาก 49 นัด พร้อมกับคว้าแชมป์ได้ถึง 2 รายการ


ช่วงเวลา 2 ปีที่ มักซี่ ไม่อยู่ ปรากฏว่า นีเวลล์ กลับไปอยู่ในโซนล่างของตารางอีกครั้ง คราวนี้เขาจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะกลับมาเล่นให้กับทีมและจะอยู่ไปจนกว่าจะแขวนสตั๊ดเมื่อถึงเวลาอันสมควร


"บ้านของผมคือ นีเวลล์ ผมเกิดที่นั่นและจะไปอยู่ที่นั่นจนเลิกเล่น" 


มักซี่ กลับมารอบนี้เขาอยู่กับทีมจนแขวนสตั๊ดแบบที่พูดจริง ๆ ครับ สิริรวมที่อยู่กับทีม 3 รอบ เขาลงสนามไปมากถึง 281 นัด ยิงได้ 93 ประตูรวมทุกรายการ เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมในอันดับที่ 2 และตอนวันเกิดครบ 40 ปีของเขา สโมสรยังให้เกียรติด้วยการเปลี่ยนชื่ออัฒจันทร์ฝั่งหนึ่งเป็นชื่อ Maxi Rodriguez Stand อีกด้วย


วันที่เขาลงสนามเกมสุดท้ายให้กับทีม แฟนบอลทั้งสนามต่างจุดพลุและตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างกึกก้อง อดีตเพื่อนร่วมอาชีพทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต่างส่งข้อความมาอวยพรให้


มักซี่ เล่าว่าในวันนั้น การที่ได้ยินแฟนบอลเรียกชื่อของเขาและพูดกับเขาว่ามันเป็นวัน Maxi Day คือเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก มีเด็ก ๆ หลายคนเอาจดหมายขอบคุณมาให้ที่สโมสร มีแต่คนพูดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำให้ทีมไม่หยุด


การเดินทางในเส้นทางลูกหนังอันยาวนานของ มักซี่ สิ้นสุดลงแล้ว แม้ว่าเขาอาจไม่ได้แชมป์หรือรางวัลส่วนตัวอะไรมากมายเหมือนคนอื่น แต่สิ่งที่เขาได้รับจากแฟน ๆ นีเวลล์ มันก็คุ้มค่าและสวยงาม


ทั้งหมดคือความรัก คือสิ่งที่ มักซี่ เคยมอบให้พวกเขา และเขาก็ได้รับสิ่งนั้นคืนกลับมา 


บางที สิ่งนี้มันอาจมากกว่าที่เขาเคยฝันถึงด้วยซ้ำไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด