แม้จะอยู่ในวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ว่าเจ้าตัวกลายเป็นคนสำคัญของ แรนส์ ในการลงเล่นลีก เอิง ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยลงเนให้กับทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 55 เกมในระดับสูง
การย้ายมาสู่ "สิงห์บลูส์" ถือเป็นการก้าวกระโดดจากทีมธรรมดาของแดนน้ำหอมมาสู่สโมสรระดับแถวหน้าไม่ใช่แค่ของ อังกฤษ แต่ของยุโรป
ทว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องรึเปล่า อูโกชุควู ตอบคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
"รถไฟจะไม่วิ่งผ่านมาซ้ำสอง" นั่นคือคำตอบของเขาเมื่อมีคนถามถึงเหตุผลที่ตัดสินใจอำลา แรนส์ เพื่อมาค้าแข้งให้กับ เชลซี หลังวันเกิดอายุครบ 19 ปีไม่เท่าไร
อูโกชุควู สถาปนาตัวเองกลายเป็นกำลังหลักในแดนกลางของทีมที่จบอันดับ 4 ของ ลีก เอิง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยได้ลงสนามไป 35 นัด และเล่นฟุตบอลรวม 2000 นาทีในทุกรายการ แน่นอนเขาตระหนักดีว่าโอกาสลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ยากกว่า แต่โอกาสในการย้ายมาเล่นให้ เชลซี น่าดึงดูดใจเกินกว่าจะปฏิเสธได้
"แค่มองดูถ้วยรางวัลทุกใบที่พวกเขาคว้ามา และตำนานมันตอนนี้ขึ้นอยู่กับผมในการพิสูจน์ว่าผมสามารถมีตำแหน่งของตัวเองในระยะยาว ผมต้องการก้าวนี้ เมื่อมีสโมสรระดับนี้ติดต่อเข้ามาหาคุณ มันยากมากที่จะปฏิเสธ"
"ในทุกๆ ทีม คุณไม่มั่นใจว่าคุณจะได้ลงเล่นรึเปล่า"
"ตอนที่ผมมาถึง เชลซี ผมรู้เป้าหมายของตัวเอง มันขึ้นอยู่กับคุณในการพิสูจน์ตัวเอง แสดงให้เห็นว่าคุณคู่ควรกับตำแหน่งของคุณ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่กลัวเรื่องการแย่งตำแหน่ง ผมได้เรียนรู้จากนักเตะเก่งๆ อย่าง เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, มอยเซส ไกเซโด้ และ โรเมโอ ลาเวีย ซึ่งมีอายุเท่ากับผม ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับผมที่จะลุยและคว้าเวลาลงสนามให้มากที่สุด"
"สิ่งที่ผมได้เรียนรู้กับ เชลซี ในทุกวันและในระหว่างการแข่งขันจะทำให้ผมแข็งแกร่งและเติบโตมากยิ่งขึ้นกับเกมของผม เมื่อคุณอายุยังน้อย แน่นอนว่าคุณต้องได้ลงเล่น แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองพร้อมที่จะสู้เพื่อแย่งตำแหน่ง"
"ผมมีความเชื่อมั่นและมั่นใจศักยภาพของตัวเอง ในสิ่งที่ทำได้ ผมรู้ว่าหากผมทำสิ่งต่างๆ ได้ถูกต้อง ทุกอย่างมันก็จะเป็นไปตามแผน ผมได้รับความเชื่อมั่นจากสโมสรและสตาฟฟ์ นั่นช่วยผลักดันให้ผมพูดกับตัวเองว่า : ลุยเลย! หากพวกเขาเลือกนาย นั่นก็เพราะว่านายมีคุณภาพ'"
แม้ว่า อูโกชุควู จะเกิดและโตจากเมืองแรนส์ของ ฝรั่งเศส แต่เขามีพื้นฐานอันแข็งแกร่งของการเป็นคน ไนจีเรีย ซึ่ง คุณลุงของเขา ออนเยกาชี่ อาปาม เคยลงเล่นให้ "อินทรีมรกต" ซึ่งแม้ว่าอนาคตของเจ้าตัวจะอยู่กับทีมชาติฝรั่งเศส หลังเพิ่งลงเล่นไป 2 นัดให้ทีมยู-21 ระหว่างโปรแกรมเบรคทีมชาติ แต่รากเหง้าของ เลสลี่ย์ ช่วยให้เขาปรับตัวกับการใช้ชีวิตในอังกฤษได้
"การปรับตัวถือว่าไปได้ดี ผมยังอยู่ที่โรงแรม มันยังไม่ค่อยชินเท่าไร แต่ผมจะมีบ้านเร็วๆ นี้ ในทีมของเรามีนักเตะ ฝรั่งเศส อยู่บ้าง และผมก็เปิดกว้างกับทุกคน ผมมีพ่อ-แม่ที่มีเชื้อสายไนจีเรีย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายในการพูดภาษาอังกฤษ พ่อกับแม่ยังคงอยู่ที่ แรนส์ แน่นอนว่าบางครั้งผมก็อยากเจอพวกเขาบ่อยๆ แต่ชีวิตมันก็แบบนี้ จิตใจของผมพร้อม"
"การเซ็นสัญญากับสโมสรอย่าง เชลซี มีความหมายบางอย่างสำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน ที่ ไนจีเรีย นี่คือหนึ่งในสโมสรที่ทุกคนที่นั่นให้การสนับสนุน พวกเขามีความสุขมากๆ ที่บ้านเราแฮปปี้เสมอ และการได้เห็นข่าวดีภายในครอบครัวจึงเป็นเรื่องที่วิเศษ พ่อกับแม่ทำหลายอย่างเพื่อผม รวมทั้งพี่-น้อง มันสำคัญที่ผมจะตอบแทนพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาให้ผมมา"
อูโกชุควู ได้พูดถึง จอห์น โอบี มิเกล ว่าเป็นแรงบันดาลใจในช่วงเริ่มต้นอาชีพ ทั้งตำแหน่งการเล่นและเชื้อชาติที่เหมือนกัน ขณะที่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็เป็นอีกหนึ่งคน โดยเจ้าตัวใฝ่ฝันถึงการประสบความสำเร็จแบบเดียวกับแข้ง ไอวอรี่ โคสต์ หลังการย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก
"การได้เล่นในพรีเมียร์ ลีกคือความฝันในวัยเด็ก โดยเฉพาะกับ เชลซี ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ รวมทั้งในโลกนี้ด้วย"
"ที่นี่ ไม่ว่าคุณจะลงเล่นเป็นทีมเหย้าหรือทีมเยือน แฟนบอลก็จะร้องเพลงกันทุกที่ คุณอาจจะจ่ายบอลพลาด แต่หากคุณแย่งบอลคืนหรือเข้าสกัด พวกเขาจะตะโกนมาจากทั่วทุกทิศทาง บรรยากาศในสนามถือว่าสุดยอดมาก แฟนบอลคอยให้กำลังใจ พวกเขาเอาใจช่วยคุณ นี่คือพรีเมียร์ลีก!"
กับการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ของแข้งวัย 19 ปี ได้รับความช่วยเหลือจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งทั้งสองคนเคยพบกันมาก่อนที่ อูโกชุควู จะย้ายมาร่วมทีมในเดือนสิงหาคม
"คุณควรรู้ไว้ว่าการลงตัวจริงนัดแรกของผมกับ แรนส์ คือการเผชิญหน้ากับเขาตอนที่คุม เปแอสเช เขาคุยกับผมในเรื่องนี้ทันทีที่ผมไปสมทบกับทีมในอเมริกา"
"เขามองไปที่ผู้ช่วยแล้วพูดกับผู้ช่วยว่า 'นายรู้ไหม เป็นเพราะหมอนี่ที่ทำให้เราไม่ได้แชมป์?' มันเป็นเรื่องใหญ่มากที่เขาจำได้ ตอนนั้นผมอายุ 17 ปี และผมไม่คิดว่าเลยว่าเขาจะจำได้ เราเสมอกัน 1-1 และ ปารีส ก็จบด้วยการตามหลัง ลีลล์ ทีมแชมป์ในฤดูกาลนั้น 1 คะแนน
"สิ่งต่างๆ กับโค้ชถือว่าไปได้ดีมากๆ เขามอบความเชื่อมั่นให้ผมตั้งแต่มาร่วมทีม เขาบอกให้ผมใส่เต็มสูบและไม่ต้องผ่อน บอกให้ผมมั่นใจในตัวเอง และบอกว่าผมได้มาที่นี่เพราะว่าผมมีคุณภาพดีพอที่จะได้มาอยู่ที่นี่"
มารอติดตามการเดินทางของ เลสเล่ย์ อูโกชุควู ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนกับ เชลซี
