เมื่อความฝันถูกนำมาใช้หลอกลวง
เด็กๆ ในอเมริกาใต้ หรือ แอฟริกา มากมายมุ่งมั่นที่จะเดินในเส้นทางสายนี้เพื่อหวังกระชากตัวเองจากความยากจน รวมถึงยกระดับชีวิตของคนในครอบครัวด้วย
แต่หลายครั้งไม่เป็นอย่างใจ ไม่ว่าจะไปไม่ถึงดวงดาว ฝีเท้าไม่ถึง และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือการ "ถูกหลอก"
ความฝันในการเป็นนักฟุตบอลของ เลียน เบเล็ม ถูกทำลายลงหลังจากที่โดน "แมวมองปลอม" หลอก โดยยกย่องว่าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็น เนย์มาร์ คนต่อไป
เลียน ที่อายุ 18 ปี (ในตอนนั้น) ได้รับคำสัญญาจากแมวมองนาม ตีอาโก้ โรดรีโก้ เด ซูซ่า ในการพาเข้าสู่วงการลูกหนังของ อิตาลี แต่ว่าหลายเดือนต่อมาเจ้าตัวถูกทิ้งไม่มีแม้กระทั่งอาหารหรือน้ำประปาใช้
แน่นอนว่า เลียน ไม่ใช่ผู้โชคร้ายเพียงคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ตำรวจของ สเปน สืบสวนพบว่ามีการหลอกให้ความหวังแก่ครอบครัวชาวบราซิลกว่า 70 ครอบครัว ว่าจะพาลูกชายไปปั้นให้เป็นผู้เล่นชั้นยอด
แต่เรื่องนี้ถูกเปิดโปงเมื่อมีหนึ่งในผู้เสียหายร้องเรียนต่อตำรวจ โดยเผยว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเบื้องต้น 5,000 ยูโร จากนั้นก็มีค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก 1,700 ยูโร ต่อผู้เล่น 1 คน โดยแจ้งกับทางครอบครัวว่าเงินจำนวนนี้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และเอกสารสำหรับขออนุฐาตในการพำนักใน กรานาด้า
แต่ครับแต่ แต่ว่าทุกคนต้องใช้ชีวิตในสถานที่อันคับแคบ มีอาหารเพียงน้อยนิด และไม่มีใครสามารถมีถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายในสเปน
การสืบสวนนี้นำมาซึ่งการจับกุม 11 คนที่ร่วมขบวนการนี้
กับ เบเล็ม ที่ไปอยู่ใน อิตาลี ก็ต้องเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายกันหลังจากถูก "แมวมองปลอม" หลอก ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคม 2019 เขาได้พบกับ ตีอาโก้ ซึ่งเสนอให้เขามาร่วมทีม อัลบารองโก้ สโมสรในดิวิชั่น 4 ของ อิตาลี พร้อมข้อเสนอว่าจะรับผิดชอบค่าอาหารและที่พักให้ทั้งหมด และสโมสรจะให้เงิน 300 ยูโรต่อเดือน
ในระหว่างนี้จะดำเนินการเรื่องขอสัญชาติ อิตาลี ของผู้เล่น แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น
เบเล็ม เผยว่าตัวเองถูกทิ้งโดยไม่มีน้ำใช้นานเกือบ 10 วัน ไม่มีอะไรเลยนอกจาก พาสต้า และ ซอสกระป๋อง ที่น้อยเกินกว่าจะกินอิ่ม และเกือบเสียเงิน 8,000 ปอนด์ เมื่อพยายามจะออกจากสโมสร
"ตีอาโก้ บอกกับผมว่าจะได้เล่นให้ อัลบารองโก้ ซึ่งจะเป็นก้าวแรกของเส้นทางอันยอดเยี่ยมในฟุตบอลยุโรป" เบเล็ม วัย 21 ปี เผยกับ เดอะ ซัน
"ลองนึกภาพการเป็นเด็กจากอเมริกาใต้ และชายคนนี้บอกว่าเขาจะช่วยให้คุณเป็น เนย์มาร์ คนถัดไป มันยากที่จะปฎิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมพยายามอย่างหนักในการยกระดับสู่วงการกีฬา"
ก่อนที่จะย้ายไป อิตาลี เขาพักอยู่ในอพาร์ทเม้นต์หรูที่มองเห็นวิวทะเลสาบใน การ์ด้า ซึ่ง ตีอาโก้ จะพาเขาไปทานอาหารในร้านหรู ซึ่งทาง เบเล็ม จำได้ว่าไม่มีความประทับใจแรกที่ดีนักเพราะรู้สึกว่าทุกอย่างดูดีเกินจริง
"เขาพูดมากและฟังดูว่าเขาเหมือนจะควบคุมทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าผมคงคิดมากไปหน่อย เพราะลูกพี่ลูกน้องผมก็ถูกเขาติดต่อเช่นกัน"
"ตีอาโก้ บอกกับผมว่าเขารู้จักสโมสรใหญ่ๆ ซึ่งสามารถผลักดันผมเข้าไปได้ และ อัลบารองโก้ คือทางผ่าน แต่หลายสัปดาห์ผ่านไป ความฝันของผมก็เริ่มเป็นฝันร้ายมากขึ้น"
เบเล็ม มาถึง อิตาลี เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 และย้ายไปอยู่กับเด็กอีก 4 คนที่อายุระหว่าง 16-21 ปีใน ไอโซล่า เดลล่า สกาล่า ทางตอนใต้ของ เวโรน่า
เอดูอาร์โด้ โบนี่ คอลเล่ วัย 29 ปี ที่ปัจจุบันเป็นทันตแพทย์อยู่ที่ บอร์นมัธ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับ เบเล็ม ซึ่ง เอดูอาร์โด้ ที่ตอนนั้นอายุ 26 ปี ได้เล่าถึงฝันร้ายของตัวเองและเล่าว่าเขาคอยเตือนนักกีฬาอายุน้อยเกี่ยวกับวิธีการหลบๆ ซ่อนๆ ของ ตีอาโก้
"เขาจะเรียกเก็บเงินราว 4,000 ยูโร เพื่อจัดการเรื่องสัญชาติของเรา จากนั้นก็เก็บเงินไปแต่ไม่ทำตามสัญญา" เอดูอาร์โด้ กล่าวกับ เดอะ ซัน ซึ่งเจ้าตัวอธิบายถึงกฎหมายของ อิตาลี ว่ากำหนดให้ผู้ที่จะขอสัญชาติต้องอาศัยอยู่ที่นั่นสักระยะ โดยปกติแล้วจะต้องเช่าบ้านเป็นเวลา 45 วัน
ในขณะที่เขาไปเรียน, ตีอาโก้ กลับเอาคนอื่นมากมายมาอยู่ในบ้าน ทำให้เขาไม่มีที่อยู่ "ผมยากจนและต้องใช้ชีวิตข้างถนนเป็นสัปดาห์ ผมอาบน้ำในห้องน้ำสาธารณะ และนอนบนม้านั่งในสวนสาธารณะในขณะที่ผมพยายามหาทางเอาเงินคืนมา"
"และเมื่อผมพยายามกลับเข้าไปอยู่ในบ้านที่ อิตาลี - มันไม่มีที่ว่างสำหรับผม ดังนั้น ตีอาโก้ จึงให้ผมอยู่บ้านกับเด็กๆ"
จากนั้น เอดูอาร์โด้ จึงหาทางขอสัญชาติด้วยตัวเอง แต่กลับเผชิญการคุกคามจาก ตีอาโก้ ที่ส่งข้อความด่า ซึ่งหลังจากได้ยินเรื่องราวนี้, เบเล็ม เองก็อยากหาทางกลับบ้านในทันที
"ทุกอย่างเหนือการควบคุม เราอยู่กลางฤดูกาลทางตอนเหนือของ อิตาลี, ไม่มีอาหารเพียงพอ และอยู่โดยไม่มีน้ำเพราะ ตีอาโก้ คงลืมจ่ายบิลต่างๆ เขากดดันเราอย่างบ้าคลั่ง ผมกลัวมาก"
จุดตกต่ำที่สุดคือการระบาดของไวรัสโควิดทำให้ทุกที่ถูกปิด กระทั่งปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2020, เบเล็ม หนีออกจาก เวโรน่า เพื่อดำเนินการขอสัญชาติอิตาลีและทำได้สำเร็จด้วยการช่วยเหลือของ เอดูอาร์โด้ และจากนั้นก็บินไปลอนดอนพบพี่ชายอีกครั้ง แต่ก็ยังโดนคุกคามอย่างหนัก
"จากความเครียดทั้งหมดที่ผมต้องเจอตลอด 2 เดือน ผมเกือบเสียเงิน 8,000 ปอนด์ในกระเป๋าเมื่อ ตีอาโก้ บอกว่าผมต้องจ่ายเป็นค่ายกเลิกสัญญากับ อัลบารองโก้" เบเล็ม กล่าว
"ผมและเพื่อนร่วมทีมได้บอกทุกอย่างเกี่ยวกับ ตีอาโก้ ให้กับผู้บริหารของ อัลบารองโก้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อยากมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ และเอาแต่บอกให้เราไปจัดการกับ ตีอาโก้ เอาเอง"
ดานิเอเล่ ปราโด้ ทนายความช่วยเหลือนักกีฬารุ่นเยาว์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายยื่นมือเข้ามาช่วย พร้อมกันนี้ก็ค้นพบว่า ตีอาโก้ ปลอมแปลงลายเซ็นของเขาในเอกสารการโอนฉบับหนึ่ง
"ผมเศร้าใจอย่างมากกับสิ่งที่เขาต้องเจอในฐานะทนายความผมรู้สึกถึงความยุติธรรมและหน้าที่ต่อ เลียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมได้รู้เกี่ยวกับการปลอมลายเซ็นของ ตีอาโก้"
ปัจจุบัน เบเล็ม ในวัย 21 ปีอาศัยอยู่ที่เคมบริดจ์ และกำลังศึกษาด้านบัญชีและการเงินที่ แองเลีย รัสกิ้น ยูนิเวอร์ซิตี้ ส่วน ตีอาโก้ สำนักข่าวของบราซิลอย่าง เรคอร์ด ทีวี ดักฟังโทรศัพท์ของเขาซึ่งเผยให้เห็นถึงการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตีอาโก้ ไม่ถูกจำคุกในขณะที่เจ้าตัวขอลี้ภัยในอิตาลี โดยบรรลุข้อตกลงกับอัยการด้วยการจ่ายเงิน 3,800 ปอนด์ เนื่องจากการกระทำของเขาไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงจากรายงานของ เรคอร์ด