ฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2023/24 เปิดฤดูกาลไปเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักเกินคาด แต่ละสนามมีแฟนบอลเข้าไปชมเกมเนืองแน่น โดยเฉพาะคู่บิ๊กแมตช์ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านแพ้ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ไป 0-1 มีแฟนบอลเข้าไปชมเกมที่ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยมถึง 6,712 คน ขณะที่ “อีสานดาร์บี้แมตช์” ขอนแก่น ยูไนเต็ด เสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า 2 ปีซ้อน มีคนดูถึง 6,500 คน

ส่วนสนามอื่นๆ เรียกว่าแฟนบอลเข้ามาชมเกมเกือบเต็มความจุแทบทั้งสิ้น ขณะที่ประเด็นดราม่าหรือความผิดพลาดของผู้ตัดสินแทบจะเป็นศูนย์

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือมุมภาพถ่ายทอดสดที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวได้ดี ทำให้เพิ่มอรรถรสในการชมเกมได้อีกเพียบ แบบนี้ใครบอกว่ากระแสฟุตบอลไทยตกต่ำคงต้องถอนคำพูด หวังว่าบรรยากาศแบบนี้จะเกิดขึ้นไปจนจบฤดูกาล 

ขณะที่ผลงานของบรรดาทีมลุ้นแชมป์ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ “ไร้ชัยพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย” ไม่ว่าจะเป็นเต็ง 1 อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้แค่เจ๊า ขอนแก่น แบบไร้สกอร์

บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เต็ง 2 ที่ได้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 70 ล้านบาท แต่โดน โปลิศ เทโร ไล่เจ๊า 2-2 โดยฟอร์มของ “เจ” ต้องบอกว่ายังดูขาดๆ เกินๆ และดูไม่เป็นตัวเอง หวังว่าจะปรับจูนจังหวะและโชว์ฟอร์มเทพให้แฟนบอลได้ร้องว้าวให้ได้ 

เช่นเดียวกับ การท่าเรือ เกือบไม่รอด เมื่อทำได้เพียงไล่ตีเสมอน้องใหม่อย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ไป 2-2 

ทีมที่ผลงานดีต่อเนื่องคงเป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่บุกไปเอาชนะ อุทัยธานี น้องใหม่อีกทีมได้ตามคาดด้วยสกอร์ 4-1 จนขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของสัปดาห์แรก 

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะทีม “แข้งเทพ” เองมักฟอร์มร้อนแรงในช่วงเลกแรกอยู่แล้ว จากนั้นมักจะแผ่วปลายจนชวดแชมป์ลีกมาหลายครั้ง เชื่อว่าหนังม้วนนี้ต้องดูกันยาวๆ

ด้านนักเตะที่โชว์ฟอร์มแจ่มในนัดเปิดหัวไทยลีกมีทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ หนึ่งในนั้นขอยกให้ “นนท์” นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็คขวาของทีม “แข้งเทพ” ที่กลับมาเกิดใหม่ด้วยฟอร์มที่ไฉไลอีกครั้ง 

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นิติพงษ์ ถือเป็นนักเตะที่ฟอร์มการเล่นคงเส้นคงวามาก สมัยที่ค้าแข้งกับ การท่าเรือ เขาวิ่งขึ้นไปเติมเกมรุกสุดเส้น และยังดูแลเกมรับฝั่งขวาของทีมได้อย่างเหนียวแน่น 

เรื่องความฟิตไม่ต้องพูดถึงเพราะเขาเป็นหนึ่งในนักเตะปอดเหล็กของวงการลูกหนังไทย ชนิดที่ลงเล่นทุกเกมในลีกมาแล้ว จนสามารถก้าวไปติดทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ อากิระ นิชิโนะ ถึงขนาดมีทีมจากญี่ปุ่นสนใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีม 

เจ้าต้วเองก็อยากไปสัมผัสและท้าทายตัวเองบนแผ่นดินซามูไรเหมือนกับเพื่อนๆ อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ 

แต่สุดท้ายฝันของเขาก็สลายไม่ได้ไปค้าแข้งต่างแดนตามที่หวังไว้ จนทำให้ชีวิตลูกหนังเสียทรงไปไม่น้อย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจฉีกสัญญากับทีม “สิงห์เจ้าท่า” ก่อนย้ายขึ้นเหนือไปอยู่กับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ในช่วงสั้นๆ ต่อมาจึงย้ายมาอยู่กับทีมชื่ออยู่เมืองหลวงแต่ตั้งอยู่ จ.ปทุมธานี 

ช่วงแรกเขาเจองานหนักเมื่อมี  ทริสตอง โด ขวางทางอยู่พอแบ็คขวาจอมบู๊หมดสัญญา

ทำให้ถูก นิติพงษ์ ได้โอกาสตีตราจอง 

เขาไม่ทำให้ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชต้องผิดหวัง เมื่อคืนฟอร์มเทพวิ่งเติมสุดลงสุดเหมือนสมัยอยู่การท่าเรือ เกมชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึกไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ เขาถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังทำไป 1 แอสซิสต์ ล่าสุดเขาสามารถยิงประตูพาทีมเฮเหนือทีม ​“ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ได้อีกด้วย 

เรียกว่าตอนนี้ “นิติพงษ์” อยู่ในช่วงมั่นใจและเป็นช่วงที่ฟ้าเปิดให้เขาฟอร์มเจิดจรัส พร้อมกับมีความสุขในการเล่นฟุตบอลอีกครั้ง 

หากรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ การขับเคี่ยวแย่งชิงพื้นที่ฝั่งขวาของทีมชาติไทยสนุกเร้าใจไม่แพ้ตำแหน่งอื่นแน่นอน