แต่ที่อาจเซ็งไม่น้อยกว่าใครเห็นจะเป็น สยามสปอร์ต ผู้ซื้อลิขสิทธิ์เจลีกมาฉายในประเทศไทย

เพราะต้องยอมรับว่าแฟนบอลไทยที่ดู เจลีก ส่วนใหญ่ ล้วนรอดูนักเตะไทยลงเล่น

หากแต่ “เจ” ซึ่งเปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดคนไทย แทบไม่ได้ลงสนาม และเลือกจะบอกลาแดนปลาดิบ เพื่อกลับมาหาโอกาสลงเล่นที่แดนปลาแดก

สิ่งที่ตามมาคือ “ยอดคนดู” เจลีกในไทยย่อมน้อยลง

ลำพังเวลานี้ที่ญี่ปุ่นเหลือเพียง สุภโชค สารชาติ ทว่า “เช็ค” เองก็ไม่ได้การันตีตัวจริง 11 คนแรกกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร

ในมุมคนทำธุรกิจพวกเขาอ่านออกอยู่แล้วว่า ยอดคนดูน้อยลงแน่ ขืนดื้อไปก็มีแต่จะขาดทุน ซึ่งฝั่งเจลีกเองก็ไม่ต้องการเสียเม็ดเงินตรงนี้ไป ฉะนั้นการหาทางออกร่วมกันตรงกลาง จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

วิธีแก้คือการหาผู้เล่นไทยไปญี่ปุ่นเพิ่ม

หวยจึงมาออกที่ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมลูกหนังยุคปัจจุบัน “การตลาด” ย่อมเข้ามามีส่วนกับอาชีพนักฟุตบอล แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ “บุ๊ค” เองก็เป็น 1 ในนักเตะไทยที่มีพรสวรรค์ และดีพอจะไปโลกแล่นในเจลีกได้

เหตุผลหลักคือ การหานักเตะประเภทมีความเร็ว ดวลกับคู่ต่อสู้ 1-1 ได้ดี เป็นสไตล์ที่ญี่ปุ่นมีน้อย และหากไม่ใช่ “เจ” หรือ “เช็ค” ก็ต้องเป็น “บุ๊ค” นี่แหละที่เข้าเค้ามากสุด

อีกทั้งสยามสปอร์ต กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็เป็น “เนื้อเดียวกัน” การพูดคุยเจรจาจึงไม่ใช่ปัญหา ตัวนักเตะเองก็กระหายในการไปค้าแข้งต่างแดน

รวมถึงช่วงที่ผ่านมา เอกนิษฐ์ เองก็ได้รับโอกาสไปร่วมฝึกซ้อมกับ อุราวะ เรดส์ ที่ไซตามะมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และเป็น 1 ในผู้เล่นที่ได้รับคำชมจากทีมงานที่โน่น น่าจะทำให้เขาเองพอปรับตัว และเรียนรู้สไตล์การเล่นที่ญี่ปุ่นมาบ้างแล้วระดับหนึ่ง

ในเรื่องดังกล่าว รายงานจากสื่อหลายเจ้า ระบุตรงกันว่าสัญญาได้คืบหน้ากว่า 90% แล้ว

การไปครั้งนี้ จะเป็นในรูปแบบสัญญายืมตัว 6 เดือน ทันทีที่จบเลกแรกไทยลีกฤดูกาล 2023/2024 ซึ่งเป็นช่วงพรีซีซั่นเตรียมทีมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ที่ญี่ปุ่นพอดี “บุ๊ค” เองก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ทันที

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยว่า “ปลายทาง” ของ เอกนิษฐ์ นั้นจะเป็นที่ใด อาจเป็น อุราวะ เรดส์ (พันธมิตรลูกหนังกิเลนผยอง) หรือไม่ก็สโมสรอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา

สิ่งที่ เอกนิษฐ์ ต้องทำเวลานี้คือมุ่งมั่น ตั้งใจ และเรียกฟอร์มการเล่นเดิมกลับมาให้ไวที่สุด ในช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 5-6 เดือนนี้ ทั้งกับทีมชาติไทย และ ต้นสังกัด

ที่สำคัญขอภาวนา อย่าให้น้องต้องเจอกับอาการบาดเจ็บซ้ำสองอีก

ย้อนกลับไปก่อนที่ “บุ๊ค” จะบาดเจ็บหนัก เจ้าตัวเคยบอกว่า ความฝันอย่างหนึ่งของเขาคือการได้ตามรอยรุ่นพี่อย่าง เจ ชนาธิป ไปเล่นที่เจลีก

หากไม่มี “อุบัติเหตุลูกหนัง” มาเป็นฝันร้ายให้เจ้าตัวอีกครั้ง นี่คือโอกาสสำคัญที่เขาเตรียมจะได้ไปค้าแข้งต่างแดนครั้งแรกในชีวิต

โฟกัสกับโลกฟุตบอลให้เต็มที่ใน 5-6 เดือนนี้ สู้ให้เต็มที่

เรียกความมั่นใจ แล้วออกไปลุยตามฝันที่วาดไว้

Photo : FB Muangthong United