:::     :::

ว่าด้วยเรื่องฟุตบอลโลก 2030

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟีฟ่า ประกาศว่าฟุตบอลโลก 2030 จะมี สเปน,โปรตุเกส และ โมร็อกโก เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ความพิเศษคือจะเพิ่มชาติละตินอย่าง อุรุกวัย,อาร์เจนติน่า และ ปารากวัย เพิ่มเข้าไปด้วย โดยทั้ง 3 ชาติ จะได้ลงเล่นเกมแรกในบ้านตัวเอง หลังจากนั้นฟุตบอลโลกก็จะย้ายมาเล่น และปิดฉากกันที่ ยุโรป และ แอฟริกา

การตัดสินใจเกี่ยวกับฟุตบอลโลกครั้งนี้ของ ฟีฟ่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะมีการจัดกันใน 3 ทวีป 

กระนั้นประเด็นสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ ฟีฟ่า จะประกาศการเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลก 2030 นี้ในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งก็คือในอีกประมาณ 14 เดือนข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ไม่มากที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลักตามที่ได้แจ้งออกมาในรอบแรก สเปน,โปรตุเกส,โมร็อกโก จะยังคงได้เป็นเจ้าภาพอย่างแน่นอน แต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบางรายละเอียดบางประการ 


ในเรื่องวันจัดการแข่งขันนั้น ทัวร์นาเมนท์จะเปิดฉากในวันที่ 8 หรือ 9 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นการลงเล่นเกมแรกของ อุรุกวัย,อาร์เจนติน่า และ ปารากวัย 

อุรุกวัย จะเล่นที่ มอนเตวิเดโอ,อาร์เจนติน่า จะเล่นที่ บ้วยโนสไอเรส และ ปรารากวัย จะเล่นที่ อาซุนซิโอน แต่ถึงจะลงเล่นก่อน แต่ทั้ง 3 เกม จะถูกยกเป็นการแข่งขันเพื่อรำลึกถึงวาระครบรอบ 100 ปีของฟุตบอลโลก จะไม่มีเกมใดถูกยกฐานะเป็นเกมนัดเปิดสนาม 



เกมนัดเปิดสนามเวิล์ดคัพ 2030 นั้นจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 หรือ 14 มิถุนายน แต่เวลานี้เรายังไม่ทราบว่าจะเล่นกันเวลาใด และที่สนามใด ที่แน่นอนคือจะอยู่ที่ สเปน,โปรตุเกส หรือไม่ก็ โมร็อกโก 


ส่วนวันที่ 15 หรือ 16 มิถุนายน นั้นจะเป็นการเล่นในรอบแบ่งกลุ่มของกลุ่มอุรุกวัย,อาร์เจนติน่า และ ปารากวัย แต่ทั้ง 3 ชาติที่ต้องเดินทางจากอเมริกาใต้มานั้นจะไม่ลงเล่นนัดที่ 2 ของตัวเองจนกว่าจะถึงวันที่ 21 หรือ 22 มิถุนายน 


ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะเล่นกันในวันที่ 21 กรกฏาคม หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆว่าทัวร์นาเมนท์นี้จะกินเวลายาวนานถึง 45 วันเลยทีเดียวหากนับจากเกมแรก ซึ่งจะเป็นฟุตบอลโลกหนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์


สังเวียนนัดขิงชนะเลิศ ถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องมีความจุอย่างต่ำที่ 80,000 ที่นั่ง ซึ่งในทางทฤษฏี เหมือนการชี้กลายๆไปที่ เอสตาดิโอ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว รังเหย้าของ เรอัล มาดริด ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการรีโนเวทอยู่ ซึ่งต่อมา มิเกล อีเซต้า รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม และกีฬาของ สเปน จะแถลงว่า “นัดชิงชนะเลิศ จะถูกจัดขึ้นที่ สเปน”

อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก ก็ยังหวังว่าเกมนัดตัดสินแชมป์โลกจะถูกจัดขึ้นที่สนามแห่งอนาคตที่ กาซาบลังก้า 



สนามแห่งอนาคตที่ กาซาบลังก้า เป็นโปรเจ็คยักษ์ที่นายฟาอูซี่ เลกยา ประธานสหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโก (FRMF) นำเสนอต่อฟีฟ่าว่า โมร็อกโก จะสร้างสนามแห่งใหม่ที่เมืองกาซาบลังก้าซึ่งขนาดความจุ 93,000 ที่นั่งเพื่อเล่นนัดชิงฟุตบอลโลกโดยเฉพาะ ซึ่งในฟุตบอลโลก 2030 นี้ ฟีฟ่า ต้องการสนามแข่งขันราว 14-18 สนามที่ได้มาตราฐาน ซึ่ง โมร็อกโก มีแผนที่จะให้ 6 เมืองของประเทศได้จัดการแข่งขัน ได้แก่ อากาดีร์,มาร์ราเคช,กาซาบลังก้า,ราบัต,ทานเจอร์ และ เฟซ 


“สถานที่จัดการแข่งขันที่ไม่เพียงแต่จะตอบสนองความต้องการของ ฟีฟ่า เท่านั้น หากแต่ผู้ชมยังจะเพลิดเพลินไปกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความมั่งคั่งทางภูมิศาสตร์อีกด้วย” 

“เราหวังว่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์นัดชิงชนะเลิศอันแสนพิเศษเพื่อเป็นเกียรติแก่ทุกทวีปและคนหนุ่มสาวเจนฯใหม่ในสนามกีฬาที่ กาซาบลังก้า ซึ่งจะมีความพิเศษและมหัศจรรย์”  นายเลกยาร์ กล่าว

กระนั้นก็ตาม คงเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์แบบสุดๆ หากว่าสนามนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2030 ไม่ถูกจัดขึ้นที่มหาวิหารใหม่ของ เรอัล มาดริด  

ทั้งนี้สนามที่ผ่านเงื่อนไขของ ฟีฟ่า ในการจัดนัดชิงชนะเลิศนั้นมีเพียงแค่ 3 สนามเท่านั้นได้แก่ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว,คัมป์ นู และ สนามแห่งอนาคตที่ กาซาบลังก้า ส่วนที่ โปรตุเกส 3 สนามใหญ่สุดของพวกเขา ล้วนแล้วแต่มีความจุไม่ถึง 80,000 ที่นั่ง ส่วน คัมป์ นู คงเป็นไปได้ยากด้วยเหตุผลด้านการเมือง ส่วนที่ โมร็อกโก เรายังไม่เห็นความชัดเจนใดๆ ทำให้ เบร์นาเบว ถูกคาดหมายว่าจะได้รับเลือกอย่างแน่นอน

เมื่อมี 6 ชาติที่ได้จัดการแข่งขันก็เท่ากับว่าฟุตบอลโลกในอีก 7 ปีข้างสนามมีชาติที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายแน่นอนแล้ว 6 ชาติด้วยกัน อันได้แก่เจ้าภาพอย่าง สเปน,โปรตุเกส,โมร็อกโก,อุรุกวัย,อาร์เจนติน่า และ ปารากวัย ซึ่งก็จะทำให้ต้องมีการคัดเลือกอีก 42 ชาติเข้าไป



สำหรับสนามอื่นๆที่จะใช้ในการแข่งขันนอกเหนือไปจากนัดชิงชนะเลิศแล้ว สเปน ถือเป็นชาติเจ้าภาพที่มีความพร้อมมากที่สุด เพราะมีถึง 15 สนามที่ได้มาตราฐานของ ฟีฟ่า อันได้แก่ เอสตาดิโอ เด กราน กานาเรีย,ลา น้วยบา กอนโดมิน่า, RCDE สเตเดี้ยม,ลา โรมาเรด้า,เอล โมลีนอน,รีอาซอร์,บาไลดอส,ลา โรซาเลด้า,อาโนเอต้า,ซาน มาเมส,ลา การ์ตูฆา,เอสตาดิโอ เมโตรโปลีตาโน่,เมสตาย่า,คัมป์ นู และ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว ทั้ง 15 สนามที่ว่านี้จะถูกคัดเลือกโดยดูความพร้อมอีกที คร่าวๆคาดว่าจะตัดเหลือ 10 สนาม


        ส่วนที่ โปรตุเกส มี 3 สนามที่จะได้จัดการแข่งขันอย่างแน่นอน 3 แห่ง 2 แห่งอยู่ใน ลิสบอน และอีกแห่งอยู่ที่ ปอร์โต้ ได้แก่ เอสตาดิโอ ดาลุซ (เบนฟิก้า),เอสตาดิโอ โด ดราเกา (ปอร์โต้) หรือ เอสตาดิโอ โชเว่ อัลเวลาด (สปอร์ติ้ง ลิสบอน) 


ส่วนที่ โมร็อกโก นั้นเมืองที่มีความเป็นไปได้สูงสุดในการรับจัดการแข่งขันก็คือ ราบัต,กาซาบลังก้า,ทานเจอร์,อากาดีร์,มาราเคช และ เฟซ แต่ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

ส่วนฝั่ง อเมริกาใต้ นั้น ที่ อาร์เจนติน่า ก็น่าจะเป็นที่ เอสตาดิโอ โมนูเมนตัล (บ้วยโนสไอเรส), อุรุกวัย ที่ เอสตาดิโอ เซนเตนารีโอ (มอนเตวิเดโอ) และ ปารากวัย ที่ กอนเมโบล (อาซุนซิออน)


เจมส์ ลา ลีกา  



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด