:::     :::

ความเจ็บปวดที่ยังอยู่

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
9,234
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เจ็บปวดใจที่สุดหนีไม่พ้นการที่เจ้าตัวไม่มีชื่ออยู่ในทีมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อปี 2011 กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ฤดูกาล 2010/11 ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของดาวยิงทีมชาติบัลแกเรีย ในสีเสื้อของ "ปีศาจแดง" ด้วยการทำ 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก คว้ารางวัลดาวซัลโวพร้อมตำแหน่งแชมป์ลีก 

แต่ปัญหาอยู่ที่ผลงานในฟุตบอลยุโรปที่ลงเล่นไป 7 เกมแต่กลับทำประตูไม่ได้เลย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจมองข้าม เบอร์บาตอฟ ไปในเกมชิงถ้วยยุโรปกับ บาร์เซโลน่า


สิ่งที่น่าตกใจมากกว่าการที่ไม่มีชื่อของ เบอร์บาตอฟ เป็นตัวจริงนั้นก็คือเจ้าตัวกลับไม่มีชื่อแม้กระทั่งในฐานะตัวสำรอง โดยตัวจริงทีมใช้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ กับ เวย์น รูนี่ย์ เล่นในแนวรุก ส่วนตัวสำรองมี ไมเคิ่ล โอเว่น นั่งอยู่ข้างสนาม

นั่นคือสิ่งที่ค้างคาคาอยู่ในใจและเป็นเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดสำหรับ เบอร์บาตอฟ ในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ทางรายการของ บีที สปอร์ต

"ผมไม่ได้อยู่ที่ม้านั่งสำรอง ไม่ได้อยู่ในทีม ปีนั้นผมคือแชมป์เปี้ยน ยิงประตูให้กับทีม และได้รางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีก" เบอร์บาตอฟ กล่าว


เมื่อถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้นอดีตกองหน้าคนดังกล่าวว่า "เกิดอะไรขึ้นน่ะเหรอ? เมื่อคุณเป็นผู้จัดการทีม คุณต้องตัดสินใจและในตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจไม่ใส่ชื่อผม"

ในเกมดังกล่าวยูไนเต็ดลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ 1-3 ซึ่งในนัดนั้นตัวสำรองของทีมมี โทมัสซ์ คุสแซ็ค, คริส สมอลลิ่ง, อันแดร์ซอน, นานี่, พอล สโคลส์, ดาร์เร็น เฟล็ทเชอร์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น โดยมีการเปลี่ยนตัวสำรองลงเล่น 2 คนคือ นานี่ และ สโคลส์ 

แต่เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น เบอร์บาตอฟ ก็เองก็ชี้ว่ามันไม่ได้แย่ไปทั้งหมด เพราะในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ดเจ้าตัวก็ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมและโอกาสที่ยากจะปฏิเสธเมื่อถูกทาบทามเมื่อปี 2008 ด้วยค่าตัว 30.75 ล้านปอนด์


ในช่วงเวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งประสบความสำเร็จได้แชมป์ยุโรป ในเกมรุกมี เวย์น รูนี่ย์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาร์ลอส เตเวซ ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสามประสานแนวรุกที่ดีที่สุดในโลก

แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะให้ความสนใจอยู่เช่นกันแต่ทาง เบอร์บาตอฟ ชี้ว่าจุดหมายเดียวที่ต้องการมาร่วมทีมคือสีแดงแห่งแมนเชสเตอร์

"ตราสโมสร, ประวัติศาสตร์, ผู้จัดการทีม, นักเตะ, โทรฟี่แชมป์! ย้อนกลับไปในวันนั้นไม่มีการเปรียบเทียบเลย ไม่มีการคิดมากเลยและไม่มีตัวเลือกที่ต้องตัดสินใจ - ต้องเป็นทีมนี้เท่านั้น"

"ในใจของผมตอนนั้นเหลือแค่ก้าวเดียวให้ผมก้าวไป (สู่ระดับท็อป) เป้าหมายระดับสูงส่วนตัวของผม"


"หนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมก็เพราะนักเตะ ผมหมายถึงว่าจะมีใครที่ไม่อยากเล่นร่วมกับนักเตะเหล่านี้บ้าง (โรนัลโด้, รูนี่ย์, เตเวซ) คุณต้องการอยู่ที่นั่น คุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งของทีมนั้นและทดสอบตัวเองกับผู้เล่นที่ดีที่สุด"

กับช่วงเวลาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด, เบอร์บาตอฟ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก ลงสนามให้ทีมรวม 149 เกมในระยะเวลา 4 ปี ทำไป 56 ประตูกับ 27 แอสซิสต์

ส่วนประตูที่ชื่นชอบที่สุดกับสโมสรไม่ใช่การตีลังกายิงใส่ ลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าตัวทำแฮตทริคให้ทีมคว้าชัยชนะแต่ ได้เป็นการวอลเล่ย์ใส่ มิดเดิ้ลสโบรช์ ในปีแรกกับสโมสรมากกว่า

"เมื่อคุณทำประตูได้ คุณจะได้ยินเสียงจากแฟนบอลว่า 'ว้าว' คล้ายกับเวลาที่คุณเล่นกล และเมื่อผมทำมันผมจะได้ยินเสียงแฟนบอลอยู่ตลอดเวลา มันอยู่ในหัวของผม ผมคิดเสมอว่า 'นั่นคือสิ่งที่นายทำ' เพราะผมต้องการเป็นคนที่ให้ความบันเทิงนั้นเสมอ"



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด