:::     :::

การผจญภัยในดงซามูไรและความหวังของแข้งไทย รุ่น 42

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,370
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรียบร้อยโรงเรียนซามูไรไปแล้วอีกราย สำหรับ "บุ๊ค" เอกนิษฐ์ ปัญญา เพลย์เมกเกอร์ดีกรีทีมชาติไทย หลังบรรลุข้อตกลงย้ายไปร่วมทีม "ปีศาจแดงแห่งเอเชีย" อูราวะ เรดส์ ไดม่อน บิ๊กทีมในเจลีก ญี่ปุ่น แบบยืมตัว ด้วยสัญญา 6 เดือน พร้อมออปชั่นขยายสัญญาออกไป หากทำผลงานได้ดี

จอมทัพเจ้าของฉายา “เจ้าชายล้านนา” จะบินลัดฟ้าสู่ดินแดนซามูไรเร็วๆ นี้ หลังวีซ่าทำงานผ่านฉลุยเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาพร้อมลงเล่นให้ อูราวะฯ ในช่วงเลกที่ 2 ของ เจลีก ฤดูกาล 2023 ทันที โดยจะสวมเสื้อหมายเลข 27 ลงสนาม


เอกนิษฐ์ กลายเป็นผู้เล่น “กิเลนผยอง” คนที่ 4 ต่อจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน ที่ย้ายไปค้าแข้งใน เจลีก โดยตรง 

นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะทีมชาติไทย ชุดปัจุบัน คนที่ 7 ที่จะได้ไปเล่นในเจลีกกับทีมชุดใหญ่ ไม่ใช่ทีมระดับเยาวชนหรือทีมในเจทู ต่อจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองกลางที่เคยเล่นให้ คอนซาโดเล ซัปโปโร และ คาวาซากิ ฟรอนตาเล, ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้า ที่เคยเล่นให้ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า และ ชิมิสุ เอส พัลส์

ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายที่ฝากผลงานสุดยอดไว้กับ วิสเซล โกเบ และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลาง ที่เคยค้าแข้งกับ โออิตะ ทรินิตะ, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ มือกาวที่เคยย้ายจาก โอเอช ลูเวิน ในลีกสูงสุดของเบลเยียม ไปค้าแข้งกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร แบบยืมตัว 

รวมไปถึง สุภโชค สารชาติ ที่กำลังค้าแข้งกับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ในปัจจุบัน ต้องรอลุ้นว่าทั้งคู่จะได้โอกาสลงสนามดวลแข้งกันหรือไม่?


การย้ายไปเล่นในเจลีกของ เอกนิษฐ์ ถือเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าตัวจริงๆ หลังจากก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการผ่าตัด พอกลับมาลงสนามฟอร์มก็ตกลงไปเยอะ ไม่ได้พีคสุดขีดเหมือนปี 2019 ที่เคยพา ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก และก้าวไปเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ 

โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ ไทย เปิดบ้านเอาชนะ ยูเออี ไป 2-1 เขากลายเป็นพระเอก ยิง 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ พร้อมรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอง 

นอกจากนี้ “เจ้าบุ๊ค” ถือเป็นตัวแทนและตัวความหวังของนักเตะไทย รุ่น 42 หรือนักเตะไทยที่เกิดในปี พ.ศ. 2542 เลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมรุ่นที่ฝีเท้าระดับอ๋อง ยังไม่ได้โอกาสมาเล่นในลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น “ย้า” สิทธิโชค ภาโส ที่เคยมาเล่นในเจทูกับ เอฟซี ริวกิว  

ขณะที่ กฤษดา กาแมน ต้นสังกัดอย่าง “ชลบุรี” ยังไม่ปล่อยตัวออกจากทีม เพราะต้องการให้เป็นแกนหลักของทีมในฤดูกาลหน้าก่อน จากนั้นค่อยหาช่องทางออกไปหาความท้าทายในต่างประเทศ


ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปที่เจ้าตัวใฝ่ฝันหรือจะเป็นเจลีกที่สโมสรหรือ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคล้วนมีคอนเน็คชั่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับพาร์ทเนอร์อย่าง “กัมบะ โอซาก้า” 

นอกจากนี้การไปค้าแข้งเจลีกของ เอกนิษฐ์ คงต้องปรบมือให้ป๋าดันอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่พยายามผลักดันนักเตะไทยออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ โดยเฉพาะในเจลีก ญี่ปุ่น 

การที่ “กิเลนผยอง” จับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับอดีตแชมป์เจลีก 3 สมัย อย่าง อูราวะ เร้ด ไดม่อนส์ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับวงการฟุตบอลไทยได้อย่างมหาศาล 

ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของ เอกนิษฐ์ แล้วที่ต้องพยายามปรับตัว ฝึกซ้อมให้เข้ากับแทคติคของ “มาเซียจ สกอร์ซ่า” กุนซือใหญ่ชาวโปแลนด์ เพื่อหาโอกาสในการลงสนามให้ได้ โดยเฉพาะการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงริมเส้นจาก โทโมอากิ โอคูโบะ และ ทากาฮิโระ เซกิเนะ รวมไปถึงตัวสำรองอย่าง โทชิกิ ทากาฮาชิ 


หากจะเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์หลายเลข 10 คงยากที่จะเบียด คาอิโตะ ยายูเสะ เจ้าของสัมปทานที่ลงสนามในเจลีกไป 19 นัด ยิงไป 2 ประตูได้ 

ถามว่าเป็นงานที่ยากไหม? แน่นอนว่าการไปเล่นในลีกที่มาตรฐานสูงกว่าไทยลีกไม่มีคำว่าง่ายแน่นอน นี่คือบทพิสูจน์ฝีเท้าของ “เอกนิษฐ์” อย่างแท้จริงว่าอยู่ในระดับไหน และจะฝ่าด่านอรหันต์ พร้อมกับต่อสัญญากับทีมออกไปในอนาคตหรือไม่? 

ทุกอย่างอย่างอยู่ที่สองเท้า รวมถึงความพยายามของเขาแล้ว หากท้อก็กลายเป็นถ่าน ถ้าผ่านนี่กลายเป็นเพชรเลยทีเดียว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด