จากนั้นพวกเขาก็เลื่อนชั้นมาเล่นในลีกพระรอง แม้ว่าจะกระท่อนกระแท่นในช่วงแรก แต่การคัมแบ็คของ “บอสเบนซ์” ธนาชัย ปั้นงาม ที่มาบริหารสโมสรบ้านเกิด ทำให้ “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” กลับมาเก็บชัยและโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำ กระทั่งทะลุมาลุยไทยลีก ในการเพลย์ออฟตั๋วใบสุดท้าย
เราลองมาเจาะกลยุทธ์ของยอดทีมจากแดนแม่น้ำสะแกกรัง ที่จะต้องฝ่าภารกิจเอาตัวรอดบนลีกสูงสุดให้ได้ หลังจากพวกเขากลับมาเล่นในเวทีนี้รอบ 5 ปี เนื่องจากตกชั้นมาตั้งแต่ปี 2018 ในชื่อเก่าที่เรียกว่า แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด ก่อนเปลี่ยนมาเป็น อุทัยธานี เอฟซี
การเสริมทัพและต่อสัญญาแข้งตัวหลัก
หลังจากเลื่อนชั้นมาไทยลีก 1 ผู้บริหารของ “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” จัดว่าเดินหน้าทำงานกันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริม เริ่มจากการคว้า ขวัญชัย สุขล้อม นายประตูที่มีปฏิกิริยารวดเร็ว รวมทั้งเล่นบอลบิวด์อัพด้วยเท้าอย่างยอดเยี่ยม มาจาก พีที ประจวบ เอฟซี แบบไร้ค่าตัว
ก่อนที่จะประกาศปล่อยตัว 9 ผู้เล่น ที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ “โค้ชโด” ภัทรพล นาประเสริฐ กุนซือของทีม ไม่ว่าจะเป็น สตีฟเฟ่น ลองจิล, เคนโตะ นากาซากิ, ภัทรภณ กางโสภา, กฤษฎา โอทาตะ, นวมินทร์ ชัยประเสริฐ, โทนี่ โลรงท์ กองเน่ท์, อุปถัมป์ ทําแท้, ฮิคารุ มิเนกิชิ และ มูฮัมหมัดซัฟวัน กลีบแก้ว
แต่ข่าวดีก็คือพวกเขาได้ต่อสัญญา ริคาร์โด้ ซานโตส กองหน้าจอมเก๋าวัย 36 ปี ที่ยิงให้กับทีม 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ทั้งหมด 70 ประตู รวมทั้ง บุญเกียรติ วงค์ษาแจ่ม ผู้รักษาประตูหน้าหล่อ ขวัญใจสาวๆ และกำลังจะขยายสัญญาแข้งตัวหลักรายอื่นๆให้อยู่กับทีมต่อไปอีกด้วย
สนามเนียนกริบ เกื้อหนุนวิธีการต่อบอล
อีกหนึ่งอย่างที่ขึ้นชื่อของ อุทัยธานี เอฟซี ก็คือรังเหย้าของพวกเขา ซึ่งพื้นสนามจัดว่าทางจังหวัดดูแลออกมาได้อย่างสวยงาม จนเป็นที่ชื่นชมอย่างมากตั้งแต่อยู่ในไทยลีก 3 ตลอดจนการลุยลีกพระรองก็ยังคงคุณภาพที่ทุกคนได้พูดถึงในเรื่องของความใส่ใจ และมีมาตรฐาน
ตอนนี้สนามกีฬากลาง จ.อุทัยธานี กำลังอยู่ในช่วงของการปรับปรุงให้ผ่าน คลับ ไลเซนซิ่ง ทั้งเพิ่มความจุที่นั่งภายในให้เต็ม 5,000 คน ตลอดจนเพิ่มความสว่างของไฟให้ถึง 1,200 ลักซ์ โดยต้องระบุระยะเวลาการแล้วเสร็จพร้อมใช้งานก่อนวันที่ 30 มิ.ย.นี้ แต่เชื่อว่าไม่พลาดอย่างแน่นอน
ซึ่งในเดือน ส.ค.นี้ เป็นต้นไป พวกเขาจะได้ใช้รับมือ 15 ทีมในลีกสูงสุด เชื่อได้เลยว่าสนามแห่งนี้จะเป็นที่ “ปราบเซียน” ได้เหมือนกัน เพราะด้วยความคุ้นเคยของนักเตะที่ผ่านการใช้งานสนามนี้มา 2 ฤดูกาลเต็ม จนมีวลีที่พูดกันติดปากว่า “ส่งให้ ริคาร์โด้ ซานโตส เดี๋ยวก็ยิงได้จากทุกจุดของสนาม”
เสียงเชียร์ของเหล่าสาวก “ช้างป่า”
อย่างที่บอกหากว่า สนามกีฬากลาง จ.อุทัยธานี จะผ่านคลับ ไลเซนซิ่ง นั้น พวกเขาจะต้องผ่านการเพิ่มที่นั่งให้ถึง 5,000 คน ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้แน่นอน และจากจำนวนแฟนบอล “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ที่จะเยอะมากกว่าเดิม จะกดดันคู่แข่งแบบ “ชวนขนลุก” ได้เหมือนกัน
ย้อนกลับไปในรอบเพลย์ออฟ แฟนบอลของ อุทัยธานี เอฟซี เข้ามาเต็มความจุของสนาม พร้อมกับทำสัญลักษณ์การเชียร์แบบ “อุราวะ เรด ไดม่อนส์” ด้วยการนำป้ายสีแดง-ดำ ที่เป็นสีของสโมสร มาชูกันบนที่นั่ง ชวนให้เห็นแรงศรัทธาของกองเชียร์ที่มีให้กับสโมสรอย่างมาก
ที่สำคัญผู้ใหญ่ในจังหวัดอย่าง ส.ส.เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ก็เป็นอีกหนึ่งแกนนำกองเชียร์ของสโมสรที่มีชื่อว่า “อีโบ๊ะพิฆาต” ซึ่งเขาเองก็มักจัดรถบัสให้กับสาวก “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ยามที่ไปเยือนเสมอ หรือถ้ามีเวลาก็ไม่เคยพลาดสักครั้งในการเข้ามาร่วมร้องเพลงกับแฟนบอลในรังเหย้าตัวเองทุกนัด
ผู้ใหญ่ใจดีอัดฉีดชัยเกินครึ่งล้านบาท
นี่คือเรื่องที่สำคัญเหมือนกันของ อุทัยธานี เอฟซี เพราะการมีผู้ใหญ่ใจดีคอยสนับสนุนเรื่องเงินอัดฉีด ทำให้เกมรุกของพวกเขาแสดงแสนยานุภาพได้ออกมาโหดยิ่งขึ้น ไล่ยิงเฉพาะในการเล่นลีกพระรองไปทั้งหมด 70 ประตู มากที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมลีกอีก 17 สโมสร
การเล่นแต่ละเกมผู้ใหญ่ใจดีจะให้ “เงินอัดฉีด” แล้วแต่ความยากง่ายต่างกันไป บางนัดก็ 300,000 บาท หรือบางแมตช์ก็มากโขไปถึง 600,000 บาท แต่ในการเพลย์ออฟ นัดสุดท้าย ที่พวกเขาเปิดบ้านไล่ยิง คัสตอม ยูไนเต็ด ไป 3-1 เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทาง “ผู้ใหญ่ใจดี” ได้มอบเงินรวมกันแล้วเป็นยอดอัดฉีดสูงถึง 1,000,000 บาท เพื่อตอบแทนความทุ่มเทที่เหน็ดเหนื่อย จนสามารถพาทีมเลื่อนชั้นกลับมาเล่นลีกสูงสุดได้ในรอบ 5 ปี ซึ่งนี่คืออีกพลังใจที่ช่วยในการเป็นพลังเพื่อขับเคลื่อน อุทัยธานี เอฟซี อีกทางด้วย
ต้องมาติดตามกันว่าการคัมแบ็คมาเล่นในไทยลีก 1 อีกครั้งของทัพ “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” จะสามารถใช้กลยุทธ์เหล่านี้ทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยได้หรือไม่ เหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่าที่ลีกจะกลับมาเล่นกัน
ถึงวันนั้นเราคงจะได้เห็นความสามารถในการต่อกรบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดของสโมสรแห่งนี้
