อนาคตและโอกาสที่เหลืออยู่ของ ไบจ์เซติก
หมุนเข็มนาฬิกากลับไปในครึ่งฤดูกาลหลัง ชื่อของ สเตฟาน ไบจ์เซติก คือดาวรุ่งที่โผล่ขึ้นมาประคับประคองแดนกลางของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างถูกจังหวะ เพราะช่วงที่เขาเบียดรุ่นพี่ขึ้นมาเป็นตัวจริงนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่บรรดากองกลางตัวหลักของทีมบาดเจ็บและฟอร์มหลุดกันแทบทุกคน ไฮไลท์เด่น ๆ คือ ไบจ์เซติก คือเกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเขาเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ กับบทบาทกองกลางหมายเลข 6 ที่ทะลุทะลวงขึ้นไปถึงแดนบนได้บ่อยครั้ง วิสัยทัศน์การเล่นโตเกินวัย อีกทั้งยังมีความนิ่งจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือผลงานของเด็กอายุแค่ 18 ไบจ์เซติก ฉกฉวยโอกาสให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เห็นแววในช่วงเตรียมทีมระหว่างที่เตะฟุตบอลโลกช่วงกลางฤดูกาล เขาบัญชาการเกมตรงกลางสนามในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องได้เนียนตา ออกบอลเนียนกริ๊บ จนได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังมากถึง 19 นัดจากทุกรายการ แถมยังทำประตูแรกให้ทีมได้อีกต่างหากในเกมกับ แอสตัน วิลล่า ขึ้นแท่นเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ทำประตูให้ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ เป็นรองแค่พวกตัวรุกอย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพียงสองคนเท่านั้น กับในฤดูกาลใหม่นี้ ช่วงที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้เซ็นนักเตะใหม่เข้ามา หลายคนคาดหวังว่า ไบจ์เซติก อาจจะยืนระยะคอยทำงานในแดนกลางช่วยทีมได้ แต่พอทีมลงตลาดซื้อนักเตะในตำแหน่งเดียวกับเขาเข้ามามากมาย ทำให้เกิดคำถามตัวโต ๆ ว่า จะยังพอมีที่เหลือให้เขาได้ลงสนามบ้างมั้ย? "ผมเข้าใจสถานการณ์ของสโมสรนะ ทีมเราเสียนักเตะตัวหลักไปหลายคน รวมถึงกัปตันทีมด้วย เราจึงต้องเสริมทัพเข้ามาทดแทน ผมคิดว่าพวกเขาจะช่วยทีมเราได้เยอะมาก ๆ ในฤดูกาลนี้" "อเล็กซิส คือคนที่เรารู้จักมากที่สุด เพราะว่าเราดวลกันมาแล้วในลีก และผมก็เคยปะทะกับเขา ผมคิดว่าเขาคือคนที่จะช่วยทีมได้เยอะและไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย" เมื่อถูกถามว่ากลัวเรื่องที่จะเสียตำแหน่งในทีมไปบ้างมั้ย และมีใครที่เป็นพี่เลี้ยงในทีม เขาตอบว่า "มันไม่ใช่เรื่องน่าวิตก เพราะนักเตะใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อช่วยทีมเราให้ดีขึ้น ในทีมของเราผมมี ติอาโก้ ที่คอยช่วยเหลือผมเสมอ และทุก ๆ วันผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เรียนรู้บางอย่างที่แตกต่างออกไปจากเขาและจากผู้เล่นเก่ง ๆ คนอื่น สำหรับผมแล้ว ผมรู้ดีว่าจำเป็นที่จะต้องเก็บประสบการณ์อีกเยอะมาก ๆ กว่าจะไปถึงจุดที่ ติอาโก้ ทำได้ การได้เรียนรู้จากเขาคือสิ่งที่ดีมาก ๆ" ไบจ์เซติก ไม่เคยแสดงความกังวลถึงโอกาสในการลงสนามที่จะลดน้อยถอยลงไปจากฤดูกาลก่อนเลยสักนิด เขาเชื่อมั่นว่าหากเขาซ้อมได้ดี อดทนรอโอกาสไปเรื่อย ๆ สักวันก็จะถึงเวลาที่เขาได้ลงเล่นเอง แบบที่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่แล้ว "กับการเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล นั้น คุณต้องตระหนักรู้เสมอว่ามีการแข่งขันที่สูงเสมอ จำเป็นที่ต้องพยายามต่อสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเอง ไม่มีอะไรสามารถการันตีตำแหน่งในทีมได้เลย ต้องพัฒนาตัวเอง และรอโอกาส" "ผมรู้ดีว่าหากผมทำงานของผมไปเรื่อย ๆ และพยายามพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สักวันผมจะได้โอกาสเอง บางทีอาจไม่ใช่บทบาทกองกลางหมายเลข 6 แบบที่เคยเล่น แต่อาจเป็นกองกลางฝั่งซ้ายหรือบทบาทอื่นก็ได้ สิ่งที่ต้องทำคือปรับตัวกับสิ่งที่โค้ชต้องการก็พอ" ทัศนคติของ ไบจ์เซติก ค่อนข้างน่ายกย่อง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ใคร ๆ ดูก็รู้ว่ามีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย มีความคิดที่โต และเล่นฟุตบอลแบบคนเข้าใจเกม แตกต่างจากเด็กคนอื่นที่พอได้รับโอกาสแล้วก็เริ่มหลงระเริงจนพลาดการพัฒนาตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย "ผมมีความสุขที่ได้ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ได้ หากโค้ชส่งผมเล่นเป็นศูนย์หน้าผมก็จะทำมัน และจะทำมันให้ดีที่สุดด้วย" แม้ว่าโอกาสในทีมชุดใหญ่ปีนี้อาจน้อยลง แต่มันจะเป็นการพิสูจน์คุณค่าในตัวของ ไบจ์เซติก ว่าเขาดีพอสำหรับ ลิเวอร์พูล ในระยะยาวหรือไม่? เป็นขวบปีที่มองข้ามไม่ได้ และบางที ลิเวอร์พูล อาจได้ประโยชน์จากตัวเขามากกว่าที่คิดก็ได้ ใครจะรู้