:::     :::

ปิดตำนาน 'ดาวรุ่งตลอดกาล'

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ธีโอ วัลค็อตต์ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษ และสโมสร อาร์เซน่อล ประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยในวัย 34 ปี เหลือไว้เพียงตำนาน "ดาวรุ่งตลอดกาล"

วัลค็อตต์ แยกทางกับ เซาธ์แฮมป์ตัน หลังหมดสัญญาในฤดูกาลล่าสุดก่อนตัดสินใจยุติอาชีพค้าแข้งอันยาวนาน 18 ปี

เกือบสองทศวรรษบนเส้นทางค้าแข้ง ธีโอ วัลค็อตต์ ผ่านช่วงเวลาต่างๆ มากมาย และเคยถูกคาดหมายว่าจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ รวมถึงถูกนำไปเปรียบเทียบว่าจะกลายเป็น "เธียร์รี่ อองรี คนใหม่"  

วัลค็อตต์ มีคุณสมบัติหลายอย่างที่สามารถตามรอย อองรี ได้ไม่ยากไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ลีลาการเล่น รวมไปถึงการเริ่มต้นในตำแหน่ง "ปีก" ก่อนขยับมาเป็น "กองหน้า"

แต่จนแล้วจนรอด ปีกความเร็วสูงชาวอังกฤษก็ไปไม่ถึงจุดที่หลายคนคาดหวัง และไม่สามารถสลัดภาพ "ดาวรุ่งตลอดกาล" ให้พ้นไปได้แม้ค้าแข้งอีกนานหลายปี 

วัลค็อตต์ มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็กหลังแจ้งเกิดกับ เซาธ์แฮมป์ตัน จนทำให้หลายทีมใหญ่ให้ความสนใจก่อนเป็น อาร์เซน่อล คว้าตัวเข้าทีมในเดือนมกราคมปี 2006 แต่ตลอด 4-5 เดือนแรกก็ยังไม่ได้โอกาสจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ให้ลงสนาม 

ทว่า สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษในตอนนั้นทำเซอร์ไพรส์เรียก ธีโอ วัลค็อตต์ ติดทีมไปลุยรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ท่ามกลางการตั้งคำถามจากหลายคนว่าทำไมถึงกล้าเอาเด็กที่เพิ่งอายุครบ 17 ปีและไม่เคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกไปลุยทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 

วัลค็อตต์ ได้เล่นนัดอุ่นเครื่องกับ เบลารุส ก่อนบอลโลกเปิดฉาก ทว่าไม่ได้โอกาสแม้แต่วินาทีเดียวในทัวร์นาเมนต์ที่เมืองเบียร์ 

ส่วนในระดับสโมสร วัลค็อตต์ ได้เริ่มต้นกับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2006/07 ตั้งแต่นัดเปิดสนามที่ลงเป็นสำรองก่อนเปิดบอลให้ จิลแบร์โต้ ซิลวา ยิงตีเสมอ แอสตัน วิลล่า  


ย้ายร่วมทีม อาร์เซน่อล ตั้งแต่อายุ 16 ปี

วัลค็อตต์ ได้ลงตัวจริงในลีก 5 นัด ส่วนใหญ่ลงเป็นสำรอง แต่ที่ได้เล่นเต็มที่คือฟุตบอลถ้วยลีก คัพ ที่เขาเป็นตัวหลักเช่นเดียวกับแข้งดาวรุ่งคนอื่นที่ได้โอกาสจาก อาร์แซน เวนเกอร์  

อาร์เซน่อล ชุดยังบลัดตะลุยไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนสู้กับ เชลซี ที่จัดชุดใหญ่ลงเต็มอัตราศึก ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมขึ้นนำก่อนด้วยจากลูกยิงของ ธีโอ วัลค็อตต์  

ก่อนหน้านี้ วัลค็อตต์ ยังไม่สามารถทำประตูแรกในการเล่นให้ อาร์เซน่อล แต่พอปลดล็อกได้ก็เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย แถมเป็นลูกยิงในสไตล์ เธียร์รี่ อองรี กับการสอดเข้าเขตโทษก่อนเอี้ยวตัวปั่นบอลเสียบสามเหลี่ยมงามหยด

แต่ด้วยกระดูกบอลที่เป็นรองด้วยอายุเฉลี่ยของ 11 ตัวจริงเพียง 21 ปี อาร์เซน่อล ก็ต้าน เชลซี ไม่ไหวก่อนเป็น ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เหมาสองประตูพาสิงห์บลูส์แซงชนะได้แชมป์ไปครอง

ฤดูกาลต่อมา เธียร์รี่ อองรี ดาวซัลโวตลอดกาลของทีมย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า เปิดทางให้ ธีโอ วัลค็อตต์ ได้เป็นตัวเลือกมากขึ้นก่อนได้ลงสนามทั้งหมด 39 นัด ทำได้ 7 ประตู

ไฮไลต์สำคัญคือ การเลี้ยงจากหน้าเขตโทษตัวเองหนีผู้เล่น ลิเวอร์พูล 6 คนก่อนเปิดบอลให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ทำประตูในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ ที่สองทีมอังกฤษเจอกันเองซึ่งสุดท้ายแล้วเป็น "หงส์แดง" ที่ผ่านเข้ารอบ 

วัลค็อตต์ เปลี่ยนมาใส่หมายเลข 14 ในฤดูกาล 2008/09 ตามรอยไอดอล อองรี แต่ยังเล่นริมเส้นฝั่งขวาเป็นหลัก เขาเริ่มมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนเป็นระยะทำให้ไม่ได้ลงเล่นมากเท่าที่ควร 

ฤดูกาลต่อมา อดีตดาวรุ่งเซาธ์แฮมป์ตัน เป็นตัวจริงเพียง 15 นัดจากทุกรายการ และหลุดโผทีมชาติอังกฤษชุดฟุตบอลโลก 2010 แม้ในรอบคัดเลือกเคยทำสถิติแข้งอายุน้อยสุดยิงแฮตทริกได้ในเกมบุกชนะ โครเอเชีย 

คริส ว็อดเดิ่ล อดีตปีกทีมชาติอังกฤษวิจารณ์ วัลค็อตต์ อย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย และไม่เข้าใจการเล่นฟุตบอลแม้แต่นิด


ซัดแฮตทริกในเกมคัดบอลโลกพบโครเอเชีย

ฤดูกาล 2012/13 อาร์เซน่อล จำต้องปล่อย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เหลือสัญญาปีเดียวไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อาร์แซน เวนเกอร์ จึงขยับ วัลค็อตต์ เข้ามาเล่นกองหน้ามากขึ้น 

วัลค็อตต์ จบฤดูกาลด้วยผลงาน 21 ประตูจากทุกรายการ เป็นดาวซัลโวของทีมครั้งแรกและเป็นผลงานดีสุดนับตั้งแต่ย้ายร่วมทีมปืนใหญ่ นอกจากนี้ก็ทำไปอีก 16 แอสซิสต์

ผลงานเด่นๆ ในฤดูกาลนี้คือวันที่ทำแฮตทริกช่วยทีมพลิกกลับมาชนะ เร้ดดิ้ง 7-5 ในลีก คัพ หลังจากตามหลัง 0-4 แต่ละประตูของ วัลค็อตต์ สำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นประตูประตูตีไข่แตก ประตูตีเสมอ 4-4 ช่วงทดเจ็บ และประตูนำ 6-5 ในช่วงทดเจ็บของการต่อเวลา แถมยังทำแอสซิสต์อีก 3 จาก 4 ประตูที่เหลือของทีม 

สองเดือนต่อมา วัลค็อตต์ ทำแฮตทริกอีกครั้งในพรีเมียร์ลีก เขาเหมา 3 ประตู และแอสซิสต์อีก 2 พาทีมถล่ม นิวคาสเซิ่ล 7-3

อาร์เซน่อล ดึงตัว เมซุต โอซิล มาจาก เรอัล มาดริด ในฤดูกาลต่อมาซึ่งทำให้หลายคนมองว่าน่าจะส่งผลดีอย่างมากต่อ วัลค็อตต์ ที่คอยหาพื้นที่วิ่งรับบอลจากจอมทัพทีมชาติเยอรมันซึ่งเด่นในเรื่องการเปิดบอลสร้างสรรค์เกมอยู่แล้ว

อดีตดาวรุ่ง เซาธ์แฮมป์ตัน ทำได้ 6 ประตู และ 7 แอสซิสต์จาก 18 นัดแรกในทุกรายการ แต่แล้วก็โชคร้ายเอ็นหัวเข่าฉีกจากเกมเอฟเอ คัพ กับ สเปอร์ส ทำให้ต้องพักยาว 6 เดือน และหมดสิทธิ์ลุยฟุตบอลโลก 2014 ในทันที

จากฟอร์มการเล่นที่กำลังทำได้ดี และน่าจะได้ลงเล่นฟุตบอลโลกเสียที วัลค็อตต์ ทำได้เพียงนอนรักษาอาการบาดเจ็บที่เอาเข้าจริงต้องใช้เวลานานถึง 10 เดือนกว่าจะกลับมาเล่นได้อีกครั้ง


เดินตามรอย เธียร์รี่ อองรี แต่ไม่สุดทาง

อดีตดาวรุ่งนักบุญพยายามเร่งฟอร์มช่วงท้ายก่อนทำแฮตทริกในนัดปิดฤดูกาลที่พบ เวสต์บรอมวิช ส่งผลให้ได้ลงตัวจริงตำแหน่งหน้าเป้าในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2015 ที่อาร์เซน่อล โชว์ฟอร์มเหนือชั้นไล่ยิง แอสตัน วิลล่า 4-0 ซึ่งประตูแรกก็มาจากการผลงานของ วัลค็อตต์ 

วัลค็อตต์ ทำประตูครบ 100 ประตูในการเล่นให้ อาร์เซน่อล ช่วงกลางฤดูกาล 2016/17 แต่ก็ไม่ได้เล่นในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2017 ซึ่งปืนใหญ่คว้าแชมป์ด้วยการชนะ เชลซี 2-1  

ฤดูกาลสุดท้ายกับ อาร์เซน่อล วัลค็อตต์ แทบไม่มีบทบาทกับทีม เขาได้ลงเล่น 6 นัดในลีกที่เป็นสำรองทั้งหมด และก็มีอีก 10 นัดที่นั่งดูเพื่อนข้างสนามอย่างเดียว 

อาร์แซน เวนเกอร์ ที่พยายามปลุกปั้น วัลค็อตต์ มานานหลายปี ก็ตัดสินใจเหมือนยอมรับสภาพเมื่อปล่อยตัวปีกความเร็วจัดไปให้ เอฟเวอร์ตัน ในตลาดหน้าหนาวปี 2018 และไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เวนเกอร์ ก็อำลาด้วยหลังคุมทีมยาวนานเกือบ 22 ปี 

ธีโอ วัลค็อตต์ จึงปิดฉาก 12 ปีเต็มกับ อาร์เซน่อล ด้วยการลงสนามทั้งหมด 397 นัด ยิงได้ 108 ประตู และอีก 80 แอสซิสต์ 


ได้ฉลองเอฟเอ คัพ กับ อาร์เซน่อล 2 สมัย

บทสรุปของของ วัลค็อตต์ กับ อาร์เซน่อล ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ล้มเหลว เพียงแต่ไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็น ภาพการเป็นดาวรุ่งติดแน่นฝังนานราวกับว่าเป็นเพชรเม็ดงานที่เจียรtไนไม่เสร็จเสียที

ช่วงที่กำลังเล่นได้ดี เหมือนติดเครื่อง ก็มักมีเหตุการณ์ให้ต้องสะดุดทั้งอาการบาดเจ็บ และฟอร์มหลุดไปเอง 

เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่เหมือนหมดอนาคต ก็ดันเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้จนกลายเป็นผู้เล่นสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ 

5 ปีหลังออกจากเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไปเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน และคืนรังเก่า เซาธ์แฮมป์ตันอีกรอบ ไม่ได้มีความทรงจำมากมายนัก บางคนอาจเข้าใจไปว่าเลิกเล่นไปแล้วจนกระทั่งในตอนนี้ที่ได้อำลาอาชีพอย่างเป็นทางการ 

ทิ้งไวเพียงความทรงจำกับการเป็น "ดาวรุ่งตลอดกาล"  



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด