:::     :::

พรีเมียร์ลีกทุบสถิติตลาดซัมเมอร์อีกครั้ง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอีกครั้งตลาดซัมเมอร์ของพรีเมียร์ลีกมีการใช้เงินมหาศาลในการซื้อผู้เล่นใหม่ และทำลายสถิติเดิมลงอย่างราบคาบ

ตามข้อมูลของ "เดอลอยต์" บริษัททางด้านการเงินและการบัญชีชื่อดังระดับโลกรายงานว่าตลาดพรีเมียร์ลีกประจำซัมเมอร์ 2023 ที่เพิ่งปิดตัวลงมีการใช้เงินซื้อแข้งใหม่รวมทั้งหมด 2.36 พันล้านปอนด์ ทำลายสถิติเดิมในซัมเมอร์ปีที่แล้วที่ใช้เงินไป 1.92 พันล้านปอนด์ หรือมากกว่าเดิม 440 ล้านปอนด์ 

ในวันสุดท้ายของตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ทีมพรีเมียร์ลีกใช้เงินรวม 255 ล้านปอนด์ คิดเป็นมากกว่าสองเท่าของวันสุดท้ายตลาดซัมเมอร์ปีก่อนที่ใช้เงินไป 120 ล้านปอนด์

และตลาดซัมเมอร์เดียวในครั้งนี้ก็เกือบเท่ายอดใช้จ่ายในสองตลาดของฤดูกาลที่แล้วรวมกันซึ่งใช้เงินไป 2.73 ล้านปอนด์ 

แน่นอนว่าในตลาดหน้าหนาวช่วงกลางฤดูกาลที่รออยู่ช่วงต้นปีหน้า ทีมพรีเมียร์ลีกจะทุบสถิติเดิมลงได้อย่างแน่นอน 

ตัวเลขน่าสนใจหลังปิดตลาดซัมเมอร์ล่าสุด

∎ นับรวม 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่มี ลา ลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส เข้าไปด้วย พรีเมียร์ลีก ใช้เงินซื้อผู้เล่นใหม่คิดเป็น 48 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด หรือเกือบครึ่งเลยทีเดียว

∎ สโมสรในพรีเมียร์ลีกได้เงินจากการขายนักเตะให้สโมสรต่างแดน 550 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติซัมเมอร์ปีก่อนที่ได้ไป 210 ล้านปอนด์ ซึ่งหลายทางใหม่ที่ขายได้เงินมากสุดคือ ซาอุดิอาระเบีย

พรีเมียร์ลีก และ ลีก เอิง เป็นสองลีกจาก 5 ลีกใหญ่นี้ที่ใช้เงินซื้อนักเตะมากกว่าที่ขายนักเตะได้ 

  ∎ มีการย้ายทีม 13 รายที่ค่าตัวเกิน 50 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นี้ มากกว่าในสองซัมเมอร์ก่อนหน้านี้รวมกัน

ทิม บริดจ์ จาก เดอลอยต์ กล่าวว่า "การใช้จ่ายเงินเป็นสถิติสองซัมเมอร์ติดต่อกันของสโมสรพรีเมียร์ลีกสะท้อนถึงรายได้ที่เติบโตขึ้นปีต่อปีนับตั้งแต่กลับมาแข่งขันได้เต็มรูปแบบหลังพ้นช่วงโรคระบาด"

"เกือบสามเท่าของสโมสรพรีเมียร์ลีก (14 สโมสร) ใช้เงินในซัมเมอร์นี้มากกว่าซัมเมอร์ที่แล้วซึ่งสะท้อนได้ถึงความเอาจริงเอาจังที่เพิ่มขึ้นในการแข่งขัน"

"ขณะเดียวกัน สถานการณ์เหล่านี้ก็ได้เพิ่มความกดดันให้สโมสรต่างๆ ในการเสาะหานักเตะพรสวรรค์มาร่วมทีมเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการยุโรป หรือแม้กระทั่งอยู่รอดได้เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไป"


ดีลสำคัญในวันปิดตลาด?

การย้ายทีมแพงสุดในวันปิดตลาดคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซ็นสัญญา มาเตอุส นูเนส จาก วูล์ฟส์ ในราคา 55 ล้านปอนด์ ขณะเดียวกันก็ปล่อยตัว โคล พาลเมอร์ ดาวรุ่งอนาคตไกลไปให้ เชลซี ในด้วยค่า 40 ล้านปอนด์ 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพคึกคักในวันสุดท้ายดึงตัว อัลตาย บายินเดียร์ ผู้รักษาประตูคนใหม่มาจาก เฟเนร์บาห์เช่ ในราคา 4.5 ล้านปอนด์ ตามด้วยยืมตัว โซฟียาน อัมราบัต จาก ฟิออเรนติน่า, เซร์คิโอ เรกีลอน แบ็กซ้ายจาก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และเซ็นสัญญาระยะสั้นอีกรอบกับ จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังจอมเก๋าชาวไอร์แลนด์เหนือ

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เป็นทีมที่วิ่งวิ่นมากสุดในวันปิดตลาดการดึงแข้งใหม่มาร่วมทีมอีก 7 รายโดยมีดีลสำคัญคือ ดิว็อค โอริกี้ จาก เอซี มิลาน, นูโน่ ตาวาเรส จาก อาร์เซน่อล, อิบราฮิม ซ็องกาเร่ จาก พีเอสวี, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย จาก เชลซี และ นิโกลัส โดมิงเกซ จาก โบโลญญ่า 

นอกจากนี้่ยังมีอีกหลายดีลที่น่าสนใจ

ไรอัน กราเฟ่นแบร์ค จาก บาเยิร์น มิวนิค ไป ลิเวอร์พูล 34.3 ล้านปอนด์

อันซู ฟาตี าก บาร์เซโลน่า ไป ไบรท์ตัน สัญญายืมตัว

เบรนแนน จอห์นสัน จาก ฟอเรสต์ ไป สเปอร์ส 45 ล้านปอนด์

อเล็กซ์ อีโวบี้ จาก เอฟเวอร์ตัน ไป ฟูแล่ม 22 ล้านปอนด์

อัลเบิร์ต แซมบี้ โลคองก้า จาก อาร์เซน่อล ไป ลูตัน ทาวน์ สัญญายืมตัว

เกลม็องต์ ล็องเลต์ จาก บาร์เซโลน่า ไป แอสตัน วิลล่า สัญญายืมตัว 

เมสัน กรีนวู้ด จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป เคตาเฟ่ สัญญายืมตัว

ร็อบ โฮลดิ้ง จาก อาร์เซน่อล ไปคริสตัล พาเลซ 4 ล้านปอนด์

หลุยส์ ซินิสเตร์ร่า จาก ลีดส์ ไป บอร์นมัธ สัญญายืมตัว  


ดีลไหนแพงสุดประจำซัมเมอร์นี้? 

มีการย้ายทีมซัมเมอร์นี้ 2 รายที่ค่าตัวแตะหลัก 100 ล้านปอนด์คือ เชลซี ที่เซ็นสัญญา มอยเซส ไกเซโด้ มาจาก ไบรท์ตัน ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 100 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มถึง 115 ล้านปอนด์ซึ่งกลายเป็นสถิติตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ขณะที่ อาร์เซน่อล ก็คว้าตัว เดแคลน ไรซ์ มาจาก เวสต์แฮม ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 5 ล้านปอนด์

แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่ายไม่น้อยในซัมเมอร์นี้ซึ่งนอกเหนือจาก มาเตอุส นูเนส แล้วก็ยังมี ยอสโก้ กวาร์ดิโอล จาก แอร์เบ ไลป์ซิก 77 ล้านปอนด์, เฌเรมี่ โดกู จาก แรนส์ 55.4 ล้านปอนด์ และ มาเตโอ โควาซิช จาก เชลซี 25 ล้านปอนด์ 

ส่วนทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญา ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าคนใหม่ด้วยค่าตัว 72 ล้านปอนด์ ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ก็ทุ่มไป 55 ล้านปอนด์ในดีลของ ซานโดร โตนาลี่ และอีก 38 ล้านปอนด์ดึงตัว แอชลีย์ บาร์นส์ มาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ตกชั้นไป 

รองแชมป์เก่า อาร์เซน่อล ที่นอกจากได้ ไรซ์ มาเสริมแดนกลางแล้วก็ยังมี ไค ฮาแวร์ตซ์ จาก เชลซี 65 ล้านปอนด์, ยูร์เรียน ทิมเบอร์ จาก อาแจ็กซ์ 34 ล้านปอนด์ และยืมตัว ดาบิด ราย่า มาจาก เบรนท์ฟอร์ด ด้วยสัญญายืมตัว

ลิเวอร์พูล ผ่าตัดแดนกลางใหม่ดึงตัว โดมินิค โซโบสไล มาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ จาก ไบรท์ตัน 35 ล้านปอนด์, วาตารุ เอ็นโด จาก สตุีตการ์ท 16.2 ล้านปอนด์ และล่าสุด ไรอัน กราเฟ่นแบร์ค 


เชลซี ทีมจอมช้อปประจำซัมเมอร์ 

นี่คือตลาดนักเตะรอบสามของ เชลซี ในยุคเจ้าของใหม่ ท็อดด์ โบห์ลี่ ที่ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะแผ่วในเรื่องใช้เงินแม้แต่นิด 

เชลซี ทุบคลังไปอีกไม่น้อยกว่า 380 ล้านปอนด์ มากกว่าทุกทีมในยุโรปสำหรับการดึงแข้งใหม่ 10 รายมาร่วมทีมในตลาดซัมเมอร์นี้ 

ก่อนหน้านี้ เรอัล มาดริด เคยเป็นเจ้าของสถิติใช้เงินมากสุดในตลาดรอบเดียวที่ 292 ล้านปอนด์ตอนซัมเมอร์ 2019 แต่ตอนนี้ เชลซี แซงหน้าแบบไม่เห็นฝุ่น 

นั่นเท่ากับว่า ในสามตลาดนักเตะล่าสุด เชลซี ของ "เสี่ยท็อดด์" ใช้เงินซื้อนักเตะใหม่รวมกันทะลุ 1 พันล้านปอนด์เป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนว่าคงไม่หยุดเพียงแค่นี้ตราบใดที่ยังไม่สามารถเสกความสำเร็จให้ทีมได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด