มาร์ก-อันเดร แทร์ ชเตเก้น นายทวารชาวเยอรมันของ บาร์เซโลน่า ยืนยันว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อ ชาบี เอร์นานเดซ เกี่ยวกับการทำทีมของเทรนเนอร์วัย 43 ปีว่าขัดแย้งกับ ดีเอ็นเอ ของยักษ์ใหญ่แคว้นกาตาลุนย่า โดยระบุว่าทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระอย่างสมบูรณ์

ชาบี ทำงานแบบเต็มซีซั่นฐานะเทรนเนอร์ทีมอาซูลกราน่าด้วยการนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลา ลีกา และ ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า แต่กลับถูกเสียงนกเสียงกาวิจารณ์ว่าชัยชนะดังกล่าวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจาก ดีเอ็นเอ อันโด่งดังของสโมสร หลัง บาร์เซโลน่า กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรับมากขึ้นภายใต้เทรนเนอร์วัย 43 ปี ก่อน แทร์ ชเตเก้น จะมองว่าเสียงวิจารณ์เหล่านั้นเป็นเรื่องไร้สาระ

'นั่นเป็นเรื่องไร้สาระอย่างสิ้นเชิง ทุกปรัชญาต้องมีวิวัฒนาการ ตอนที่ ชาบี ลงเล่น คุณภาพของทีมบาร์ซ่าสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง' นายทวารวัย 31 ปีกล่าว

'ตั้งแต่นั้นมาทุกอย่างก็มีความสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะด้านร่างกาย นั่นเป็นสาเหตุที่ตอนนี้เราต้องหาวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างจากที่เราทำในตอนนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ เขาพยายามสร้างความมั่นคงให้เรา และนั่นก็จำเป็นมาก'

แทร์ ชเตเก้น ยังเปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับ ชาบี หลังเคยเล่นด้วยกันตอนที่เขาย้ายมาจาก มึนเช่นกลัดบัค ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ก่อนจะอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาลนั้น จนกระทั่งหวนกลับมารับตำแหน่งเทรนเนอร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 และกลายเป็นบอสของนายทวารชาวเยอรมันในตอนนี้ 

'ตอนที่เขาออกจาก เอฟซี บาร์เซโลน่า ในปี 2015 เรายังคงติดต่อกันอยู่ เรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษ มันเป็นความสัมพันธ์ที่เปิดกว้างมาก ถ้าเขาวิจารณ์เรื่องกีฬา ผมก็เปิดรับมันอย่างเต็มที่ นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ของเรา ผมสามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวและเรื่องอาชีพออกจากกันได้'

มันไม่ใช่ความลับที่ บาร์เซโลน่า ไม่ได้อยู่ในสถานะทางการเงินที่ดีนักและต้องดำเนินทุกมาตรการที่สามารถทำได้ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่ง แทร์ ชเตเก้น ยอมรับในเรื่องดังกล่าว และยืนยันว่าสโมสรได้ทำการตัดสินใจที่สำคัญบางอย่างเพื่อนำทีมก้าวไปข้างหน้า 

'แน่นอนว่าเราในฐานะนักเตะสังเกตเห็น แต่เราแทบจะไม่พูดถึงมันเลย สโมสรกำลังทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้เพื่อพัฒนาทีมของเรา แม้จะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากก็ตาม'

'ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการตัดสินใจที่ดีมากมายที่ทำให้สโมสรก้าวไปข้างหน้าทั้งในด้านการเงินและกีฬา แต่บางคนก็เจ็บปวดมาก โดยเฉพาะเรื่องการเลิกจ้าง'

ขณะที่ แทร์ ชเตเก้น ก็มีส่วนช่วยสโมสรแก้ไขปัญหาเรื่อง ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ เช่นเดียวกัน หลังนายทวารชาวเยอรมันเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ บาร์เซโลน่า จนถึงปี 2028 เขาตกลงเลื่อนรับค่าจ้างช่วง 2 ปีนี้ไปเป็นปี 2025 และยังยอมลดค่าจ้างลงอีก 30 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 3 ปีสุดท้ายของข้อตกลงด้วยเพื่อช่วยสโมสรสามารถเซ็นสัญญาและลงทะเบียนนักเตะอย่างที่คาดว่า

'ผมไม่ต้องการลงรายละเอียด เราค้นพบทางออกที่ดีซึ่งดีต่อทั้งสองฝ่าย ผมรู้สึกขอบคุณสโมสรมากที่มอบความมั่นใจให้ผมตั้งแต่แรกเริ่ม ในแง่นี้ผมอยากจะตอบแทนบางอย่างเช่นกัน'

แทร์ ชเตเก้น ยังกล่าวถึงอนาคตของเขาเพิ่มเติมว่า 'ผมจินตนาการว่าตัวเองอยู่ใน บาร์เซโลน่า ตลอดชีวิตผม ในบาร์เซโลน่า ทุกอย่างลงตัวกับผมทั้งในด้านกีฬาและเรื่องส่วนตัว'

'ผมตัดสินใจร่วมกับครอบครัว เรารู้สึกสบายใจมากในเมือง ผู้คนเคารพเรา ถ้าผมจนอยู่ครบสัญญาของผมอย่างที่ผมหวัง เราจะอยู่ที่นี่เป็นเวลา 14 ปี และแผนนี้ไม่ใช่สัญญาฉบับสุดท้ายของผม แม้ว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของร่งกายที่จะตัดสินใจ'

บาร์เซโลน่า วางแผนดึง ลีโอเนล เมสซี่ หวนคืนสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ก่อนกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์จะย้ายไปค้าแข้งกับ อินเตอร์ ไมอามี่ ซึ่ง แทร์ ชเตเก้น ยอมรับว่าเสียดายที่ความพยายามของสโมสรไม่เป็นผล

'มันจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับเราอย่างแน่นอนหากได้ เมสซี่ กลับมา บางทีเขาอาจจะกลับมามีบทบาทอื่นอีกครั้ง บาร์เซโลน่า เป็นสโมสรของเขาและจะเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขาตลอดไป'

ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ลามีน ยามาล แนวรุกวัย 16 ปี ซึ่งเป็นแข้งดาวรุ่งคนล่าสุดของสโมสรที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เมสซี่ จากผลงานของเขากับทีมอาซูลกราน่าในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ 

'ทัศนคติที่ไร้กังวลของเขาดีสำหรับเรา ผมหวังว่าเขาจะมีมันอยู่เสมอ เขาจะต้องทำงานด้านร่างกาย แต่เขาอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น นอกสนาม ลามีน เป็นคนเงียบๆ เราควรให้เวลาเขาพัฒนาด้วยความสงบ เขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า' แทร์ ชเตเก้น กล่าว

นายทวารวัย 31 ปียังกล่าวถึง โนอาห์ ดาร์วิช มิดฟิลด์ดาวรุ่งร่วมชาติที่ย้ายจาก ไฟร์บวร์ก มาเซ็นสัญญากับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาว่า 'เขาฝึกซ้อมมาแล้วหลายครั้งกับทีมชุดใหญ่ ดังนั้นผมจึงพูดคุยกับเขาสั้นๆ เช่นเดียวกับ ลามีน ผมหวังว่า โนอาห์ จะได้เวลาลงเล่นอย่างที่เขาต้องการ'