หลายคนอาจจะมองว่า การไปครั้งนี้ของดาวเตะที่ลืมตาดูโลกใน จ.เชียงราย อาจเป็นเพราะการที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลับมาเล่นในไทยลีก หลังไม่ได้รับโอกาสจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ มากนัก ตลอด 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จนเลือกย้ายมาร่วมทัพ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในที่สุด 

รวมทั้งเรื่องของธุรกิจที่ สยามสปอร์ต ซึ่งเป็นเจ้าของทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด และเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เจ ลีก ทำให้ต้องส่งนักเตะไปให้ทีมพันธมิตร เพื่อเปิดโอกาสได้ทำคอนเทนต์ต่างๆ อย่างไรก็ตามถ้าเราลองเปิดใจในเหตุผลจริงๆ จะรู้ว่าทำไมจึงเกิดดีลนี้ขึ้นมากันแน่

ตั้งใจซ้อมและมุ่งมั่น

หลังจาก  “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ส่งสามผู้เล่นตัวหลัก อย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์  ไปร่วมฝึกซ้อมกับ อุราวะ เรด ไดม่อนส์ สโมสรพันธมิตรที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มาหมาดๆ

ปรากฏว่า คนที่โดดเด่นเข้าตามากที่สุด กลับเป็น เอกนิษฐ์ ที่ทุ่มเทใส่ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลงซ้อม ชนิดว่า "สับตีนแตก" ตามแบบการซ้อมของทีมญี่ปุ่น จนกระทั่งสตาฟฟ์โค้ชของ "ปีศาจแดงแห่งเอเชีย" ได้ทำรายงานที่น่าสนใจไปให้เทรนเนอร์ใหญ่ของสโมสรในทันที

และเมื่อ มาร์เซียจ สคอร์ซ่า กุนซือชาวโปแลนด์ของทีม ได้รับข้อมูลดังกล่าว ก็เริ่มจะเช็คฟอร์มในการซ้อมอย่างละเอียดว่าเป็นเช่นไร ก่อนที่จะเห็นความตั้งใจของดาวเตะเบอร์ 7 จาก เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นเหตุให้มีการพูดคุยกันระหว่างสองสโมสร จนกระทั่งมีการเปิดฉากการเจรจากันขึ้นมา และบรรลุข้อตกลงในที่สุด

ตำแหน่งและสไตล์ที่หาได้ยากในญี่ปุ่น

จากข้อมูลที่มีอีกด้าน คือ ตำแหน่งการเล่นของ เอกนิษฐ์ ที่ยืนริมเส้นได้ทั้งสองฝั่ง รวมถึงการเล่นหน้ำต่ำได้นั้น ทำให้ มาร์เซียจ สคอร์ซ่า กุนซือใหญ่ของ อุราวะ ต้องการให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการลุย เจ ลีก และป้องกันแชมป์ถ้วยเอเชีย

แม้มีรายงานว่าพวกเขาสนใจคว้าตัว เชา อมารัล กองกลางชาวโปรตุเกส วัย 31 ปี  ของสโมสรเลซ พอซนาน ในลีกโปแลนด์มาร่วมทัพ เพื่อลุยศึกใหญ่หลายรายการในช่วงเลกที่สอง ทั้ง เจ ลีก, ลูวาน คัพ, เอ็มพาเรอร์ คัพ และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 ก็ตาม

แต่ในรายของ “บุ๊ค” นั้น แตกต่างออกไป เนื่องจากความหลากหลายในการเล่น ไม่ว่าจะเป็นทางริมเส้นหรือยืนอยู่หลังกองหน้า ทำให้ดาวเตะทีมชาติไทย มีโอกาสไม่น้อยที่จะได้ลงเล่นลีกต่างประเทศหนแรก กับยอดทีมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น

ต้องการพิสูจน์ตัวเองโดยไม่มีล่าม

ความท้าทายอีกอย่างของดาวเตะอายุน้อยสุด อันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่พังประตูได้ในศึก ไทยลีก ด้วยวัยเพียง 15 ปี 11 วัน 28 เดือน เมื่อปี 2015 ก็คือ การไปเล่นที่นี่โดยไม่มีล่ามส่วนตัว เหมือนกับรุ่นพี่ ที่ไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน

แม้แต่ ชนาธิป สรงกระสินธ์, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทุกคนต่างมีล่ามเป็นของตัวเอง แต่เหตุที่ เอกนิษฐ์ ไม่มีล่าม เป็นเพราะว่า มาร์เซียจ สคอร์ซ่า กุนซือของ อุราวะ ใช้ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารกับตัวผู้เล่นทุกคน

ซึ่ง “บุ๊ค” เอง แม้ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย หรือถ้าจะให้พูดก็อาจได้บ้าง แต่ถ้าเป็นศัพท์ฟุตบอลแล้วเขาก็พร้อมเรียนรู้ เพราะตอนที่อยู่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่โค้ชก็เป็นคนต่างชาติ ยิ่งมา เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มี มาริโอ ยูรอฟสกี้ เป็นกุนซือ ก็ต้องสปีคอิงลิชเหมือนกัน

ความฝันตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอลที่เชียงราย

หนึ่งในความฝันของนักฟุตบอลแทบทุกคน นอกจากการได้เล่นให้กับทีมใหญ่ในเมืองไทยแล้ว การออกไปค้าแข้งยังต่างประเทศก็เปรียบเสมือนแรงกระหาย ที่อยากจะก้าวไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้สักครั้งของชีวิต ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจะปฏิเสธความต้องการในใจของ เอกนิษฐ์  ไม่ได้จริงๆ

เขาได้เปิดใจผ่านทางสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังกลับมาจากการไปเทสต์ 2 สัปดาห์ ว่า "ที่ อุราวะ มีการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างหนัก และแปลกใหม่ทุกวัน ก่อนซ้อมจะมีเล่นฟิตเนสแล้วค่อยลงสนามเพื่อไปเล่นสมอลไซด์ แต่จริงแล้วก็ไม่ได้ซ้อมหนักทุกวัน ก็จะมีวันหนักสลับเบาบ้าง"

"ส่วนตัวผมอยากมาเล่นที่ เจ ลีก อยากมาหาประสบการณ์ในต่างประเทศ แต่สิ่งที่ผมควรปรับคือเรื่องของพละกำลัง เพราะฟุตบอลของญี่ปุ่น เขาวิ่งกันตลอดทั้งเกม และอีกอย่างคือความเข้าใจในเกม มีความสำคัญมาก” เป็นคำพูดปิดท้ายให้เห็นทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของหมอนี่จริงๆ

เอาเป็นว่าสาวก “กิเลนผยอง”เมืองทอง ยูไนเต็ด รอติดตามการผจญภัยครั้งใหม่ของ “บุ๊ค”เ อกนิษฐ์ ปัญญา เอาไว้ให้ดี รับรองว่างานนี้ แฟนบอลไทยจะได้ร่วมลุ้นในการลงสนามให้ อุราวะ เรด ไดม่อนส์ กับพ่อหนุ่มจากแดนเหนืออย่างสนุกแน่นอน