เหลือทางให้ได้เดินบ้าง
การมาของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ดูจะเป็นแสงสว่างสำหรับพลพรรคสิงโตน้ำเงินแห่งกรุงลอนดอน ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ทุ่มลงไป
สาวก สิงห์บลูส์ สามารถจินตนาการถึงการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกและกลับมาอยู่ในระดับหัวแถวอีกครั้งหลังช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำได้แค่เกาะอยู่ในพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก
แต่เริ่มต้นซีซั่นไปไม่เท่าไรสโมสรก็จัดการปลด โธมัส ทูเคิ่ล ออกจากตำแหน่งหลังผลงานน่าผิดผวังเมื่อเทียบกับการเสริมทีม
ทว่าคนที่เจ้ามาแทนกลับเป็น แกรม พ็อตเตอร์ จาก ไบรท์ตัน ที่ชื่อชั้นต้องบอกว่าอยู่ในระดับที่ธรรมดามาก
ไม่ใช่ว่าดูถูก พ็อตเตอร์ เพราะผลงานกับ ไบรท์ตัน ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมและต้องลุกขึ้นปรบมือให้อย่างไร้ข้อกังขา
แต่บางครั้งชื่อชั้นของผู้จัดการทีมในการรับงานคุมสโมสรใหญ่บางครั้งก็ต้องมีดีกรีไม่ธรรมดาด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็อาจจะคุมพวกซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายไม่อยู่
นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เชลซี ยังไม่รวมถึงแนวทางการฝึกซ้อมและการเล่นซึ่งพวก บิ๊กเนม ทั้งหลายที่เรยเล่นกับกุนซือระดับท็อปอาจจะตั้งข้อสงสัย
ไม่อย่างงั้นมันก็ต้องมีคนที่คอยพยุงทีมในยามย่ำแย่ได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นมาพากันแย่ทั้งทีม
ทั้งหมดทั้งปวงนั้นนำมาซึ่งฟอร์มการเล่นที่เข้าขั้นห่วยแตกพร้อมกับการตกเก้าอี้ของ แกรม พ็อตเตอร์
และความหวังอันริบหรี่ของทีมที่จะประสบความสำเร็จได้ในซีซั่นนี้ถูกนำไปฝากไว้ในมือของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เคยล้มเหลวในฐานะกุนซือของทีมมาก่อน และไปไม่รอดกับการคุม เอฟเวอร์ตัน
ไม่รู้ว่าบอร์ดบริหารคิดอะไรอยู่ อาจจะมีความเขื่อว่าในฐานะตำนานคงปลุกเร้านักเตะในทีมได้
แต่ว่าสุดท้ายยิ่งซ้ำร้ายกว่าเก่า ทีมโดน เรอัล มาดริด อัดร่วงตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นไม่พอในลีกก็ย่ำแย่อย่างหนัก หมดงุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรปไปเรียบร้อย
6 เกมภายใต้การคุมทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นั้น เชลซี แพ้รวด ชนิดที่ผลงานแย่ยิ่งกว่าแย่
พอล เมอร์สัน ถึงขนาดยกว่านี่คือผลงานที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลกันไปเลย
ถึงตอนนี้เหลือ 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ไม่รู้ว่าแฟนบอลสิงโตน้ำเงินคิดอะไรกันอยู่
โปรแกรมที่เหลือมีเจอ บอร์นมัธ (เยือน), น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยิอน) และ นิวคาสเซิ่ล (เหย้า)
ต้องบอกว่าสองเกมถัดไปคือความหวังในการคว้าชัยชนะของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วนสามเกมสุดท้ายไม่อยากจะบอกว่าคงแพ้แน่ แต่ทฝมองจากสภาพแล้วก็รอกยาก
ก็หวังว่าคงไม่เลวร้ายถึงขนาดแพ้ทั้งหมดที่เหลือ แค่ไม่ชนะบ้างก็แย่แล้ว
ยังไงก็เหลือทางให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้เดินในเส้นทางอาชีพนี้กันบ้างนะ