6 เกมหลังสุด บาร์ซ่า ยิงได้แค่ 7 ประตู ค่าเฉลี่ยอยู่ที่นัดละ 1.16 ประตู/เกม เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยเกินไปสำหรับยักษ์ใหญ่ที่ตั้งความหวังไว้ที่การลุ้นแชมป์ทุกรายการอย่างพวกเขา
หนึ่งในนักเตะที่สะท้อนออกความขาดแคลนตรงนี้ได้อย่างชัดเจนก็คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
หัวหอกโปลแลนด์เวลานี้ ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่สวยงามเช่นกัน นับแต่หายกลับมาจากอาการบาดเจ็บข้อเท้าที่ได้รับจากเกมเยือน เอฟซี ปอร์โต้ และได้ลงเล่นในศึกเอล กลาซีโก้ กับ เรอัล มาดริด, เลวี่ ยิงได้เพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น และ 1 ในนั้นมาจากจุดโทษ
ปัญหาฟอร์มฝืดของ เลวานดอฟสกี้ นอกจากส่วนตัวแล้ว อีกพาร์ทสำคัญมาจากทีมด้วยเช่นกัน หลายเกมหลังมานี้เขาได้รับบอลน้อยมากจนทำให้หงุดหงิด จนเกิดเหตุการณ์ดราม่าเล็กๆระหว่างเขากับ ลามีน ยามาล
แน่นอน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่นักเตะในทีมจะตำหนิกัน หรือแสดงความไม่พอใจเพื่อนร่วมทีมออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นในสนาม และมันก็จบลงหลังจากทุกคนเดินออกจากสนาม หากแต่ในทางเทคนิค การที่ เลวานดอฟสกี้ ไม่ได้บอลจากเพื่อนมากอย่างที่ควรจะเป็น มันส่งผลต่อความเป็นไปของทีม รวมถึงผลการแข่งขันด้วย
จุดนี้ ชาบี เองก็ออกมายอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่สามารถมองข้ามได้
“เราต้องมองหาเขามากขึ้น กลั่นกรองการจ่ายบอลให้ดีขึ้น และเขาจำเป็นต้องพยายามมากขึ้น เราต้องสร้างโอกาสทางริมเส้นให้มากกว่านี้...มันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะโมโห เมื่อไม่มีใครส่วบอลให้คุณเลย”
หลายครั้ง เราจะสังเกตเห็นถึงสีหน้าที่หมดหวัง เหนื่อยหน่ายของ เลวานดอฟสกี้ เพราะเขาไม่ได้บอลจากเพื่อนๆ ไม่ได้อยู่ในจังหวะของเกมรุกมากอย่างที่ควรจะเป็น
อย่างที่ ชาบี กล่าวไว้ข้างต้น “เราต้องมองหาเขามากขึ้น” หากแต่ตัวเลขบ่งบอกว่าเพื่อนๆในทีมยังมองหา เลวานดอฟสกี้ แทบไม่เจอ
ตัวอย่างเช่นในเกมกับ ปอร์โต้ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา 3 มิดฟิลด์ในแดนกลางของทีมอย่าง เฟรงกี้ เดยอง,อิลคาย กุนโดกัน และ เปดรี ตลอดทั้งเกม 3 คนนี้จ่ายบอลให้ เลวานดอฟสกี้ แค่ 4 ครั้งเท่านั้น และเมื่อนับรวมทั้งหมด จบเกม หัวหอกโปลได้บอลจากเพื่อนรวมทั้งสิ้น 21 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยมาก
เลวานดอฟสกี้ จบเกมกับ ปอร์โต้ ด้วยสถิติที่น่าสิ้นหวังมาก
ยิงเข้ากรอบ 0 ครั้ง
โอกาสลุ้นประตู 1 ครั้ง
สร้างโอกาสครั้งสำคัญ 0 ครั้ง
เอาบอลกลับมา 4 ครั้ง
เสียบอล 3 ครั้ง
Heat Map ในเกมกับ ปอร์โต้ แสดงให้เห็นว่า เลวานดอฟสกี้ พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดสุดฤทธิ์ เขาขยับออกมาห่างจากกรอบเขตโทษเยอะมาก ถ่างออกไปทางซ้าย ออกไปทางขวา รวมถึงลงมาตรงกลางสนาม เพื่อสิ่งเดียวนั่นคือ ‘ลูกบอล’
แต่จนแล้วจนรอดก็อย่างที่เห็น เขาแทบไม่ได้บอลเลย และดาบสองคมจากการที่เขาขยับออกมาจากพื้นที่เพื่อรับบอล ก็ทำให้เขามีโอกาสในการยิงประตู หรือคุกคามเกมคู่ต่อสู้ได้น้อยลงไปด้วย
เทียบวัด Heat Map ในเกมกับ อลาเบส ที่ เลวานดอฟสกี้ เหมายิงคนเดียว 2 ประตู จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
เกมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ตลอด 90 นาที ตำแหน่งการยืนของหัวหอกวัย 35 อยู่เพียงแค่ 2 พื้นที่คือในกรอบเขตโทษ กับ หน้ากรอบเขตโทษ นั่นเอื้อทำให้เขาคลำเป้าเจอ หากแต่เวลานี้จากการทำงานของทีม บีบให้ เลวานดอฟสกี้ ไม่อาจปักหลักอยู่ในพื้นที่ทำการได้
นักเตะทุกคนต้องการเล่นกับบอล กับพวกกองหน้านอกจากการเปิดป้อนที่มีคุณภาพ พวกเขาเองก็ต้องการมีส่วนร่วมกับเกมเช่นกัน เมื่อไม่ได้บอล หรือได้น้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่ว่ากองหน้าระดับไหนก็จะเริ่มหมดความอดทน และจะขยับออกห่างจากกรอบเขตโทษเพื่อเล่นบอล
เลวานดอฟสกี้ ก็กำลังเป็นเช่นนั้น ซึ่งมาจากฟังก์ชั่นบางอย่างในทีมที่กำลังดำเนินไปอย่างไม่ถูกต้อง
แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหานี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ชาบี เขาจะทำอย่างไรให้เพื่อนๆกลับมามองเห็น เลวานดอฟสกี้ อีกครั้ง ให้กองหน้าตัวท็อปของทีมได้บอลมากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อ เลวานดอสฟกี้ ได้บอลบ่อย ด้วยคุณภาพของเขา จะช่วยให้ทีมดีขึ้นอย่างแน่นอน ภาวะปืนฝืดของทีมก็จะค่อยๆลดลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวของ เลวานดอฟสกี้ เองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ของทีมด้วย ไม่ใช่เอาแต่แสดงอารมณ์หงุดหงิดเวลาเพื่อนไม่ให้บอล
หมายเหตุ : ปัจจุบันในทุกรายการ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงให้ บาร์ซ่า ทั้งสิ้น 8 ประตู 4 แอสซิสต์ ขณะที่กองหน้าคนอื่นๆที่เหลือยิงรวมกัน 12 ประตู
เฟร์ราน ตอร์เรส (5), ชูเอา เฟลิกซ์ (4),ราฟินญ่า (2), ลามีน ยามาล (1)
เจมส์ ลา ลีกา
