:::     :::

ความเรียลของเทน ฮาก ที่ไม่ได้มีแต่ทฤษฎีเพ้อฝัน

วันพฤหัสบดีที่ 04 พฤษภาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,460
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เอริค เทน ฮาก เป้นผู้จัดการที่เน้นหนักและมีจุดเด่นด้านการพัฒนาฟุตบอล เขาทำงานด้วยชุดความคิดและระเบียบวิธีการที่มั่นคงและชัดเจน แต่ก็มีมุมมอง และความเข้าใจต่อเรื่องต่างๆโดยตั้งอยู่บน "ความเป็นจริง" ของโลกฟุตบอลเช่นกัน นี่ทำให้แฟนผีคาดหวังได้เลยว่า ซัมเมอร์นี้ได้ซี๊ดอูยส์กันที่มุมปากแน่ๆเรื่องการเสริมทัพ!!!

"มันเป็นมารยาทน่ะครับ แต่ผมก็รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงบ้าง รู้ว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของอะไร แต่มันเป็นการแสดงมารยาทเฉยๆเท่านั้นเอง"

"ผมก็ชัดเจนว่าผมต้องการอะไร แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่หน้าที่ของผม มันเป็นงานของคนอื่นในสโมสร ซึ่งสุดท้ายแล้วก็มีเพียงแต่เจ้าของเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสินใจอะไรต่างๆ"

เทน ฮาก อธิบายถึงจังหวะที่เขาเก็บผ้าพันคอสีเขียวเหลืองขึ้นมาจากพื้น ตอนที่แฟนบอลเขวี้ยงมันลงมาตอนเขากำลังจะเข้าอุโมงค์ แฟนบอลหลายฝ่ายเข้าใจไปว่า เทน ฮาก แสดงจุดยืนเรื่องสโมสร แต่อย่าลืมว่า เขาเป็นเพียงแค่คนทำงาน ที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองไป ภายใต้การดูแลของนายจ้างปัจจุบันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเก็บผ้าพันคอขึ้นมาเพื่อจะบอกว่า เขาไม่เอาเกลเซอร์

ในความเป็นจริงเกลเซอร์ยังไม่ได้ขายสโมสร และยังคงเป็นเจ้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่ เพราะงั้นแล้วก็อย่างที่แฟนบอลอีกจำนวนมากเข้าใจ เขาทำไปตามมารยาทเท่านั้นเองที่จะไม่เดินผ่านไปเฉยๆ ไม่ใช่อยากจะแสดงจุดยืนอะไร ไม่ว่าเอริคจะคิดยังไงก็ตาม นี่คือการกระทำ และการอธิบายที่ดีและเหมาะสมมากๆต่อเรื่องนี้

และเอริค รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันไม่เคยมาทำลายสมาธิ เพราะเขาให้สัมภาษณ์แบบนี้มาตลอด และโฟกัสอยู่กับงานที่ต้องพาทีมทำผลงานให้ได้ตามที่วางเป้าหมายเอาไว้ นั่นคือการกลับไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้านั่นเอง

"ใช่ ผมก็คิดว่างั้นนะ(ที่แมนยูไนเต็ดสามารถลงเล่นในUCLฤดูกาลหน้า) แต่แน่นอนว่า ผมและพวกเรามองสิ่งนี้เป็นโปรเจ็ค ซึ่งในโปรเจ็คมันก็ขึ้นอยู่กับหน้าต่างซื้อขายด้วยว่าคุณจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมได้มากน้อยแค่ไหน หรือเติมสิ่งใหม่ๆเข้ามาเพื่อให้ทีมมีความสมดุลมากขึ้น"

"ดังนั้นมันก็คือการที่ต้องเสริมนักเตะเข้ามาเพิ่มอีก แต่ผมคิดว่าปีนี้พวกเราก็แสดงให้เห็นและพิสูจน์แล้วว่าสามารถชนะสุดยอดทีมของโลกนี้ได้ เพราะงั้นเราก็ลงสู้ศึก UCL ได้ ท้ายที่สุดแล้วเราก็อยากจะพาให้ทีมอยู่รอดในแชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้จนถึงช่วงหน้าหนาว"

ส่วนในเรื่องที่ว่าผู้จัดการทีมต้องการอำนาจในการสร้างทีมแบบเบ็ดเสร็จคนเดียวในยุคปัจจุบันหรือไม่ เทน ฮาก ตอบไว้อย่างน่าฟังดังนี้ว่า

"ผมไม่รู้นะว่ามันจริงไม่จริง ลองดูที่การทำงานของ Txiki Begiristain (DOFแห่งแมนเชสเตอร์ซิตี้) สิ คุณมองข้ามบทบาทและสิ่งที่เขาทำไม่ได้เลยนะ" (ผู้ที่ดึงเป๊ป ราฮีม เดอบรอยน์ ฯลฯ เข้ามา จากการมาเป็นผู้อำนวยการให้ซิตี้ตั้งแต่ปี2012)

Txiki Begiristain (ขวา)

"ถึงที่สุดแล้ว ทุกๆอย่างมันก็ต้องร่วมมือกันทำงาน ไม่มีใครทำทุกอย่างคนเดียวหรอก ผมไม่เชื่อว่ามีใครทำได้ เพราะว่ามันมีงานและหน้าที่หลายอย่างเลยที่ต้องทำ"

"การคุมงานมันมีอะไรหลายๆด้านมากๆซึ่งต้องแต่งตั้งคนให้ไปทำ คนๆเดียวทำไม่สำเร็จ เพราะงั้นมันเป็นงานที่ต้องร่วมมือกันเสมอ จากนั้นก็คือคุณภาพของการวางกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งคุณต้องใช้คนจำนวนมากช่วยกันทำไปด้วยกัน"

"ไม่มีนะ ผมไม่ได้มี(การการันตีงบในช่วงซัมเมอร์) ผมไม่มีอิทธิพลในเรื่องนั้นนะ เพราะงั้นผมไม่รู้เลย สิ่งเดียวที่ผมรู้คือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุด และผมคิดว่าสโมสรแห่งนี้ต้องไปแข่งขันในระดับสูงสุดของโลกเท่านั้น"

"แชมเปี้ยนส์ลีก พรีเมียร์ลีก รายการเหล่านี้ แต่เพื่อการนั้นแล้วคุณก็จำเป็นต้องมีทุนเหมือนกัน ทุนในการสร้างทีม เพราะว่ายังไงก็ตามระดับของผู้เล่นในทีมจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่"

ทั้งหมดนี้คือมุมมองในการทำทีมของ เอริค เทน ฮาก ต่อประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เขามองว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเองก็จำเป็นจะต้องมีการเสริมทีมเพื่อจะลงเล่นในระดับนั้นได้ ซึ่งบอสมองว่าทีมสามารถลงไปแข่งขันใน UCL ได้ไหว แต่ก็คงจะต้องเสริมแกร่งให้ทีมก่อน 

เทน ฮาก ไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมประเภทเพ้อฝัน หรือมีแต่อุดมการณ์ลมๆแล้งๆ สิ่งที่เขาพูดมาคือมัน "Real" ที่สุดแล้ว กับการยอมรับตรงๆว่า ทีมจะไปจุดนั้นได้ก็ต้องใช้เงินทุนในการสร้างทีมขึ้นมา และคุณภาพนักเตะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆสำหรับโปรเจ็คการทำทีมในระยะยาว เพื่อที่จะไปลุยและคว้าความสำเร็จในรายการใหญ่สองรายการหลักที่แฟนบอลเองก็คาดหวัง

แชมเปี้ยนส์ลีก กับ พรีเมียร์ลีก

เทน ฮาก ไม่ใช่คนที่จะมาพูดว่าเราสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้ด้วยการไม่ต้องมีเงิน เพราะเงินสำคัญมาก ทุกๆอย่างจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าตัวนักเตะ ค่าจ้าง ทุนในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นมาในทีมด้วยผู้เล่นระดับท็อปคลาส เพื่อที่จะสร้างฟุตบอลระดับสูง

กัดก้อนเกลือกินแล้วจะบินไปเอาแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นั่นเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะทุกทีมในทุกวันนี้เขาก็ต้องลงทุนกันอยู่ตลอดเหมือนกัน หมดยุคที่จะมานั่งค่อนขอดหรือแซะทีมใด สโมสรใดแล้วว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จ

ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้เพราะมีเงินต่างหาก

เอริค อาจจะยังไม่รู้งบประมาณในตอนนี้ แต่แนวโน้มในปีนี้ คาดว่าจะมีเงินก้อนโตเข้ามาช่วยทีมได้แน่นอนจากสองเหตุผล

ประการแรกคือ การขายสโมสรของกลุ่มตระกูลเกลเซอร์ ที่ถึงแม้จะยังยืดเยื้อ ดึงเช็งอยู่จนถึงตอนนี้ แต่จากการคาดการณ์ ก็เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าของใหม่มาแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มท่านชีคยาสซิม หรือ เซอร์จิมก็ตาม น่าจะมีการเปลี่ยนมือเจ้าของเกิดขึ้นแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้คนที่แฟนบอลต้องการที่สุด แต่กระบวนการตรงนี้น่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ และคงจะได้เงินลงทุนเข้ามาในฤดูกาลนี้แน่ ถ้าสถานการณ์เรื่องการขายทีมไม่แย่จนเกินไป

ประการที่สอง หากว่าปีศาจแดงจบได้ในตำแหน่งท็อปโฟร์ คิดเอาเองว่าเงินมหาศาลจะไหลเข้ามามากกว่าเดิมอีก จากที่ฤดูกาลนี้เราไม่ได้ไป UCL ด้วยซ้ำ แต่งบกว่าสองร้อยล้านปอนด์ ถูกใช้ในการดึงผู้เล่นที่เข้ามายกระดับทีมได้มากมายหลายคน ทั้งคาเซมิโร่, ลิซานโดร มาร์ติเนซ รวมถึง อันโทนี่ ที่มาลงปีกขวาซึ่งทีมขาดมานาน

ผนวกกับนโยบายการเสริมทัพที่เหมาะสมโดยไม่ต้องทุ่มเงิน จากการเซ็นฟรีคริสเตียน เอริคเซ่น, ซื้อดาวรุ่งราคาหลักสิบกว่าล้านอย่างมาลาเซียเข้ามาใช้ยาวๆ รวมถึงการยืมตัวนักเตะดีๆอย่างซาบิทเซอร์ และ เว็กฮอร์สต์ เข้ามาช่วยทีมในช่วงตลาดหน้าหนาว

การทุ่มเงิน จะต้องมาพร้อมกับนโยบายการลงตลอดที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วย ไม่ใช่ว่าจะใช้เงินหว่านอย่างเดียวแล้วจบ ทุกอย่างจะต้องตั้งอยู่บนการพิจารณาชั่งน้ำหนักความเหมาะสมในนโยบายการทำทีมตรงนี้ ที่จะมีเงินทุนเข้ามา หากว่าทั้งสองประการนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ทั้งเจ้าของใหม่ และการติดท็อปโฟร์เพื่อไปเล่นUCLปีหน้า

อีกสองร้อยกว่าล้านในปีนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แถมดีไม่ดีอาจจะเยอะกว่านั้นอีก เพราะปีนี้เอริค เทน ฮาก รู้แล้วว่าทีมขาดอะไร และมีอะไรอยู่ในมือบ้าง เชื่อว่าการเสริมทีมจะต้องเข้มข้น และตรงจุดมากยิ่งกว่าเดิมอีกแน่นอน 

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ในฐานะแฟนบอล เราเชื่อและคาดหวังได้เลยว่า ตลาดซัมเมอร์นี้ น่าจะได้เห็น "บิ๊กเนม" เข้ามาจริงๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่า เทน ฮาก คุมทีมโดยตั้งอยู่บนความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าจะไปเอาตัวอินดี้ๆตามที่ตัวเองชอบมา หรือซื้อตัวถูกๆมาแล้วจะบอกว่าเราจะเอาแชมป์

นักเตะท็อปคลาสเท่านั้นที่คู่ควรกับการย้ายเข้ามาอยู่กับแมนยูไนเต็ด ด้วยคาแรคเตอร์ที่ดี และตรงกับสิ่งที่ทีมขาด

ในฐานะแฟนบอลที่ดูเอริค เทน ฮาก ทำทีมมาตลอดหนึ่งปี อยากจะบอกตรงนี้เลยว่า "เว็บเฮีย แล้วแต่เฮียเลยยยยยยย" เราแค่นั่งดูเขาทำงานไปสบายๆ เชียร์ให้ทุกอย่างเป็นไปในอย่างที่ควรจะเป็น

ที่เหลือก็แค่ไว้ใจให้บอสทำทีมไป เพราะเราเชื่อในวิสัยทัศน์เขาอยู่แล้ว ตัวไหนถ้าแพง และมันจำเป็นต้องซื้อ เขาก็ซื้อแน่ๆ และบางครั้งของดีก็ไม่ได้มีแต่ตัวแพงเสมอไป นักเตะฟรีเอเจนท์มีเยอะมากที่รอให้ไปสอยหลังจบฤดูกาลนี้ รวมถึงเพชรที่ยังไม่ถูกเจียระไน หลายๆคนทีมScoutมีข้อมูลอยู่แล้ว

เชื่อว่าบิ๊กเนม จะมาพร้อมกับตัวแห่งอนาคตแน่ๆในซัมเมอร์นี้ และเทน ฮาก จะยกระดับทีมเพิ่มขึ้นไปสู่อีกมาตรฐานหนึ่งในปีหน้าแน่ๆ จากที่เขาทำมาแล้วหนึ่งครั้งในปีนี้ เพียงแค่ปีแรกก็ยังดูดีมีอนาคต มั่นใจว่าปีหน้าจะยิ่งสนุกกว่าเดิมแน่นอน 

เราอยากเห็นแล้วว่า "แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดร่างอัพเกรด" ในปีหน้าจะเป็นยังไง แฮรี่ เคน จะมาไหม หรือจะไปล่า โอซิมเฮน แล้วถ้าแฟรงกี้ไม่มา ทีมมองใครเป็นมิดฟิลด์ที่มี potential ตรงนี้

สารพัดสารพันประเด็นที่เรารู้สึกสนุกมาก ที่จะได้ดูการทำทีมของเอริค เทน ฮาก ไม่มีอะไรให้กังวลเลยแม้แต่นิดเดียว

เพลินๆ ยาวไปยาวไปครับ

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})