นอกจากการพาสโมสรคว้าแชมป์รายการหลักครบทุกรายการแล้ว เขายังมีผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม 120 ประตู จากการลงสนาม 269 เกม รวมถึงความมุ่งมั่น และความทุ่มเท ทำให้เขากลายเป็นที่รักของเหล่า “เดอะ ค็อป”
หลังจากสำลักความสำเร็จมากมาย มาเน่ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทีม และเลือกที่จะออกไปหาความท้าทายใหม่กับบาเยิร์น มิวนิค พลพรรค “เสือใต้” ทุ่มเงินประมาณ 35 ล้านปอนด์ คว้าตัวมาเน่ ไปร่วมทีม โดยหวังว่า อยากให้มาอุดช่องว่าง ในการจากไปของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
การเริ่มต้นในเยอรมัน มาเน่ ส่งสัญญาณเชิงบวกออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อยิงไป 5 ประตู จากการลงเล่น 6 เกมแรก นอกจากนี้ เขาสามารถก้าวมายึดตำแหน่งนักเตะ 11 คนแรกของ “ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์”
อย่างไรก็ตาม การทำประตูของมาเน่ กลับจางหายไปตามกาลเวลา เขาเริ่มไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด และฟอร์มการเล่นก็ตกลงไป คำวิจารณ์พุ่งเป้ามาที่เขาอย่างหนักหน่วง นอกจากบรรดาแฟนบอลแล้ว โค้ชยังพูดถึงเขาว่า เขากลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองไป
ผลสุดท้าย มาเน่ จบฤดูกาลแรกกับบาเยิร์น มิวนิค ด้วยคำว่า “ล้มเหลว” จนถูกสโมสรปล่อยตัวให้กับอัล นาสเซอร์ ทีมดังจากลีกซาอุดิอาระเบีย ทำไมมาเน่ ถึงล้มเหลวกับบาเยิร์น มิวนิค เราลองไปหาคำตอบกัน
“ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์” โดนไล่ออกจากตำแหน่ง เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยที่สถานการณ์ในศึกบุนเดสลีกา กำลังถูกท้าทายโดยโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ “บิลด์” สื่อชื่อดังของเยอรมัน ได้ตีแผ่เบื้องหลังด้วยว่า นาเกลส์มันน์ สูญเสียการปกครองในห้องแต่งตัว
แน่นอนว่า มาเน่ อยู่ในกลุ่มนักเตะที่แสดงความต้องการว่า ไม่อยากเล่นภายใต้การคุมทีมของนาเกลส์มันน์ รายงานระบุเพิ่มเติมว่า มาเน่ กับนาเกลส์มันน์ มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง หลังเกมกับเปแอสเช ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย
บทสนทนาสำคัญคือ ความไม่พอใจของมาเน่ ที่ถูกจับไปเป็นตัวสำรอง .... ผลสุดท้าย นาเกลส์มันน์ เป็นฝ่ายถูกปลดออกไป “โทมัส ทูเคิ่ล” กลายเป็นคนที่เข้ามารับงานกุมบังเหียนแทน โดยงานแรกๆ นั่นคือการออกมาลดความกดดัน และสถานการณ์ที่ตึงเครียดของมาเน่
ทูเคิ่ล บอกว่า มาเน่ เป็นนักเตะคนสำคัญของทีม และอาจต้องใช้เวลาบ้าง ในการปรับตัวในบางจุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับเลวร้ายลงกว่าเดิม บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบเดเอฟเบ โพคาล ก่อนบุกไปโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ถล่ม 3-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ
เกมนั้น สื่อออกมารายงานว่า มาเน่ ดันไปมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมอย่าง เลอรอย ซาเน่ อย่างรุนแรง ทั้งในสนามแข่งขัน และในห้องแต่งตัว รายงานระบุว่า เรื่องราวจบลงที่มาเน่ ถึงกับเข้าไปทำร้ายร่างกายของซาเน่ หลังจากนั้น ซาเน่ ก็ถูกจับภาพได้ว่า มีรอยแผลที่ริมฝีปาก
นั่นคือรอยร้าวที่ไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม หลายคนเชื่อว่า มาเน่ ทำลายความเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมทีม ที่มีต่อตัวเขาไปจนหมดแล้ว
นอกจากเรื่องของปัญหาในห้องแต่งตัวแล้ว เรื่องของ “โชค” ก็มีผลต่อฤดูกาลแรก และฤดูกาลเดียวที่น่าผิดหวังของมาเน่ เช่นเดียวกัน เดือนพฤจิกายน ปีที่ผ่านมา มาเน่ ได้รับบาดเจ็บ ในเกมที่ถล่มเอาชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน 6-1
จากการสแกนอย่างละเอียด พบว่ามาเน่ ต้องเข้ารับการผ่าตัดบริเวณน่อง เนื่องจากกล้ามเนื้อได้รับความเสียหายพอสมควร การผ่าตัดนั้น ทำให้บาเยิร์น มิวนิค ออกแถลงการณ์ว่า มาเน่ ต้องพลาดการเดินทางไปช่วยทีมชาติเซเนกัล ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
ผลงานในเวิลด์ คัพ 2022 ฉบับกาตาร์ - ทีมชาติเซเนกัล สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2002 มาเน่ ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเขาทำได้เพียงแค่นั่งดูเพื่อนร่วมทีมชาติ ในขณะที่ตัวเองต้องทำการฟื้นฟูร่างกายอยู่ที่สโมสร
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การได้รับบาดเจ็บในช่วงชี้เป็นชี้ตาย จนชวดไปเล่นรายการสำคัญอย่างฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย นั่นส่งผลกระทบต่อจิตใจของมาเน่ โดยตรงเลยทีเดียว สภาพจิตใจเหล่านั้น ถูกส่งต่อถึงผลงานในสนามเช่นเดียวกัน
จากการบาดเจ็บครั้งนั้น มาเน่ ต้องพักรักษาตัว และเรียกความฟิต เป็นเวลา 3 เดือนด้วยกัน หลังกลับมาลงสนาม ความผิดหวังยังคงเกาะกุมใจของมาเน่ อย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาได้ลงเล่นตัวจริง 5 จาก 12 เกมในบุนเดสลีกา และยิงได้แค่ 1 ประตู
บาเยิร์น มิวนิค ลงเอยด้วยการปาดหน้าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ลีก แต่เกมสุดท้ายแห่งการขับเคี่ยว มาเน่ คือตัวสำรอง ที่ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม
มาเน่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากับลิเวอร์พูล โดยมี “เยอร์เก้น คล็อปป์” เป็นเบื้องหลังสำคัญ มาเน่ เป็นส่วนหนึ่งของ 3 ประสานแดนหน้าอันโด่งดัง ร่วมกับโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
มาเน่ ถูกจดจำในฐานะแนวรุกกราบซ้าย บางเวลา เขาสามารถขยับเข้ามาเป็นตัว “ฟอลส์ ไนน์” ได้ด้วย การโจมตีอย่างรวดเร็ว ถือเป็นอาวุธสำคัญของ 3 ประสาน ในการเล่นงานกองหลังฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะการจบสกอร์ และการดวลตัวต่อตัว
กระนั้น ฟอร์มแบบนั้นของมาเน่ กลับหายไปดื้อๆ ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า เขากำลังมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ “ดีทมาร์ ฮามันน์” อดีตดาวเตะของบาเยิร์น มิวนิค และลิเวอร์พูล ออกมากล่าวว่า มาเน่ กลายเป็นนักเตะที่ขาดความมั่นใจอย่างรุนแรง
ฮามันน์ กล่าวต่อว่า มาเน่ เคยลงไปเล่นด้วยความสุข แต่ที่บาเยิร์น มิวนิค มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาดูโดดเดี่ยว และไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย แม้มาเน่ ออกมาลดความกดดันตัวเอง ด้วยการพูดว่า เขาเล่นริมเส้นฝั่งซ้ายมาทั้งชีวิต แต่เขาก็พร้อมเล่นกองหน้า หรือปีกขวา หากนั่นเป็นสิ่งทีมต้องการ
ผลสุดท้าย มาเน่ กลับไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงมากเท่าไร เมื่อระบบแนวรุก ถูกปรับโยกไปใช้นักเตะคนอื่นภายในทีม ไม่ว่าจะเป็นฝั่งกราบซ้าย, กราบขวา หรือว่าฟอลส์ ไนน์ - มาเน่ ถูกนักเตะคนอื่นยึดตำแหน่งตัวจริงไปเป็นที่เรียบร้อย
จากการถูกปล่อยตัวให้กับอัล นาสเซอร์ หมายความว่า เขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของบาเยิร์น มิวนิค อีกต่อไปแล้ว
การที่มาเน่ ในวัยอายุเลข 3 ไม่สามารถเร่งเครื่องได้ เหมือนตอนที่เขาเล่นกับลิเวอร์พูล สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า “การสึกหรอ” ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่ง ฤดูกาล 2021-22 ลิเวอร์พูล ไล่ล่า 4 แชมป์ หมายความว่า พวกเขาลงเตะทุกรายการ ด้วยจำนวนเกมที่ถี่มาก
มาเน่ คือนักเตะที่ลิเวอร์พูล ส่งลงสนามอย่างต่อเนื่อง รวมแล้ว เขาลงเล่นไป 51 เกม พร้อมกับผลงาน 23 ประตู บวกกับ 5 แอสซิสต์ ผลสุดท้าย “หงส์แดง” คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับคาราบาว คัพ เป็นการปลอบใจจากการพลาดพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
การกรำศึกหนักมาอย่างยาวนาน ทำให้ร่างกายของนักเตะลิเวอร์พูล เหนื่อยล้า และกรอบ ส่งผลมาถึงฤดูกาลต่อมาอย่าง 2022-23 นักเตะหลายคนของลิเวอร์พูล ถูกมองว่าฟอร์มตกลงไปจากมาตรฐาน ทำให้ทีมจบอันดับ 5 ในตารางพรีเมียร์ลีก และพลาดแชมป์ทุกบอลถ้วย
มาเน่ ที่ย้ายมาร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิค ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบ จากความเหนื่อยล้าของแข้งลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2021-22 ฮามันน์ หล่นความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า “มาเน่ เปรียบเสมือนเครื่องจักร ที่ทำงานหนักมาอย่างอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ เครื่องจักรกำลังทรุดโทรม”
ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทำไมฤดูกาลที่แล้ว มาเน่ ถึงใช้เวลารักษาตัว และพักฟื้นจากการผ่าตัด ด้วยเวลาที่นานเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องสภาพจิตใจ ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาแล้ว หลายฝ่ายมองตรงกันว่า ช่วงซัมเมอร์นี้ มาเน่ ต้องพัก และชาร์จแบตร่างกายเสียใหม่
ไม่แน่ว่า การเปลี่ยนบรรยากาศไปเล่นกับอัล นาสเซอร์ ในตะวันออกกลาง อาจเพิ่มความกระชุ่มกระชวยต่อมาเน่ อีกครั้ง
สื่อดังอย่าง “สปอร์ต 1” ออกมารายงานว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้มาเน่ ไม่ได้ไปต่อกับบาเยิร์น มิวนิค
เนื่องจากบาเยิร์น มิวนิค ทำการประเมินแล้วว่า มาเน่ สอบตกในซีซั่นแรก ทั้งผลงานในสนาม และผลงานในการฝึกซ้อมด้วย
โอลิเวอร์ คาห์น อดีตซีอีโอของทีมบาเยิร์น มิวนิค ออกมากล่าวว่า “มาเน่ เป็นนักเตะที่ต้องการกำลังใจ เขาต้องค้นหาตัวเองอีกครั้ง เขาไม่ชินกับการแย่งตำแหน่งตัวจริงที่บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งแตกต่างจากที่ลิเวอร์พูล อย่างสิ้นเชิง ที่นั่นเขาลงเป็นตัวจริงแทบทุกสัปดาห์”
เมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว บาเยิร์น มิวนิค มองว่า พวกเขาควรปล่อยตัวมาเน่ ออกจากทีมดีกว่า แม้จะเหลือสัญญายาว จนถึงปี 2025 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อเสนอจากอัล นาสเซอร์ ถือว่ามีตัวเลขคุ้มที่จะปล่อยตัวออกไปจากทีม
หากรอนานกว่านี้ บาเยิร์น มิวนิค อาจสูญเสียรายได้ จากการขายมาเน่ เพราะไม่มีอะไรการันตีว่า มาเน่ ที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ จะกลับมาฟอร์มดีอีกหน เมื่อการย้ายตัวไปอัล นาสเซอร์ สำเร็จลง มาเน่ จะได้เล่นร่วมกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแผงเกมรุก นั่นหมายถึงจำนวนประตู ที่จะกลับมาอีกครั้ง
สำหรับแฟนบอลหลายคน นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่มาเน่ ต้องไปใช้ชีวิตช่วงท้ายในลีกตะวันออกกลาง เพราะไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้รับการยกย่อง พร้อมกับประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดกับลิเวอร์พูล อยู่เลย
ปีที่ผ่านมา มาเน่ สามารถเป็น 11 ตัวจริงของทุกทีมในลีกยุโรปได้อยู่เลย แต่ตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกมากนัก ก่อนไปจบที่ลีกซาอุดิอาระเบีย นี่คือทางออกของมาเน่ ที่ตัดสินใจย้ายไปเก็บเกี่ยวรายได้จากค่าเหนื่อย มากไปกว่าการค้นหาตัวตนเก่าๆ กับสโมสรที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเขาอีกต่อไป
