:::     :::

หลุมรักของ ลูกากู

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2566 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
9,459
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"เขาเป็นชายร่างใหญ่ มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีความเด็กในตัวที่ต้องการความรัก ต้องการการสนับสนุน ต้องการความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ"

โชเซ่ มูรินโญ่ กล่าวถึง โรเมลู ลูกากู ในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เมื่อปีที่แล้ว และในขณะที่พวกเขาเตรียมกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเป็นหนที่ 3 ลูกากู เป็นนักฟุตบอลที่ต้องการความรักอย่างมาก

เขาไม่ได้เป็นที่ต้องการใน เชลซี ซึ่งเคยส่งเขาไปซ้อมกับทีมชุดยู-21 และไม่เคยอยู่ในแผนของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่

กองหน้าเบลเยียมเดินทางมายังกรุงโรมตั้งแต่เมื่อคืนวันอังคาร ซึ่งเขาได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ ในเมืองหลวงของอิตาลี ก่อนที่จะย้ายมาจาก สิงห์บลูส์ ด้วยสัญญายืมตัว

อินเตอร์ มิลาน แสดงความสนใจที่จะเปลี่ยนสัญญายืมตัวให้เป็นการย้ายถาวรเมื่อช่วงต้นซัมเมอร์ แต่ เชลซี ที่จ่ายเงินระดับสถิติสโมสรในเวลานั้น 97.5 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเขาเมื่อ 2 ปีก่อนกลับพยายามเรียกร้องข้อเสนอที่สูงกว่า 26 ล้านปอนด์

ความกระตือรือร้นของ งูใหญ่ จางหายไปในทันทีเมื่อพวกเขารู้ว่า ลูกากู กำลังพิจารณา ยูเวนตุส ที่เป็นคู่แค้นตัวฉกาจด้วย แต่ความพยายามของสโมสรตูรินที่จะรวม ดูซาน วลาโฮวิช ในการแลกตัวพร้อมเงินอีกก้อนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นที่ต้องการ เชลซี

แฟนบอล ยูเว่ ก็แสดงความชัดเจนว่าไม่อยากได้ ลูกากู โดยบุกมาโจมตีที่สนามอัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม ของตัวเอง เพื่อประท้วงการเซ็นสัญญาที่อาจเกิดขึ้น

ขณะที่ ลูกากู เองก็ไม่ได้สนใจที่จะไปฟันเงินที่ซาอุดีอาระเบียบนวัย 30 ปี มันจึงมีโอกาสสูงที่เขาจะต้องตกอับอยู่กับ เชลซี ต่อไปเมื่อเส้นตายตลาดมาถึง

มูรินโญ่ โผล่เข้ามา นี่คือโค้ชคนเดียวที่ต้องการ ลูกากู อย่างแท้จริง ตระกูล ฟรีดกิ้น เจ้าของ โรม่า ก็มีส่วนร่วมอย่างมากและทำงานกันอย่างตั้งใจเพื่อให้ข้อตกลงสำเร็จลุล่วง

ลูกากู จะย้ายไปยัง โรม่า แบบยืมตัวในเบื้องต้น โดยเขายอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงด้วย และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการย้ายแบบถาวรหากพิสูจน์ได้ถึงความคุ้มค่า ซึ่งค่าตัวสำหรับการยืมครั้งนี้มากกว่า 5 ล้านปอนด์ และ โรม่า จะรับผิดชอบค่าแรงของผู้เล่น 6.4 ล้านปอนด์

แน่นอนว่าเขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มล่าตาข่ายให้ โรม่า และ ลูกากู จะรู้สึกถึงความรักจากแฟนบอลที่น่าหลงใหลในถิ่นสตาดิโอ โอลิมปิโก

ในการคุมทีมฤดูกาลแรกของ มูรินโญ่ โรม่า คว้าแชมป์คอนเฟอเรนซ์ ลีก และจบอันดับ 6 ในเซเรีย อา ขณะที่ซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาก็เข้าถึงรอบชิงยูโรปา ลีก แต่แพ้ช่วงดวลจุดโทษให้กับ เซบีย่า และจบอันดับ 6 ในตารางอีกครั้ง

แต่เป้าหมายของ แดน และ ไรอัน ฟรีดกิ้น ต้องการเห็นความก้าวหน้าภายใต้การทำงานของ มูรินโญ่ คือการจบท็อปโฟร์ และไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

ลูกากู จะเพิ่มโอกาสนั้นอย่างมาก เขาทำไป 64 ประตู จาก 95 นัดให้กับ อินเตอร์ ในการเล่นที่นั่นรอบแรก และทำได้ 14 ลูกในซีซั่นที่แล้วแม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดก็ตาม

เขาทำไป 57 ประตู และ 18 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 97 นัดในเซเรีย อา ดังนั้นเขาจะเป็นตัวอันตรายในลีกสูงสุดอิตาลีแน่

ความรับผิดชอบของ ลูกากู คือการเป็นกองหน้าตัวเป้าของ โรม่า โดยมี เปาโล ดีบาล่า คอยสนับสนุน ซึ่งจะคล้ายกับที่เขาทำได้อย่างดีในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ อินเตอร์

ก่อนอื่นเลยเขาต้องกลับคืนสู่ความเฉียบคมอย่างเต็มรูปแบบ โดย มูรินโญ่ ก็จะแฮปปี้ขึ้นไปอีกกับการมีกองหน้าเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว เป็นตัวล่าตาข่าย

เส้นทางของพวกเขาบรรจบมาพบกันครั้งแรกที่ เชลซี ระหว่างฤดูกาล 2013-14 เมื่อ ลูกากู เพิ่งอายุเพียง 20 ปี เวลานั้น มูรินโญ่ เพิ่งกลับมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งที่สอง แต่กองหน้าก็ได้ลงเล่นเพียง 3 นัด จากม้านั่งสำรองก่อนจะถูกปล่อยยืมไป เอฟเวอร์ตัน

นั่นพิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์มหาศาลสำหรับดาวรุ่งในเวลานั้น ซึ่งทำไป 15 ประตู ในพรีเมียร์ลีก

แต่ก็ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนในการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ที่มี ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาม ดีเอโก้ คอสต้า และ โลอิก เรมี่ ขวางหน้าอยู่ ดังนั้น สิงห์บลูส์ จึงตอบรับข้อเสนอ 28 ล้านปอนด์ ของ เอฟเวอร์ตัน ในการขาย ลูกากู ออกไป

มูรินโญ่ อาจคาดหวังว่าเส้นทางของเขาจะไปบรรจบกับดาวเตะเบลเยียมร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ในเวลาต่อมาเขาได้อธิบายว่า ลูกากู เป็นเพียงเด็กในช่วงเวลาของเขา

ในปี 2017 หลังจากที่ ลูกากู สร้างความประทับใจอย่างเต็มที่ตลอด 3 ฤดูกาลของเขาในถิ่นกูดิสัน พาร์ค มูรินโญ่ ก็เซ็นสัญญากับเขาเพื่อมาเป็นดาวยิงตัวหลักในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวระดับ 75 ล้านปอนด์

ลูกากู ในวัย 24 ปี ฌ ตอนนั้นก็เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และทำได้ 27 ประตูในซีซั่นเปิดตัว โดยทีมจบอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก

ในฤดูกาลถัดมา หลังจากที่ เบลเยียม ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก ลูกากู ก็ต้องดิ้นรนเพื่อทำผลงานให้ได้สูงเท่าระดับเดิม

การปืนฝืด 12 เกมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งในหลายปัจจัย ซึ่งก็ไม่ได้น้อยไปกว่าความบาดหมางกับ ปอล ป็อกบา ขณะที่ มูรินโญ่ ถูกไล่ออกในวันคริสต์มาสปี 2018

ไม่นานก่อนหน้านั้น ลูกากู ได้เปิดใจถึงความชื่นชมในตัว มูรินโญ่ จากการให้สัมภาษณ์กับ Bleacher Report

เมื่อถูกถามว่าเาขเป็นหนึ่งในลูกรักของ มูรินโญ่ หรือไม่ เขาตอบว่า "หนึ่งในนั้นเหรอ ใช่ เพราะผมทะลายกำแพงของเขา และเขาก็รู้เรื่องนี้ดี"

"เขาเป็นโค้ชประเภทที่เขาจะซื่อสัตย์กับคุณและบอกคุณว่ามันเป็นยังไงบ้าง และถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับเรื่องนั้นได้ ผมหมายความว่านั่นคือปัญหาใหญ่"

ลูกากู กล่าวเสริมว่า "การทำงานกับเขาตอนผมอายุ 24 ปี แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการทำงานกับเขาตอนอายุ 19-20 ปี ตอนที่ผมอายุ 19-20 ปี มันยากสำหรับผม โอ้ เวรเอ๊ย ผมหมายถึง เฮ้ ชายคนนี้ทำงานด้วยยากมาก"

"แต่ตอนอายุ 24 ปี ผมหมายถึง ผมเข้าใจเขาแล้ว ผมเข้าใจเขาแล้วในตอนนี้ ผมดีขึ้น ผมพัฒนาขึ้นในฐานะผู้เล่น"

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ได้มีสายสัมพันธ์แบบเดียวกันกับ ลูกากู เขาชอบ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในแดนหน้า และสไตล์การเล่นที่รวดเร็วกว่า ดังนั้นเวลาลงสนามและจำนวนประตูของ ลูกากู จึงเหือดแห้งไป

เขาทำ 2 ประตูในการคัมแบ็กอย่างน่าอัศจรรย์ของ ยูไนเต็ด เหนือ เปแอสเช แต่มันก็เซอร์ไพรส์เล็กน้อยเมื่อเขาถูกขายให้ อินเตอร์ ในซัมเมอร์นั้น

ทั้ง มูรินโญ่ และ ลูกากู ต่างหวังว่าครั้งที่ 3 จะประสบความสำเร็จอีกครั้ง พวกเขามีความผูกพันและความเข้าใจซึ่งกันและกันที่แน่นแฟ้นในการต่อยอด

บางที ลูกากู คงจะได้รับความรักที่เขาปรารถนาอย่างที่ต้องการอีกรอบแล้วก็ได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด