:::     :::

กำแพงสีฟ้า

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในฤดูกาลที่ อาร์เซน่อล มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมากสุดในรอบเกือบสองทศวรรษ พวกเขายังไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงที่ชื่อ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" ได้

การพบกันล่าสุดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนฯ ซิตี้ มอบบทเรียนสำคัญให้ อาร์เซน่อล อีกครั้งด้วยการเอาชนะไปได้อย่างหมดจด ไร้ข้อกังขา และ "คนละชั้น"

แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ อาร์เซน่อล ในพรีเมียร์ลีกได้ 12 นัดติดต่อกัน ยิงรวม 33 ประตู และเสียเพียง 5 ประตู 

สกอร์ 4-1 ถือว่าขาดลอยสำหรับการเจอกันของสองทีมลุ้นแชมป์ แต่ก็ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงที่ว่า แมนฯ ซิตี้ น่าจะชนะได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ

ในหลายนัดก่อนหน้านี้ที่ อาร์เซน่อล พลาดชัยชนะ มีปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องและไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดในการตัดสินของผู้ตัดสิน ลี เมสัน ในเกมเสมอ เบรนฟอร์ด, การพลาดจุดโทษของ บูคาโย่ ซาก้า ในเกมเสมอ เวสต์แฮม หรือไม่ก็ลูกยิงช่วงทดเจ็บของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่น่าจะเป็นประตูชัยหากต่ำกว่านี้อีกนิดในเกมเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน

แต่เกมกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ไม่มีอะไรให้ต้องคาใจเพราะพวกเขาแพ้ต่อทีมที่ดีกว่าจริงๆ 

"ชัดเจนว่าทีมที่ดีกว่าเป็นผู้ชนะ พวกเขาน่าจะอยู่ในช่วงดีสุดโดยเฉพาะครึ่งแรก และเราก็ไม่ได้เล่นในระดับของเรา จากนั้นช่องว่างระหว่างทั้งสองทีมก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น" มิเกล อาร์เตต้า ก้มหน้ายอมรับ 

อาร์เซน่อล ไม่สามารถสู้ แมนฯ ซิตี้ ได้เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพโดยรวม ความเข้าใจในเกม ความมุ่งมั่นในการเล่น การดวลตัวต่อตัว หรือกระทั่งเรื่องพื้นฐานง่ายๆ อย่างการจ่ายบอล 

"เราโดนลงโทษ และเราน่าจะโดนมากกว่านี้ด้วยซ้ำ" อาร์เตต้า กล่าว 

การแพ้ต่อ แมนฯ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ทุกทีมในลีกเคยโดนเรือใบอัดมาแล้วทั้งนั้น แต่ความท้าทายของทุกทีมคือ พวกเขาพร้อมจะฉวยโอกาสได้มากแค่ไหนในวันที่ซิตี้สะดุด 

อาร์เซน่อล ทำได้ดีสุดในฤดูกาลนี้ด้วยการเป็นทีมเดียวที่นำหน้า แมนฯ ซิตี้ มาได้เกือบตลอดฤดูกาล 

แต่ แมนฯ ซิตี้ ก็คือ แมนฯ ซิตี้ พวกเขายังคงมีมาตรฐานในการเล่นที่สูงมาก แข็งแกร่งทุกขำกำลัง และทั่วทั้งสนาม อาจมีบางนัดที่พลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยหยุด และยังคงเดินหน้าสุดกำลังเสมอ 

และในช่วงที่ปืนใหญ่เริ่มอ่อนแรงลงในช่วงท้ายฤดูกาล ทัพเรือใบกลับเป็นฝ่ายที่เร่งเครื่องขึ้นมาอย่างน่าเกรงขาม และมีโอกาสสูงที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 3 สมัยติดต่อกัน

อาร์เซน่อล สะดุดเสมอมา 3 นัดติดก่อนเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม ช่องว่างของคะแนนเริ่มน้อยลง โมเมนตัมเริ่มเปลี่ยน และแน่นอนว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ


แมนฯ ซิตี้ ทำให้ อาร์เซน่อล ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้มากขึ้นว่าการจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นยากเพียงใด และในฐานะแชมป์เก่า พวกเขายังคงเหนือกว่าผู้ท้าชิงหน้าใหม่อยู่พอสมควร 

อันที่จริง อาร์เซน่อล ถือว่าบรรลุเป้าหมายในฤดูกาลนี้แล้วกับการการันตีกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล หลังจาก ไบรท์ตัน แพ้ต่อ ฟอเรสต์ 

นี่คือเป้าหมายที่ทีมวางเอาไว้ตอนเริ่มฤดูกาล และน้อยคนนักจะคิดว่าจะอาจหาญถึงขั้นลุ้นแชมป์ นักเตะหลายคนในทีมก็แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมาถึงจุดนี้ 

ทีมของ อาร์เตต้า วางแผนงานเอาไว้ 5 เฟสสำหรับการกลับไปเล่นในถ้วยใหญ่ของยุโรปอีกครั้ง ตอนนี้อยู่ในเฟสที่ 3 แต่ทำตามเป้าได้แล้ว แผนงานรุดหน้ากว่าที่คาด

เพียงแต่อาจจะยังไม่มากพอที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

อาร์เซน่อล ยังมีความผิดพลาดแบบไม่น่าพลาดในช่วงเวลาสำคัญ หากฤดูกาลนี้ต้องอกหักพลาดแชมป์จริงๆ มันก็ไม่ใช่แค่ว่าเพราะความพ่ายแพ้ที่ แมนฯ ซิตี้ 

พวกเขาพลาดใน 3 นัดก่อนหน้านี้ต่างหากที่ทำให้ความมั่นใจหดหาย และความกดดันก่อตัวมากขึ้น 

ผู้เล่นตัวหลักส่วนใหญ่ยกเว้น กาเบรียล เชซุส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ไม่เคยมีประสบการณ์ลุ้นแชมป์มาก่อน ความเวลาที่บีบหัวใจ ชี้เป็นชี้ตายจึงไม่สามารถรับมือได้ดีพอ 

การขาดผู้เล่นสำคัญจากอาการบาดเจ็บก็มีส่วนไม่น้อยโดยเฉพาะตำแหน่งของ วิลเลี่ยม ซาลีบา ที่ ร็อบ โฮลดิ้ง ไม่สามารถทดแทนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

อาร์เตต้า ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะขุมกำลังของทีมไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกตำแหน่ง และอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ ต้องค่อยเติมเสริมสร้างไปทีละจุด ทุกๆ ปี ทุกตลาดซื้อขายคือช่วงเวลาในการปรับปรุงทีม 


ตลาดซัมเมอร์ 2 ครั้งหลัง อาร์เซน่อล เสริมทัพได้ดีมากแล้วด้วยผู้เล่นอย่าง อาร่อน แรมส์เดล, เบน ไวท์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ และเซ็นถาวรกับ มาร์ติน โอเดการ์ด ต่อด้วย กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และการกลับมาจากยืมตัวของ วิลเลี่ยม ซาลีบา

บวกกับความอดทนของบอร์ดบริหารที่ให้เวลา อาร์เตต้า ในการทำทีมอย่างเต็มที่ แม้ต้องแลกกับบางช่วงเวลาที่ผลงานของทีมย่ำแย่ซึ่งผ่านมาถึงตอนนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของสโมสรที่เลือกเชื่อมั่นในตัวกุนซือหนุ่มที่ไม่เคยคุมทีมเต็มตัวมาก่อน

อาร์เซน่อล มาไกลมากกับการที่มีลุ้นแชมป์จนถึงเดือนสุดท้าย แต่พวกเขาก็ได้เข้าใจมากขึ้นเช่นกันว่าต้องแกร่งกว่านี้ทั้งกายและใจถึงจะทำฝันที่แฟนบอลรอคอยมานานให้เป็นจริงได้

และก่อนจะไปถึงตรงนั้น พวกเขาต้องกำแพงสีฟ้าที่ชื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้ได้เป็นอันดับแรก 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด