:::     :::

ล้างแค้นสาลิกา

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในการเจอกันช่วงท้ายฤดูกาลเป็นปีที่สองติดต่อกัน อาร์เซน่อล จัดการล้างแค้นเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ถึงเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ได้สำเร็จ และรักษาความหวังลุ้นแชมป์ต่อไป

ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล ที่กำลังลุ้นไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พ่ายต่อ นิวคาสเซิ่ล แบบสู้ไม่ได้ทั้งผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่น ทำให้ความหวังท็อปโฟร์หลุดลอย และเป็นคู่ปรับตลอดกาลอย่าง สเปอร์ส ที่แซงเข้าป้ายอันดับ 4 

ฤดูกาลนี้สถานการณ์คล้ายกันไปเยือนช่วงท้ายฤดูกาล และเป็นเกมที่ อาร์เซน่อล ต้องชนะเท่านั้น ต่างกันเพียงไม่ใช่เพื่อท็อปโฟร์ แต่เพื่อตำแหน่งแชมป์ 

เป็นเกมไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคาดกันเอาไว้ และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกือบทำให้ อาร์เซน่อล ต้องผิดหวังอีกครั้ง 

ด้วยฟอร์มการเล่นในรังที่ชนะมา 4 นัดติดต่อกัน ยิงรวม 13 ประตู นิวคาสเซิ่ล จึงเปิดฉากลุยเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มเกม  

ความดุดันในเกมรุกของสาลิกาช่วงแรกคล้ายวันที่ไล่อัดสเปอร์สครึ่งโหลก วันนั้นจงหวะจบคมกริบยิงยังไงก็เข้าจนนำห่าง 5-0 ตั้งแต่ 21 นาทีแรก

ยาค็อบ เมอร์ฟี่ ที่ยิงลูกแรกในเกมถลกหนังไก่ เกือบยิงทีมจากลอนดอนเหนือตั้งแต่สองนาทีแรกได้อีกครั้ง ทว่าชนเสาอย่างจัง หากลูกนี้ซุกก้อนตาข่าย รูปเกมคงต่างออกไปจากที่เกิดขึ้น และแผนการทุกอย่างที่อาร์เซน่อลเตรียมมาอาจต้องปรับกันใหม่

ปืนใหญ่รอดตัว แต่ยังโอนเอนตั้งเกมของตัวเองไม่ได้ แถมไม่กี่นาทีถัดมาถูกเป่าเสียจุดโทษอีก 

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสิน คริส คาวานาฟ ได้รับสัญญาณให้เช็ควีเออาร์ด้วยตัวเองก่อนเปลี่ยนคำตัดสินว่าไม่เป็นแฮนด์บอลของ ยาคุบ คีวิออร์ เพราะภาพช้าค่อนข้างชัดว่าบอลโดนต้นขาก่อนและตัวของแนวรับทีมชาติโปแลนด์ก็พยายามชักแขนหลบอย่างรวดเร็ว ไม่มีเจตนาใช้มือช่วยแต่อย่างใด


จอร์จินโญ่ คุมแดนกลางได้เยี่ยม

กองเชียร์สาลิกาส่งเสียงไม่พอใจที่ไม่ได้จุดโทษ แต่เป็นการแก้ไขคำตัดสินที่ถูกต้องแล้ว

อาร์เซน่อลรอดได้อีก แต่ครั้งนี้พลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายได้ประตูใน 4 นาทีถัดมาหลังจากเกือบเสียจุดโทษ

นี่คือจังหวะบุกจริงจังครั้งแรกของรองจ่าฝูงที่จบได้ยอดเยี่ยมเหลือเกินกับลูกยิงปืนกลของ มาร์ติน โอเดการ์ด 

กัปตันทีมอาร์เซน่อลตอกย้ำฤดูกาลที่ดีสุดของตัวเองอีกครั้งด้วยประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ พร้อมทำสถิติเป็นกองกลางปืนใหญ่ยิงได้มากสุดต่อฤดูกาลเทียบเท่า เชส ฟาเบรกาส 

เกมของสาลิกาชะงักลงไปอย่างเห็นได้ชัดหลังเสียประตูก่อนทั้งที่น่าจะเป็นฝ่ายออกนำ และเป็นทีมปืนใหญ่ที่เริ่มคอนโทรลเกมได้จนสร้างโอกาสเกือบได้เพิ่มอีกหลายครั้ง

เกมรับนิวคาสเซิ่ลที่ได้ชื่อว่าเหนียวแน่นและเสียน้อยสุดในลีก เริ่มระส่ำจนเปิดพื้นที่ว่างเพียบ 

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูคาโย่ ซาก้า ได้โอกาสหลุดไปซัดติด นิค โป๊ป ที่ช่วยเซฟเอาไว้ไม่ให้เจ้าถิ่นโดนเพิ่ม เช่นเดียวกับโอกาสจ่อๆ ของ โอเดการ์ด ในช่วงทดเจ็บที่น่าจะเป็นประตูสุดๆ

เกมรุกของนิวคาสเซิ่ลก็ตอบโต้เป็นระยะ โจ วิลล็อค เกือบแผลงฤทธิ์ยิงทีมเก่าได้เช่นกัน ทว่า อาร่อน แรมส์เดล ยังทำหน้าที่ได้ดี 

เป็นครึ่งแรกที่ทั้งสองทีมีโอกาสลุ้นประตูกันมากมาย และไม่น่าเชื่่อว่ามีเพียงประตูเดียวจากการยิงไกล

เช่นเดียวกับครึ่งหลังที่แลกกันแบบไม่มีใครยอมใคร 

อเล็กซานเดอร์ อีซัค สอดมาโขกชนเสาอย่างโชคร้าย ตามด้วย ฟาเบียน แชร์ โขกเน้นๆ เช่นกันแต่ แรมส์เดล ซูเปอร์เซฟ

ปืนใหญ่ตอบโต้คืนจบด้วยการยิงชนคานของ มาร์ติเนลลี่ จากนั้นเป็น วิลล็อค มีโอกาสซัดจ่อๆ แต่ กรานิต ชาคา ตามาบล็อกเพื่อนเก่าได้เส้นยาแดงผ่าแปด

จากโอกาสที่เกิดขึ้น หากเกมนี้จบที่สกอร์ 3-3 คงไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด


เหนียวหนึบอีกนัดสำหรับ แรมส์เดล

ช่วงต้นครึ่งหลัง นิวคาสเซิ่ล น่าจะตามตีเสมอได้หลายต่อหลายครั้งซึ่งคงทำให้โมเมนตัมของเกมเปลี่ยนไปแน่ด้วยเสียงเชียร์ในสนามที่คงปลุกเร้ายิ่งกว่าเดิม 

ทว่าสิ่งที่เราเห็นบ่อยครั้งในเกมฟุตบอลคือ เมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ก็มักเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง และมันเกิดขึ้นกับนิวคาสเซิ่ลในเกมนี้ 

อาร์เซน่อล ทำประตูที่สองได้ในช่วงเข้าสู่ยี่สิบนาทีสุดท้าย มาร์ติเนลลี่ โยกถึงสุดเส้นก่อนตวัดสุดแรงไปหน้าประตู บอลโดนขา ฟาเบียน แชร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป

จากที่เกือบโหม่งให้ทีมตีเสมอได้ แนวรับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์กลับเป็นคนทำเข้าประตูตัวเองอย่างโชคร้าย 

โอกาสตีเสมอ 1-1 พลิกผันเป็นตามหลัง 0-2 

สองประตูที่นำห่างทำให้อาร์เซน่อลเล่นได้ง่ายขึ้น และพยายามดึงเกมช้าไม่เร่งไปตามจังหวะของนิวคาสเซิ่ล

ด้วยสกอร์ที่ตามหลัง และหลายจังหวะไม่เป็นใจ การเล่นของเจ้าถิ่นเริ่มหนักขึ้น มีลูกแถมติดดาบหลายจังหวะ นักเตะอาร์เซน่อลล้มกลิ้งล้มหงายเป็นว่าเล่น และกว่าที่ผู้ตัดสินจะชักใบเหลืองแรกออกมาเตือนผู้เล่นเจ้าถิ่นได้ก็ปาเข้าไปนาที 73 

อาร์เตต้า ทยอยส่งตัวสดอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์, รีส เนลสัน และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ลงมาช่วยไล่บอลเบรกเกมรุกของนิวคาสเซิ่ลซึ่งก็ได้ผลไม่น้อยเพราะนับตั้งแต่เสียประตูที่สอง นิวคาสเซิ่ลไม่ได้ลุ้นยิงอีกเลยจนกระทั่งนาทีสุดท้าย 

อาร์เซน่อล จึงปิดเกมด้วยชัยชนะที่สำคัญสุดๆ อีกนัด พร้อมไล่จี้ แมนฯ ซิตี้ เหลือหนึ่งคะแนน แต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด

ตลอด 90 นาทีในเกมนี้ นิวคาสเซิ่ล ได้ยิงมากกว่า 12 ต่อ 10 ครั้ง แถมครองบอลมากกว่า 54 % ต่อ 46 % 

ทว่า อาร์เซน่อล เด็ดขาดมากกว่า และจริงๆ แล้วต้องชมผู้รักษาประตูของทั้งสองทีมที่ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม

อาร์เซน่อล ลบฝันร้ายจากปีก่อนได้สำเร็จซึ่งหนึ่งในเหตุผลสำคัญคือการเปลี่ยนความผิดหวังครั้งก่อนให้เป็นความฮึกเหิมแล้ว 

อาร์เตต้า เตรียมตัวสำหรับนัดนี้มากเป็นพิเศษ เขาถึงขั้นงัดเอาคลิปวิดีโอจากสารคดี "All or Nothing" ในวันพ่ายนิวคาสเซิ่ลปีก่อนให้ลูกทีมได้ดูซ้ำ 

แค่การพูดก่อนเกมอย่างเดียวคงไม่พอ อาร์เตต้า ต้องการกระตุ้นให้ทุกคนได้เห็นและเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าความผิดหวังครั้งก่อนเจ็บปวดมากเพียงใด มันพรากความฝันของทีมที่เกือบเป็นจริงอยู่แล้วไปต่อหน้าต่อตา

ทุกคนได้เห็นมันอีกครั้ง ได้รับรู้ได้รู้สึกร่วมกันว่าครั้งนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ผลลัพธ์ต้องต่างไปจากเดิม 


โอเดการ์ด พาทีมล้างแค้นได้สำเร็จ

ขณะที่วิธีการเล่นก็ต่างออกไป จอร์จินโญ่ ที่ได้โอกาสลงตัวจริงในแดนกลางอีกนัดและทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในการคุมจังหวะเกมบอกว่าทีมต้องปรับการเล่นเพื่อรับมือกับความแข็งแกร่งและเน้นปะทะของนิวคาสเซิ่ล

"บางครั้งคุณก็เล่นฟุตบอลที่สวยงามไม่ได้ และจำเป็นต้องปรับตัว"

เทียบกับปีก่อนที่แพ้ในแบบสีหน้าภาษากายไม่ดีเอาเสียเลย มาปีนี้ อาร์เซน่อลสู้ได้ดีขึ้นมากแม้ต้องแลกกันร่างกายที่ระบมกันถ้วนหน้า 

ทีมของ อาร์เตต้า แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจที่มีมากกว่าเดิม และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยืนระยะลุ้นแชมป์มาจนถึงตอนนี้

บูคาโย่ ซาก้า เปรียบเทียบว่า "ปีที่แล้ว เรากำลังท้าทายในสิ่งที่แตกต่างกันกับการลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ปีนี้เราทำสำเร็จไปได้แล้ว ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าเราพัฒนาขึ้นกันทั้งทีม"

นิวคาสเซิ่ล อยู่ในสถานการณ์เดียวกับ อาร์เซน่อล ปีก่อนที่กำลังลุ้นไปเล่นถ้วยใหญ่ยุโรป และจากความปราชัยที่เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พลาดด้วย ก็ทำให้โอกาสสำหรับท็อปโฟร์เปิดกว้างยิ่งกว่าเดิม

ส่วน อาร์เซน่อล ไปต่อบนเส้นทางแห่งความฝันลุ้นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 19 ปี 

แม้โอกาสน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ แต่ชัยชนะล่าสุดก็ทำให้เห็นว่า มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมยังคงเต็มที่และพร้อมสู้จนถึงที่สุดเพื่อรักษาโอกาสเอาไว้ให้นานที่สุด 

มาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีทางยอมง่ายๆ อยู่แล้ว



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด