"การเดินทางของผมกับรอย คีน" Jonny Evans
การที่คุณเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแบบบ้าระห่ำตั้งแต่เด็กที่ไอร์แลนด์เหนือนั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องมี รอย คีน เป็นฮีโร่ในใจของผม เขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่งมาก กับสุดยอดทีมที่มีแต่นักเตะระดับสตาร์ แล้วเขาก็เป็นหัวหน้าใหญ่อีกที แข็งกร้าวแบบสุดๆ เขาอยู่เพื่อจะเป็นไอดอลจริงๆ มันยิ่งใหญ่มาก เป็นคาแรคเตอร์ที่มีอิทธิพลจริงๆ เขาเป็นไอดอลของผม
จำได้ว่าตอนที่ฝึกฝนสมัยเป็นเยาวชน พวกเขาจะให้เราทำอะไรต่างๆ ซึ่งมีอยู่ครั้งนึง น่าจะเป็นปีแรก ผมมีต้องทำอะไรในคอร์สระดับสอง จะต้องวิเคราะห์นักเตะ มีคุณลักษณะของผู้เล่นมาให้ทางคอลัมน์ซ้ายมือ ตามมาด้วยช่อง 1-20 คุณจะต้องให้คะแนนความเก่ของนักเตะคนนั้นในแต่ละค่าการเล่น จำได้ประมาณนี้ ซึ่งถ้าไม่ผิด มีประมาณ 15 หมวดหมู่ที่ต้องกรอกเรทติ้งคะแนนนักเตะลงไป ซึ่งอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีกรอกลงไปเป็นตัวอย่างให้บางส่วนของนักเตะทีมชุดใหญ่เพื่อให้เปรียบเทียบกันในด้านต่างๆ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่ว่านั้นคือ รอย คีน
และแทบทุกช่องของรอย คีน เกือบจะเต็มแม็กคะแนนสูงสุดทั้งหมด เฟอร์กี้มักจะพูดกับทุกคนอยู่บ่อยๆว่า เขามีทุกอย่างในตัวจริงๆ
ทุกคนที่รู้จักรอยจะทราบว่าเขาเป็นผู้นำตัวจริงที่กระตุ้นนักเตะคนอื่นๆได้ ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็เป็นนักเตะที่ดีด้วยในตัวเอง เอาจริงๆไม่ต้องสงสัยเลยว่าแกจะเล่นได้กับทีมไหนบนโลกนี้ก็ได้แม้กระทั่งทุกวันนี้ ผมได้คุยกับดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ในเรื่องนี้ตอนเราไปเวสต์บรอมด้วยกัน ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ซ้อมใกล้ชิดกับรอยมาก แต่เฟล็ทช์มีโอกาส และเขาบอกว่าการสัมผัสบอลของรอย และเทคนิคต่างๆของเขามันถูก underrated จริงๆ มีแต่คนคิดว่าเขาเป็นมิดฟิลด์ที่คอยแต่จะพุ่งเข้าอัดคู่แข่ง แต่ผมคิดว่าเขามีคุณสมบัติที่เหนือกว่าคนอื่น
นั่นถึงเป็นเรื่องที่ช็อคมากตอนที่เขาออกจากยูไนเต็ดไปในช่วงปลายปี 2005
ทุกอย่างเกิดขึ้นในการที่เราพ่ายแพ้มิดเดิลสโบรห์ในเกมเยือนที่โดนหนักๆเลย ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเอง ผมได้เข้าไปมีส่วนหนึ่งหลังจากที่เกมเสร็จสิ้นไปแล้ว ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเกมนั้น ซึ่งตอนนั้นคิดว่าน่าจะเจอกับ ลีลล์ ต่อมาในแชมเปี้ยนส์ลีก กับ โคล้ด ปูเอล ผู้จัดการทีมในอนาคตของผมที่เลสเตอร์ ก็คุมลีลล์ในคืนนั้น แล้วเราก็แพ้ซ้ำอีกเกม ตอนนั้นมู้ดในทีมไม่ดีเอาซะเลยจริงๆ
ดังนั้นเราจึงซ้อมกันตามปกติในวันศุกร์ หลังจากตอนนั้น 1-2 สัปดาห์ จากนั้นก็มีข่าวออกไปทั่วสนามฝึกว่ารอยจะออกจากสโมสร คุณแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย แต่หลังจากนั้นก็มีการยืนยัน และข่าวก็ออกไปทั่ว เป็นอีกเหตุการณ์ใหญ่ของยูไนเต็ดเลย สำหรับผมมันไม่น่าเชื่อที่ได้อยู่เป็นส่วนหนึ่งในตอนนั้นด้วย
ไม่นานก่อนที่รอยจะไปเล่นให้เซลติก และจากนั้นไปคุมทีมซันเดอร์แลนด์ต่อเลยในซีซั่น 2006/07 ขณะเดียวกันยูไนเต็ดก็เริ่มต้นฤดูกาลได้ดี ตอนนั้นผมย้ายไปยืมตัวกับ Antwerp กับนักเตะอีกบางส่วนซึ่งในนั้นมี Danny Simpson ด้วย ทุกอย่างเป็นไปได้ดี แต่ที่เบลเยียมเค้ามีพักหน้าหนาวกัน ผมกับซิมโม่จะต้องกลับอังกฤษเพื่อดูว่าจะยืมตัวไปอยู่กับสโมสรระดับแชมเปี้ยนชิพทีมไหน
และเมื่อได้คุยกับรอย เขาต้องการตัวพวกเราทั้งคู่ไปอยู่ที่ซันเดอร์แลนด์ นั่นคือแทบไม่ต้องคิดเลย ผมไปสเตเดี้ยมออฟไลท์ชมเกมในช่วงปลายธันวาน่าจะเป็นวันเสาร์มั้ง วันนั้นเกมเจอเปรสตัน ผมขับรถมินิของผมไปเอง ซึ่งระหว่างกำลังไปบนทางด่วนรถผมพวงมาลัยมันล็อค เลยต้องเรียกแท็กซี่ไปที่สนาม ทิ้งรถไว้ตรงนั้น
โชคดีสำหรับผมที่รอยติดต่อหนึ่งในโค้ชของเราอย่าง Neil Bailey ไปช่วยงานด้วยในตอนนั้น เขาไปที่เกมเดียวกันนี้ ผมไม่ได้สนิทอะไรกับเขามากแต่รู้จักกันตอนทำงานที่ยูไนเต็ด ผมได้ยินสิ่งดีๆเกี่ยวกับเขามาหลายอย่าง เราได้คุยกันในเกมนั้น และเขาพาผมกลับมาที่ถนนเส้นเดิม
สัปดาห์ต่อมาก่อนวันเกิดผม รอยโทรมาหาแล้วบอกว่า "เราอยากให้คุณเซ็นมาที่นี่พรุ่งนี้ มาเพื่อจะมาซ้อมเลย เดี๋ยวเราพาคุณไปที่โรงแรม"
ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่รถผมยังอยู่ที่อู่ ผมจึงบอกเขาว่าผมติดปัญหานิดหน่อย
"ได้ เดี๋ยวผมไปรับคุณมาเอง"
ว่าไงนะเฮีย?
คือตอนนั้นรอยเพิ่งกลับออกมาจากซันเดอร์แลนด์เพื่อไปหาครอบครัวของเขาที่ Hale เป็นหลัก เขาเลยมาหาผมง่าย รอย คีนจึงขับรถมา ไปพาผมมาจากที่บ้าน เจอพ่อแม่ แล้วขับพาผมบึ่งไปที่ซันเดอร์แลนด์ คุณคงนึกภาพออกว่าทริปนี้ผมรู้สึกยังไง จากต้นจนจบผมรู้ตัวอีกทีก็คือได้พูดคุยกันในบทสนทนาต่างๆอย่างไม่น่าเชื่อ ผมแทบอยู่นิ่งไม่ได้ พยายามจะไม่ถามหรือพูดอะไรเยอะ แต่กลับกัน จริงๆแล้วมีอะไรอยากถามเพียบเลย ในฐานะแฟนยูไนเต็ดที่มีเค้าเป็นไอดอล นั่นคือสิ่งที่ผมอยากบอกเค้ามาตลอด คิดอยู่ในหัวเสมอว่า ถ้าผมมีโอกาสผมจะถามนู่นถามนี่เค้าให้ได้
ถ้าเขาจะมาเป็นผู้จัดการทีมของผม ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาได้ถึงสามชั่วโมงแบบนั้นไหม ครั้งต่อไปที่คุยกันก็อาจจะเป็นเรื่องในสนามแล้ว เพราะงั้นนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พูดคุยกัน พรุ่งนี้ไม่มีโอกาสแล้วผมจึงถามเค้าตอนนั้นเลย ถามไปหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับยูไนเต็ด
รอยเป็นคนดีมาก เขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ตอบผมทุกคำถามเลย เราได้คุยกันสนุกมากในเรื่องฟุตบอล เขามีมุมมองที่ยอดเยี่ยม และนั่นเป็นประสบการณ์ที่สำคัญมากสำหรับผม
ผมเซ็นไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ซิมโม่ตามมา 1-2 สัปดาห์ให้หลัง เป็นช่วงเวลาหลายเดือนที่เยี่ยมยอดมากที่เราอยู่ที่นั่น เราคว้าชัยชนะอย่างเหลือเชื่อ แพ้เกมเดียวจากตลาดมกราคม แล้วก็ระเบิดฟอร์มคว้าแชมป์เดอะแชมเปี้ยนชิพ
การเล่นกับรอยนั้นมหัศจรรย์มาก ผมชอบ เขาต้องการสิ่งต่างๆจากนักเตะค่อนข้างมาก แต่มันก็ควรเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการด้วย และคุ้นเคยมาเป็นอย่างดี ตอนเป็นเด็กๆเล่นอยู่กับแมนยูไนเต็ดมาจนโต โค้ชทุกคนก็กระตุ้นนักเตะอยู่แล้ว ไม่มีเวลาอะไรให้มาพักหรอก เพราะงั้นมันปกติมากนะสำหรับผม รอยอาจจะดูคุมทีมแบบดุๆโหดๆ แต่สำหรับผมมันโอเค ผมเอาอยู่ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกๆอย่างเป็นไปได้ด้วยดีมากๆจนเขาไม่ได้อะไรกับใครเยอะ ไม่ได้สัมผัสความดุร้ายของเขาเหมือนที่ใครพูดกัน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเขาวางมาตรฐานไว้สูงมาก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจอยู่แล้ว ผมมองเรื่องนี้ว่าเป็นการประสบความสำเร็จอย่างมากที่เราคว้าแชมป์เดอะแชมเปี้ยนชิพได้ แชมป์นั้นแล้วก็พรีเมียร์ลีกอีก มันหายากนะคนที่ได้สองแชมป์นี้ กิ๊กซี่กับสโคลซี่ยังไม่ได้เลย(ฮา) มันเป็นดิวิชั่นที่เล่นกันดุเดือดมากกว่าจะชนะกัน มันเป็นก้าวที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของผม ปีต่อมาผมใช้ครึ่งฤดูกาลหลังของปี 2007/08 ไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์และเก็บประสบการณ์อันล้ำค่ากลับมามากมายก่อนที่จะได้ขึ้นมาสู่ทีมของยูไนเต็ดได้ในที่สุด
หลังจากนั้นมาในช่วงหลายปี รอยชมเชยผมมาก โดยเฉพาะในหนังสือของเขาซึ่งดูค่อนข้างโลดโผน แต่มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ คุณต้องไปถามรอยว่าอะไรในตัวผมที่เขาชอบ ถ้าให้ผมเดา ผมคิดว่ามันเริ่มต้นมาจากตอนที่ผมมาที่ซันเดอร์แลนด์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ ประสบความสำเร็จ และลุยทุกอย่างที่ขวางหน้า ผมไปอยู่ที่ห้องแต่งตัวซันเดอร์แลนด์กับนักเตะมือโปรระดับซีเนียร์คนอื่นๆ มองย้อนกลับไปผมคิดว่าผมไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก อาจจะไม่ได้ถึงกับว่าเป็นผู้นำอะไรโดดเด่น แต่เวลาลงสนามผมจะกระตุ้นตัวเองและเพื่อนเสมอ คนที่อยู่ที่นั่นมานานอาจจะชอบสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น
ทุกคนรู้ดีว่ารอยมีความมุ่งมั่นอย่างไม่น่าเชื่อที่จะชนะให้ได้ในทุกๆเกม และเกลียดความพ่ายแพ้แบบสุดๆ ผมคิดว่ารอยเป็นแรงบันดาลใจให้ผม และอยากให้ผมเล่นให้ดี เขาจึงผลักดันให้ผมถีบตัวเองขึ้นมาด้วย ซึ่งเวลาที่มีใครช่วยเหลือคุณแบบนั้น และคอยชี้ทางให้คุณ ก็คงจะขออะไรมากไปกว่านี้จากเขาอีกไม่ได้แล้ว
-จอนนี่ อีแวนส์-
Reference
https://www.manutd.com/en/news/detail/utd-unscripted-jonny-evans-on-playing-for-roy-keane