อาร์เซน่อล โคจรมาพบกับ ล็องส์ ในการแข่งขันถ้วยใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี หรือนับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกในปี 1998

ในครั้งนั้น ล็องส์ ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกเช่นกัน นั่นทำให้ทั้งสองทีมต่างเป็นคู่แข่งทีมแรกของกันและกัน

อาร์เซน่อล ได้กลับมาเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งหลังห่ายหายไป 6 ปี ส่วน ล็องส์ ก็หวนคืนรายการใหญ่สุดของยุโรปเป็นครั้งแรกรอบ 21 ปี

ฤดูกาลที่แล้วต่างทำเซอร์ไพรส์แอบมีลุ้นแชมป์ลีกในประเทศ และลงเอยด้วยการได้ตำแหน่ง "รองแชมป์" เหมือนกัน

ปืนใหญ่เปิดหัวนัดแรกฤดูกาลนี้ได้ยอดเยี่ยมเปิดรังอัด พีเอสวี 4-0 ขณะที่ ล็องส์ ถือว่าโอเคบุกเสมอ เซบีย่า มีคะแนนติดมือในฐานะทีมเยือน

มิเกล อาร์เตต้า ปรับทัพเล็กน้อยจากเกมลีกล่าสุดที่บุกชนะ บอร์นมัธ 4-0 ด้วยการส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงเล่นเกมรุกฝั่งซ้ายเพื่อให้ กาเบรียล เชซุส ขยับไปยืนหน้าเป้าอีกครั้ง ส่วนแบ็กขวาให้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ลงเล่นแทน เบน ไวท์

ประตูแรกของ อาร์เซน่อล มาเร็วตั้งแต่ 15 นาทีแรกเมื่อผู้เล่นล็องส์จ่ายบอลไม่ดี บูคาโญ่ ซาก้า จึงพุ่งเข้าไปตัดบอลให้ กาเบรียล เชซุส ได้โยกแล้วยิงตรงเขตโทษเข้าเสาไกลอย่างยอดเยี่ยม

ทว่า ล็องส์ ก็ฉวยโอกาสจากการเปิดบอลที่ไม่ละเอียดของ อาร์เซน่อล ได้เช่นกันและจบด้วยการทำประตูตีเสมอ 

ดาบิด ราย่า เปิดยาวออกด้านขวากะให้ โทมิยาสึ ทว่า เดยเวร์ มาชาโด้ ปราดเข้าถึงบอลก่อนโยกให้ เอลี่ วาอีก พักอกแล้วดีดบอลต่อให้ อาเดรียง โตมาสซง วิ่งมายิงด้วยขวาแบบไม่ต้องจับส่งบอลโค้งหนีมือ ราย่า เข้าเสาไกลสวยงาม

เชซุส มีโอกาสและยิงได้ต้นเกมแต่จากนั้นก็งานที่ไม่ง่าย

เจ้าถิ่นเข้าทำจังหวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัดบอลได้โจมตีทันที และจบสกอร์เด็ดขาด

การเล่นของ ล็องส์ เป็นไปตามที่หลายคนคาดกับการรอจังหวะตัดบอลแล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุก พวกเขาเข้าแท็กเกิ่ลแย่งบอลสำเร็จ 8 จาก 16 ครั้ง ขณะที่ อาร์เซน่อล เข้าแท็กเกิ้ลเพียง 7 ครั้งเท่านั้น

แม้ปืนใหญ่เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าและมีโอกาสทำประตูที่สองหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ บรีซ แซมบ้า นายทวารเจ้าถิ่นที่เซฟไป 5 ครั้ง 

แซมบ้า เคยดวลกับ อาร์เซน่อล มาแล้วสมัยเล่นให้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่พาทีมโค่นปืนใหญ่ในเอฟเอ คัพ และครั้งนี้เขาก็ปฏิเสธโอกาสลุ้นประตูจากทั้ง เลอันโดร ทรอสซาร์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ รวมถึงตัวสำรอง เอมิล สมิธ โรว์ และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์

อาร์เตต้า สรุปหลังเกมว่า "ความแตกต่างระหว่างเกมในวันนี้กับเกมพบ พีเอสวี นั้นชัดเจน ความแตกต่างคือในเขตโทษ เรามีโอกาสชัดเจน 4-5 ครั้ง แต่ไม่สามารถส่งบอลเข้าประตูได้ และเราก็ป้องกันได้ไม่ดีมากพอ"

อาร์เซน่อล ไม่สามารถบวกประตูที่สองได้ในช่วงเวลาเกือบ 80 นาทีหลังทำประตูแรก แต่กลับกันเป็นทางฝั่ง ล็องส์ ที่ทำประตู

ประตู 2-1 ของ ล็องส์ เข้าทำได้ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากประตูแรกกับการต่อบอลขึ้นทางขวาก่อนเป็น เพอร์มีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ เปิดบอลเข้ากลางไปถึง เอลี่ วาอี วิ่งมายิงด้วยขวาผ่านมือ ราย่า เข้าเสาไกลอย่างเด็ดขาด

จังหวะนี้มีผู้เล่น อาร์เซน่อล ถึง 7 คนในเขตโทษ ขณะที่ ล็องส์ มีเพียง 2 คน ทว่าด้วยความแม่นยำในการเล่นทำให้ วาอี ได้ยิงเน้นๆ 

วาอี รายนี้ไม่ธรรมดาเลยกับอายุเพียงแค่ 20 ปีที่ถูกมาทดแทน โลอิส โอเปนด้า ที่ย้ายไป แอร์เบ ไลป์ซิก 

บรรยากาสการเชียร์อันสุดยอดของ ล็องส์ 

ฤดูกาลนี้ที่แล้วเป็นดาวซัลโวของ มงต์เปลลิเย่ร์ และตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับ ล็องส์ ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เกมลีกนัดล่าสุดก็เป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมบุกชนะ สตราส์บูร์ก 1-0

อีก 2 คนที่เด่นของเจ้าถิ่นคือ อาเดรียง โตมาสซง และ เพอร์มีสลาฟ ฟรานคอฟสกี้ ที่สอดเข้าพื้นที่สุดท้ายได้อันตรายบ่อยครั้งโดยเฉพาะทางฝั่งขวา

เกมนี้ ล็องส์ ขึ้นฝั่งขวาหรือเกมรับฝั่งซ้ายของ อาร์เซน่อล เป็นหลัก (48 เปอร์เซ็นต์) เพราะเป็นพื้นที่ที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ต้องขยับไปเล่นตรงกลาง และบ่อยครั้งที่ลงไม่ทันเมื่อเจอคู่แข่งทำเกมรุกกันเร็ว

เจ้าถิ่นใช้โอกาสไม่เปลืองทำได้ 2 ประตูจาก 3 ครั้งที่ยิงเข้ากรอบซึ่งนี่คือสิ่งทีมที่ถูกมองว่าเป็นรองต้องมีเล่นให้มีประสิทธิภาพแบบนี้ถึงจะลุ้นผลการแข่งขันที่ต้องการได้

ล็องส์ ได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อีกนัดในการเล่นถ้วยยุโรปและขยับไปรั้งจ่าฝูงของกลุ่มอย่างพลิกความคาดหมายจากการได้ถึง 4 คะแนนในการเจอกับ เซบีย่า และ อาร์เซน่อล 

ส่วน อาร์เซน่อล ความปราชัยนัดนี้ยังไม่เสียหายมากนักเพราะผลอีกคู่ พีเอสวี เสมอ เซบีย่า ทำให้ตามหลัง ล็องส์ คะแนนเดียว และอยู่เหนือ เซบีย่า กับ พีเอสวี ที่ทมี 2 คะแนน และ 1 คะแนนตามลำดับ

ทว่าสิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคืออาการบาดเจ็บอีกรอบของ บูคาโย่ ซาก้า ที่ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก 

ซาก้า เจ็บซ้ำเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันแล้ว  และนั่นทำให้ต้องลุ้นอย่างหนักว่าจะฟิตทันเกมสำคัญกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์นี้หรือไม่

ถ้าปีกทีมชาติอังกฤษพลาดบิ๊กแมตช์กับเรือใบในสุดสัปดาห์นี้ จะเป็นสิ่งที่เสียหายยิ่งกว่าความปราชัยนัดแรกในฤดูกาลนี้อย่างไม่ต้องสงสัย