นี่คือเกมที่ อาร์เซน่อล ก่อความผิดพลาดมากมาย และทำให้ตัวเองต้องลำบากแบบไม่จำเป็น

เพียงเริ่มเกมมานาทีแรกก็พลาดชนิดที่หลายคนไม่ทันตั้งตัว บูคาโย่ ซาก้า ชิ่งคืนหลังไม่ดีเข้าทาง อันเดรียส เปเรยร่า ได้ลากเข้าพื้นที่อันตรายก่อนปั่นเสียบเสาแรกแม่นยำ 

อาร่อน แรมส์เดล ถลาถอยหลังกลับไม่ทันเพราะออกมาห่างเส้นเขตโทษมากไป และไม่คิดว่าเพื่อนร่วมทีมจะส่งบอลพลาด 

อาร์เซน่อล เสียประตูเร็วกับการเล่นในบ้านอีกครั้ง ในท้ายฤดูกาลที่แล้วก็เกิดขึ้นทั้งในเกมกับ บอร์นมัธ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่เสียประตูตั้งแต่นาทีแรก

สมาธิช่วงต้นเกมคือปัญหาที่ อาร์เซน่อล แก้ไม่หาย และทำให้เก็บคลีนชีตในบ้านได้เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้นนับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเป็นต้นมา มีเพียง ฟูแล่ม ที่ทำได้น้อยกว่าที่ 3 ครั้ง

อาร์เซน่อล พยายามตั้งเกมของตัวเองให้ได้ แต่ดูเหมือนความมั่นใจดร็อปลงไปพอสมควรหลังเสียประตูตั้งแต่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ

หลายจังหวะไม่เข้าใจกันเอง บอลไปทาง คนวิ่งไปอีกทาง การจ่ายบอลง่ายๆ พลาดบ่อยครั้ง เกมรุกจึงไม่ลื่นไหลและต่อเนื่องอย่างที่ควรจะเป็น 

การเล่นเข้าทาง ฟูแล่ม ที่ฉวยโอกาสได้ประตูนำก่อนจึงถอยไปรับแน่นในแดนตัวเองและปล่อยให้ อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายครองบอล 

ปืนใหญ่ครองบอลเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ แต่แทบไม่มีโอกาสต่อบอลเข้าไปพื้นที่อันตรายได้ โอกาสลุ้นส่วนใหญ่มาจากยิงไกลที่ไม่ผ่านการป้องกันของ แบรนด์ เลโน่ ซึ่งทำได้ดีอีกครั้งในการกลับมาเยือนถิ่นเก่า

ในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเกมบุกชนะ คริสตัล พาเลซ นัดที่แล้ว อาร์เซน่อล ที่เหลือ 10 คน เล่นได้ดีกว่านี้มาก ความเข้าใจกันและกันมีสูง และช่วยกันเล่นจนเอาตัวรอดเก็บ 3 คะแนนกลับออกมา

แต่ 11 คนและเล่นในบ้านตัวเอง อาร์เซน่อล กลับดูไม่เป็นตัวของตัวเอง จังหวะขาดๆ เกินๆ และยังไม่ดีขึ้นหลังผ่าน 10 นาทีของครึ่งหลังจนกระทั่งตัดสินใจเปลี่ยนตัวส่ง ฟาบิโอ วิเอร่า และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ลงสนาม

การลงมาของ วิเอร่า และ ซินเชนโก้ ทำให้สปีดบอลของ อาร์เซน่อล เร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และสามารถพาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายได้บ่อยครั้ง 

วิธีการเล่นของ วิเอร่า กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ถูกเปลี่ยนออกไปคือความแตกต่างอย่างมาก 

วิเอร่า ลงมาด้วยความกระตือรือร้น คิดเร็วทำเร็ว และทำทุกอย่างเพื่อให้บอลเข้าเขตโทษคู่แข่งให้ได้มากที่สุด 

ขณะที่ ฮาแวร์ตซ์ กลับตรงกันข้าม หลายจังหวะส่งบอลคืนหลังแบบไม่จำเป็น หรือแค่ทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อนง่ายก็ส่งพลาด ทำให้จังหวะเสียไปหมด และทีมก็เสียการครองบอลบ่อยครั้ง

อดีตแข้ง เชลซี มีเกมที่น่าผิดหวังที่สุดนับตั้งแต่ลงเล่นให้ อาร์เซน่อล และควรถูกเปลี่ยนตัวออกก่อน เลอันโดร ทรอสซาร์ ด้วยซ้ำ

เมื่อวิธีการเล่นของตัวสำรองอย่าง วิเอร่า แตกต่างออกไป อาร์เซน่อล ก็มีลุ้นขึ้นมาทันที และเป็น วิเอร่า ที่เรียกจุดโทษให้ทีมตามตีเสมอ และทำให้ทีมขึ้นนำจากการจ่ายบอลอันสมบูรณ์แบบให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยิงเข้าไป

อาร์เซน่อล ขึ้นนำได้สำเร็จพร้อมกับโมเมนตัมที่เหวี่ยงเข้าทางเต็มเหนี่ยวหลัง ฟูแล่ม ต้องเหลือผู้เล่น 10 คนเนื่องจาก แคลวิน บาสซี่ย์ ได้ใบเหลือที่สองถูกไล่ออกจากสนาม

ทว่าบทเรียนที่ไม่เคยจำของ อาร์เซน่อล คือการไม่โหมรุกต่อเนื่องเพื่อกดคู่แข่งให้ศิโรราบ แต่กลับถอนคันเร่งไปเน้นรับเพื่อรักษาสกอร์นำ และนั่นทำให้ ฟูแล่ม มีโอกาสได้บุกจนกระทั่งมาตีเสมอได้สำเร็จจากเตะมุมที่บอลไปถึง ชูเอา ปาลินญ่า ตวัดตุงตาข่าย

พอโดนตีเสมอ อาร์เซน่อล จึงมาเร่งเกมอีกรอบและแม้จะมีเวลาเกือบสิบนาทีในช่วงทดเจ็บ แต่สุดท้ายก็ทำประตูแซงนำอีกรอบเพื่อชนะไม่ได้

ต้องให้เครดิตเจ้าสัวน้อยที่สู้ได้ดี และเล่นได้ตามแผนที่วางเอาไว้จนเกือบพลิกชนะได้ด้วยซ้ำจากอีกจังหวะช่วงท้ายที่ อดาม่า ตราโอเร่ ลุยเดี่ยวไปยิงมุมแคบติดเซฟ แรมส์เดล 

แต่ส่วนหนึ่ง อาร์เซน่อล ต้องโทษตัวเอง และ อาร์เตต้า ก็ต้องยอมรับว่าตัดสินใจผิดพลาดในหลายอย่าง

ไค ฮาแวร์ตซ์ เล่นไม่ออก ไม่มีความเข้าใจในการเล่น และพลาดบ่อยครั้ง อาร์เตต้า ควรเปลี่ยนออกให้โอกาสคนอื่นเร็วกว่านี้ และนัดต่อไปควรถูกดร็อปเป็นสำรอง 

ฮาแวร์ตซ์ ย้ายมาใหม่อยู่ในช่วงปรับตัว ผลงานอาจดีขึ้นได้ในอนาคต แต่ในระหว่างทางกว่าจะไปถึงจุดนั้น อาร์เตต้า ก็ไม่ควรตะบี้ตะบันจนเกินไป หากเห็นว่าต้องเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน 

เช่นเดียวกับการเล่นแบ็กขวาของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่แม้ไม่ได้ผิดพลาดอะไรใน 2 นัดแรก แต่การเล่นตรงกลางก็ยังเป็นตำแหน่งที่ ปาร์เตย์ ได้แสดงศักยภาพออกมาได้มากกว่าอยู่ดี 

ตอนนี้ ซินเชนโก้ ฟิตสมบูรณ์กลับมาแล้ว นัดหน้าควรได้ลงตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้าย และ อาร์เตต้า กลับมาใช้แบ็กโฟร์ที่เคยทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่แล้ว

กาเบรียล มากัลเญส หลุดเป็นสำรองตลอด 3 นัดแรก แต่การที่เกมรับยังคงเปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ส่องประตูมากมาย มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าการตัดสินใจไม่ได้ถูกต้องเสมอไป

เซนเตอร์ทีมชาติบราซิลควรกลับมาเป็นตัวจริงเล่นร่วมกับ วิลเลี่ยม ซาลีบา อีกครั้งเพื่อถ่าง เบน ไวท์ กลับไปแบ็กขวา และ ปาร์เตย์ ก็กลับมาเป็นตัวเลือกในแดนกลางตามปกติ

บางครั้ง อาร์เตต้า ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินไป และเลือกใช้งานผู้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดที่สุด 

เขาอาจได้อิทธิภาพการคุมทีมมาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ร่วมงานกันมาหลายปี แต่ อาร์เตต้า มีประสบการณ์น้อยกว่า และคุณภาพของผู้เล่น อาร์เซน่อล ก็ยังไม่ถึงระดับ แมนฯ ซิตี้ แท็กติกและวิธีการบางอย่างที่ เป๊ป ทำได้ ก็อาจมีแค่ เป๊ป ทำได้คนเดียว 

อาร์เซน่อล พลาดชัยชนะในบ้านแบบไม่น่าพลาด และเป็นบทเรียนสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ว่าในบางครั้งก็ไม่ควรคิดมากจนเกินไป