:::     :::

หนึ่งดาวดวงใหม่ของเรอัล มาดริด "อาร์ดา กูเลร์"

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
674
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรอัล มาดริด เดินหน้าสร้างทีมของตัวเองต่อไป

เมื่อประธานสโมสรอย่าง “ฟลอเรนติโน่ เปเรซ” ทำการซื้อดาวรุ่งพรสวรรค์สูง เข้ามาร่วมทีมต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการปูรากฐาน สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน เรื่องจากมองแล้วว่า การสร้างทีมด้วยกลุ่มผู้เล่นอายุน้อย ถือเป็นการถ่ายเลือดในช่วงที่เหมาะสม


หนึ่งดาวรุ่งที่เพิ่งถูก “ราชันชุดขาว” คว้าตัวมาร่วมทีม นั่นคือ “อาร์ดา กูเลร์” ดาวเตะวัย 18 ปี ที่เพิ่งก้าวไปติดทีมชาติตุรกี ชุดใหญ่ หากใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน บอกเลยว่า นี่คือดาวรุ่งที่กำลังถูกยกย่องว่า พรสวรรค์สูงสุดในวงการลูกหนัง “ดินแดนไก่งวง” 


สื่อต่างประเทศออกมาระบุว่า กูเลร์ ย้ายร่วมทีมเรอัล มาดริด ด้วยค่าฉีกสัญญา 20 ล้านยูโร รวมถึงเซ็นสัญญาเป็นเวลา 6 ปี เราลองย้อนไปดูเส้นทางลูกหนังของเขากันหน่อยว่า เพราะอะไร เขาถึงก้าวมาเป็นเพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลของตุรกี จนผลสุดท้าย ยักษ์ใหญ่อย่างเรอัล มาดริด ถึงคว้าตัวไปครอง

กูเลร์ เกิด และเติบโตที่ “อังการา” เมืองหลวงของประเทศตุรกี โดยคุณพ่อของเขาอย่าง “อูมิต กูเลร์”  เป็นคนปลูกฝังการเล่นฟุตบอล โดยคุณพ่อออกมาเปิดเผยว่า บ้านของพวกเขาไม่มีใครถนัดเท้าซ้ายเลย ดังนั้น เขาจึงอยากให้ลูกชายถนัดเท้าซ้าย 


นอกจากนี้ คุณพ่อคอยปลูกฝัง ด้วยการวางลูกฟุตบอล และลูกโป่งให้อยู่ตรงเท้าซ้าย เพื่อให้ลูกชายเตะมัน จนเกิดความเคยชินในที่สุด ช่วงที่เป็นเด็กนักเรียนชั้นประถม 2 กูเลร์ ก็ได้เข้าร่วมทีมอะคาเดมี่ของทีม “เกนเคลอร์บิลิจี้” 


บ้านของกูเลร์ อยู่ห่างจากสโมสรเกนเคลอร์บิลิจี้ พอสมควร กระนั้น คุณพ่อก็พร้อมเดิมพันกับลูกชายคนนี้ โดยการทดสอบฝีเท้าครั้งแรก กูเลร์ สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้ว เกนเคลอร์บิลิจี้ ก็รับตัวเข้าร่วมทีมเด็ก


เพียงไม่นาน เขาที่ลงเล่นแบบแบกอายุ ก็ก้าวมาเป็นกัปตันทีม แม้บรรดาเพื่อนร่วมทีมส่วนใหญ่จะอายุมากกว่า นั่นเพราะความสามารถที่ดีกว่าคนอื่น


อรอล โตก็อซเลร์ ซึ่งเป็นโค้ชคนแรกของกูเลร์ ที่เกนเคลอร์บิลิจี้ ย้อนความทรงจำถึงลูกศิษย์คนนี้ว่า เป็นคนที่พรสวรรค์สูง โดยกล่าวว่า “ลูกฟุตบอลนั้น เปรียบเหมือนกับอวัยวะส่วนหนึ่งของกูเลร์ เขาสัมผัสบอลได้อย่างนุ่มนวล นั่นคือคุณสมบัติที่ดี”


“เขาเปรียบเหมือนกับอัญมณี หากมองไปที่ลีกสูงสุดของตุรกี ในเวลานี้ ไม่มีใครเก่งกาจกว่าเขาอีกแล้ว แม้ลีกสูงสุดของตุรกี ประกอบไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีมากมาย กระนั้น เมื่อกูเลร์ ลงสนาม เขานำสิ่งต่างๆเข้าสู่เกม ต่อให้มีเวลาเพียง 5 นาทีก็ตาม”


ช่วงปี 2019 กูเลร์ ที่ลงเล่นในระดับยู-14 ฝีเท้าดันเข้าไปเตะตาแมวมองของเฟเนร์บาห์เช่ ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ผลสุดท้าย  กูเลร์ ออกเดินทางจากบ้าน เป็นระยะทางกว่า 440 กิโลเมตร พร้อมกับเข้าร่วมอะคาเดมี่ของเฟเนร์บาห์เช่ 


จากนั้น เขาก้าวมาเล่นกับเฟเนร์บาห์เช่ ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ด้วยวัยเพียงแค่16 ปี ก่อนที่ฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่นั้น กูเลร์ ลงสนามให้กับเฟเนร์บาห์เช่ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเกมลีกสูงสุด และเกมยุโรป 


ต่อมาในฤดูกาลที่สอง เขาก็ได้รับเสื้อหมายเลข 10 ไปครอบครอง ต่อจาก “เมซุต โอซิล” ที่โบกมืออำลาทีมไป โดยถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เมื่อเด็กอายุ 17 ได้รับเสื้อหมายเลข 10 เพราะเป็นการบ่งบอกถึงความสามารถบางอย่าง


ผลที่ออกมาคือ เขาลงเล่นกับเฟเนร์บาห์เช่ ชุดใหญ่ 51 เกม พร้อมกับยิงไป 9 ประตู บวกกับ 12 แอสซิสต์ 


นักฟุตบอลทุกคน ล้วนมีต้นแบบการเล่นฟุตบอลเป็นของตัวเอง ซึ่งตัวของกูเลร์ ก็มีเหมือนกัน กูเลร์ ออกมาเปิดเผยแล้วด้วยว่า ไอดอลในดวงใจของเขา นั่นคือ “เมซุต โอซิล” อดีตจอมทัพทีมชาติเยอรมัน 


กูเลร์ และโอซิล เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกัน สมัยที่โอซิล เดินทางมาค้าแข้งในช่วงบั้นปลายลูกหนังกับเฟเนร์บาห์เช่ ขณะที่โอซิล ออกมาบอกว่ากูเลร์ จะกลายเป็นนักเตะตำแหน่งหมายเลข 10 ที่มีความเก่งกาจมากกว่าเขาอย่างแน่นอน 


หากเราไปดูฟอร์มการเล่นของกูเลร์ เราก็จะพบว่า เขามีความคล้ายคลึงกับโอซิล ไม่มากก็น้อย โดยทางกูเลร์ เป็นกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม ที่ถนัดเท้าซ้าย และยังโยกไปเล่นกราบขวา เขามักลากตัดเข้าใน เพื่อยิงประตู หรือผ่านบอลในพื้นที่สุดท้าย 


ตามสถิติบอกว่า ตำแหน่งที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของเขา คือกองกลางตัวรุก และริมเส้นด้านขวา นี่คือพื้นที่ที่เขายิงประตู และแอสซิสต์ ได้มากที่สุดแล้ว เขายังเป็นนักเตะที่เปิดลูกตั้งเตะได้อย่างยอดเยี่ยม มีเล่ห์เหลี่ยมที่แพรวพราว 


หากใครคิดว่า กูเลร์ เป็นจอมทัพสายคลาสสิค คงต้องบอกว่าไม่ใช่ทีเดียว เพราะเขาผสมผสานสไตล์ เข้ากับการเป็นนักฟุตบอลสมัยใหม่ 


เขาสามารถลงมาช่วยเล่นเกมรับ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระบรรดากองหลังของทีม พร้อมกับช่วยไล่เพรสซิ่งได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย


นอกจากนี้ เขายังมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในการแย่งบอลกลับมาครองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยนัก โดยเฉพาะกับนักเตะสายจอมทัพ


กูเลร์ เพิ่งอายุครบ 18 ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระนั้น หากเราจะบอกว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่โตเกินไว คงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย เขาผ่านประสบการณ์ ในการลงเล่น “อิสตันบูล ดาร์บี้ แมตช์” กับคู่แค้นอย่างกาลาตาซาราย  


อย่างไรก็ตาม กูเลร์ กลับเดินลงสนามไป ด้วยจิตใจที่นิ่งเฉย ราวกับว่า สงครามลูกหนังแห่งอิสตันบูล เป็นแค่เกมธรรมดาๆ ตามสวนสาธารณะ “ผมไม่รู้สึกถึงความกดดัน เราต้องเล่นฟุตบอลด้วยความสนุก ผมเปลี่ยนความกดดันให้เป็นความสุข”


สำหรับฤดูกาล 2022-23 ที่ผ่านพ้นไป กูเลร์ ลงสนามในลีกสูงสุดของตุรกี เป็นเวลาเกินหลัก 1,000 นาที พร้อมกับยังสร้างแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง 


ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และการไม่ยี่หระต่อความกดดันที่ถาโถมเข้ามา ส่งผลให้เขากลายเป็นที่ต้องการตัวของยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เปแอสเช และบาร์เซโลน่า ต่างอยากได้ตัวเขา 


ผลสุดท้าย กลายเป็นเรอัล มาดริด ที่คว้าลายเซ็นของเขามาครอง นอกจากการเป็นแฟนบอลที่คอยติดตาม “ราชันชุดขาว”

สื่อหลายสำนัก ออกมาวิเคราะห์ว่า กูเลร์ เตรียมกลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างทีมใหม่ของเรอัล มาดริด ดังนั้น ตัวเลือกในการถูกส่งไปเล่นกับเรอัล มาดริด กาสติญ่า หรือส่งตัวไปให้กับสโมสรอื่นยืมตัว แทบจะตัดทิ้งไปได้


ขณะที่ กูเลร์ ออกมาพูดในการเปิดตัวกับเรอัล มาดริด ว่า เขาพร้อมลงสนามในนามทีมชุดใหญ่ และการไปเล่นแบบยืมตัว ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในหัว ประกอบกับแนวคิดของเรอัล มาดริด ที่กลายเป็นทีมที่ขับเคลื่อนด้วยนักเตะอายุน้อย 


โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลาง ทั้งบัลเบร์เด้,  ชูอาเมนี่ และกามาวิงก้า คอยได้รับการสนับสนุน และถ่ายทอดประสบการณ์จากโครส และโมดริช 


แน่นอนว่า กูเลร์ รวมถึงอีกคนที่มาใหม่อย่างจู๊ด เบลลิงแฮม เตรียมได้รับบทเรียน และประสบการณ์เหล่านั้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือเรอัล มาดริด กำลังปรับระบบการเล่น หลังจากที่คาริม เบนเซม่า ย้ายออกจากทีมไป


ระบบ 4-4-2 อาจถูกนำมาใช้ เพื่อให้สองดาวรุ่งของทีมอย่างวินิซิอุซ จูเนียร์ และโรดริโก้ ขยับไปเล่นเป็นกองหน้าคู่กัน ขณะที่ระบบ 4-2-3-1 ก็เตรียมถูกสลับมาใช้เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ ในการมาของ กูเลร์


จากการแย่งตำแหน่งตัวจริงที่ดุเดือด กูเลร์ มีโอกาสถูกจับไปยืนทางขวาของสนามค่อนข้างสูง หากว่าโรดรีโก้ ถูกดันขึ้นไปใช้งานตรงกลาง 


ช่วง 2-3 เดือนแรก ถือเป็นงานยากของ กูเลร์ เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องของการปรับตัว นี่คือปราการด่านแรกที่เขาต้องผ่านมันไปให้ได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด