:::     :::

ตัดสินอนาคต

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
369
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 หนนี้ดูเหมือนจะถูกโฟกัสเป็นพิเศษ

แม้จะเป็นแค่ทัวร์นาเมนต์ “อุ่นเครื่อง” สำหรับแฟนบอลทั่วไป แต่สำหรับคนเป็นกุนซืออย่าง มาโน โพลกิง รายการนี้เขาต้องใส่มันสมองทุกอย่างที่มี เพื่อพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้

การพบกับชาติอย่าง เลบานอน อิรัก หรือ อินเดีย ไม่ใช่งานง่ายเหมือนเพื่อนบ้านอาเซียน (จริง ๆ ตอนนี้เจออาเซียนก็ไม่ง่าย) แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีชอยส์อื่นให้เลือก

เพราะมี มาซาทาดะ อิชิอิ นั่งคอยอยู่แล้ว

จริงอยู่ตามหน้าสื่อที่ถูกเปิดปากออกมา อิชิอิ รับตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย บทบาทของเขาคือการสเกาต์ข้อมูลผู้เล่น ไม่ใช่คุมทีม

แต่วงการฟุตบอลไทย ก็เห็นอะไรแบบนี้มานักต่อนักไม่ใช่หรือ ?

ประธานเทคนิค ที่ถูกแต่งตั้งมา ไม่นานจะกลายสภาพเป็นกุนซือเอง มาโน เองทำงานอยู่ในวงการลูกหนังไทย มีหรือจะไม่รู้วิธีแบบไทย ๆ   




การประกาศแต่งตั้งประธานเทคนิคตอนช่วงต้นเดือน โดยที่คนเป็นกุนซือยังงงไม่รู้เรื่องว่าทำอะไรกัน จนต้องรอปลายเดือนที่ทั้ง มาโน และ อิชิอิ ถึงได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกันในเรื่องแผนงานการทำทีมชาติ

ใครมองว่าเรื่องแบบนี้ “ปรกติ” ก็แล้วแต่เลย…

นั่นหมายความว่า คิงส์ คัพ หนนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ มาโน อย่างแท้จริงว่าเขาเหมาะที่จะไปต่อในการคุมทีมชาติไทยลุยฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และ เอเชียนคัพ ที่กำลังจะมาถึงหรือไม่

จึงไม่แปลกที่การเรียกตัวหนนี้ มาโน จะจัดเต็มจริง ๆ เพราะเดิมพันสูง ทั้งผู้เล่นที่รู้ตำราใช้งานดี หรือนักเตะที่กำลังฟอร์มดีปัจจุบัน

จนทำให้ครั้งนี้ เสียงแฟนบอลเอาใจยากบางกลุ่มค่อนข้างเบาลง เพราะมีแข้งที่แฟน ๆ มองว่าควรติดมาอยู่ในทีมชาติไทย

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายสำหรับ มาโน คือการไม่สามารถใช้งานคีย์แมนคนสำคัญอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ จากอาการบาดเจ็บในเกมลีกล่าสุด จนต้องเรียกตัว เบนจามิน เดวิส มาแทนที่

เวลาที่เหลืออีกกว่า 1 สัปดาห์ มาโน เองต้องรีดศักยภาพผู้เล่น ระดมหัวช่วยกัน ทำอย่างไรก็ได้เพื่อพาช้างศึกเชือกนี้คว้าแชมป์   




หากคว้าถ้วย คิงส์ คัพ มาครองได้ มีความสำเร็จติดไม้ติดมือ มันก็เปรียบเสมือน “วีซ่า” ให้เขาได้รับโอกาสทำงานต่อในรายการอื่น ๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็อาจลดลง

แต่หาก “ไม่ได้แชมป์” สิ่งที่เขาต้องเจอคือกระแสถาโถมจากทั้งสื่อมวลชน รวมถึงแฟนบอลหลายคนที่ยังไม่มั่นใจในตัวเขา

เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก จะยิ่งเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้เกิดการ “เปลี่ยนแปลง” ในตำแหน่งเก้าอี้กุนซือ ก่อนทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจะเริ่ม

เพราะทุกการตัดสินจากนี้อยู่ในดุลยพินิจของ ผู้จัดการทีมชาติไทย นายจ้างเขานั่นเอง

แม้ว่าตัว มาโน ยังมีสัญญากับทีมชาติไทยจนถึงเดือน มี.ค. 2024 และตัวเขาเองก็ออกมายืนยันว่าต้องการทำงานจนครบสัญญา แต่ในวงการฟุตบอลไทย เรื่องแค่นี้ถือว่า “ขี้ปะติ๋ว”

จ้างได้ ก็ ยกเลิกได้

มาโน อยู่เมืองไทยมาเป็น 10 ปีย่อมรู้แก่ใจดี     


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด