:::     :::

ความเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,504
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การประกาศเรื่องเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ เข้าซื้อหุ้น25% และจะเข้ามาดูแลการบริหารงานฟุตบอลของแมนยูไนเต็ด คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากสำหรับปีศาจแดง จากความล้มเหลวภายในตลอดหลายปีที่ผ่านมาซึ่งซ้ำซากอยู่กับความไร้ประสิทธิภาพแบบเดิมๆ ต่อจากนี้มันจะเริ่มเปลี่ยนโฉมหน้าไปทีละน้อย ซึ่งเรายังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไงบ้างภายใต้การนำของ INEOS แต่อย่างน้อยมันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าของเดิมแล้วล่ะ!

ในที่สุดสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ประกาศอย่างเป็นทางการสำหรับการเข้ามาของเซอร์จิมแล้ว ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านรายละเอียดทางการลงทุนเบื้องต้นดังนี้

-เข้าซื้อหุ้นคลาสB 25%ของตระกูลเกลเซอร์

-เสนอซื้อหุ้นคลาสA มากถึง25%

-ผู้ถือหุ้นคลาสA และตระกูลเกลเซอร์ จะได้รับราคาเดียวกันคือ 33.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น

-300ล้านดอลลาร์ในภาคของการลงทุนเพิ่มเติมให้สโมสร

-INEOS เข้ารับผิดชอบการดูแลในเรื่องบริหารภาคฟุตบอลของสโมสร

-ดีลนี้บรรลุภายใต้การอนุมัติตามกฎระเบียบที่วางไว้ รวมถึงได้รับการรับรองจากพรีเมียร์ลีก

ข้อความเบื้องต้นที่มี statement ออกมาทางหน้าเว็บไซต์ official ของสโมสรมีดังนี้

"บริษัท แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) ประกาศในวันนี้ว่าได้บรรลุข้อตกลงภายใต้การนำของ Sir Jim Ratcliffe ประธานของ INEOS ที่จะเข้าซื้อ25%ของหุ้นคลาส B ไปจนถึง 25% ของหุ้นคลาส A รวมถึงจัดสรรงบประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการลงทุนสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดในอนาคต"

"ในส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมนี้ INEOS ยอมรับข้อตกลงของบอร์ดบริหารในการที่พวกเขาจะเข้ามารับผิดชอบการดำเนินงานในเรื่องฟุตบอลของสโมสร ในทุกๆแง่มุมของกิจการฟุตบอลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมชาย ทีมหญิง รวมถึงชุดเยาวชน ควบคู่ไปกับตำแหน่งสองที่นั่งในคณะกรรมการบริหารของ บมจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคณะกรรมการบริหารของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

"ความมุ่งมั่นร่วมกันคือเพื่อสร้างการดำเนินการทางฟุตบอลในระดับโลกจากจุดแข็งที่มีอยู่มากมายของสโมสร รวมถึงความสำเร็จนอกสนามที่จะเดินหน้าต่อไป"

ซึ่งประธานของ INEOS จะเข้ามาดำเนินงานควบคุมกิจการฟุตบอลของสโมสรเมื่อได้รับการอนุมัติข้อตกลงจากทางพรีเมียร์ลีก ซึ่งในกระบวนการดังกล่าวจะต้องใช้เวลาราว 6-8 สัปดาห์ นั่นแปลว่าการดูแลดำเนินงานจะเกิดขึ้น "หลังตลาดนักเตะหน้าหนาว" ปิดลงนั่นเอง

การลงทุนจะถูกใช้ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และกับศูนย์ฝึกซ้อมแคริงตัน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ราวๆ 1.2พันล้านปอนด์

อัฟราม เกลเซอร์ กับ โจเอล เกลเซอร์ ออกมากล่าวผ่าน statement ของสโมสรเอาไว้ดังนี้

"เรายินดีที่ได้ข้อตกลงกับเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ และ INEOS สำเร็จ ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนเรื่องกลยุทธ์ที่เราได้ประกาศเอาไว้ช่วงพฤศจิกายนปี 2022 เรามุ่งมั่นที่จะพิจารณาทางเลือกในหลายๆทางเพื่อที่จะยกระดับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสำเร็จให้กับทีมชาย ทีมหญิง และเยาวชนของเรา"

"เซอร์จิม และ INEOS จะนำประสบการณ์ในเชิงพาณิชย์มากมายเข้ามาให้สโมสร รวมถึงความมุ่งมั่นทางการเงินเข้ามาสู่ที่นี่ และโดยภาคกีฬาของ INEOS Sport แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะสามารถเข้าถึงมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการสร้างและเป็นผู้นำทีมชั้นยอดจากทั้งในและนอกสนาม"

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีบุคลากรชั้นยอดเข้ามาในสโมสร และความปรารถนาของเราคือการพัฒนาในทุกๆระดับอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้แฟนฟุตบอลอันยิ่งใหญ่ของเราประสบความสำเร็จมากขึ้นในอนาคต”

เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ประธาน INEOS ได้กล่าวถึงการซื้อหุ้นในครั้งนี้เอาไว้ดังนี้

"ในฐานะเด็กถิ่นของที่นี่และเป็นแฟนบอลมาอย่างยาวนานตลอดชีวิต ผมยินดีมากๆที่เราได้บรรลุข้อตกลงกับบอร์ดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และได้รับมอบหมายความรับผิดชอบดูแลการดำเนินงานภาคฟุตบอลของสโมสร ขณะที่ความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ก็ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะมีทุนเพื่อที่จะต่อยอดไปสู่ความสำเร็จของการคว้าแชมป์ในระดับสูงได้ ศักยภาพตรงนี้ยังไม่ได้ถูกนำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา"

"เราจะนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในระดับโลกเข้ามาเพิ่มเติมจาก กลุ่ม INEOS Sport เพื่อจะช่วยขับเคลื่อนการปรับปรุงพัฒนาให้กับสโมสร ขณะเดียวกันก็จัดหาเงินทุนที่มีจุดประสงค์เพื่อสามารถลงทุนสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดในอนาคตด้วย"

“การเข้ามาของเราเพื่อดำเนินงานในระยะยาว และตระหนักถึงความท้าทายและการทำงานหนักที่รออยู่เบื้องหน้าเป็นอย่างดี ซึ่งเราจะทำด้วยความเข้มงวด, ความเป็นมืออาชีพ บน Passion ที่มีอยู่ และมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกคนที่สโมสร ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ ทีมงาน นักเตะ และแฟนๆ เพื่อช่วยขับเคลื่อนสโมสรไปข้างหน้า"

“ความทะเยอทะยานร่วมกันของเรานั้นชัดเจน พวกเราทุกคนอยากเห็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ ทวีปยุโรป และของโลก"

การประกาศนี้เกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ โดยเว็บไซต์หลักของสโมสร ซึ่งก็เรียบร้อยในเรื่องของการบรรลุข้อตกลง ส่วนการเข้ามาดำเนินงานอย่างเต็มที่ จะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้อีกราวๆหนึ่งเดือนครึ่ง ซึ่งก็จะเกิดหลังจากหมดเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นแล้วหากแฟนผีอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ในระหว่างครึ่งซีซั่นที่เหลือนี้อีกราวๆ 3-4 เดือนก่อนจบฤดูกาล คาดว่าน่าจะมีการปรับโครงสร้างภายในกันอย่างเต็มที่ในระหว่างนี้ 

และตลาดซัมเมอร์นี้จะเป็นงานแรกของ INEOS Sport ที่จะเข้ามาดูแลการบริหารภาคฟุตบอลอย่างแท้จริง จะเริ่มตั้งแต่การจัดสรรผู้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทิศทางการทำทีม / นโยบายการซื้อนักเตะ / ประสิทธิภาพในการเลือกเป้าหมาย ในการ Scout ผู้เล่นที่ใช่ 

รวมถึงเรื่องของการเจรจาต่อรองกับสโมสรคู่ค้าด้วย เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือดึงเป้าหมายที่นำเข้ามาแล้วเป็นการเสียหายต่อสโมสร เหมือนอย่างหลายๆดีลที่เกิดขึ้นมาในอดีตอันมากมาย

แฟนๆหลายท่านที่อยากจะรู้ว่า การซื้อของเซอร์จิมเข้ามาแล้วมันจะดียังไง อย่างน้อยที่สุดให้ลองคิดง่ายๆว่า ต่อจากนี้บอร์ดบริหารเบื้องบน จะมีการตัดสินใจที่ดีขึ้น จากเดิมที่เป็นบอร์ดของ Glazes Family อย่างเดียว ตอนนี้จะกลายมาเป็น INOES เป็นหลัก เพราะงั้นการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นแน่นอนแล้ว 

นอกจากนั้น คนดำเนินงานที่ผ่านๆมา อย่าง เมอร์เทอ / อาร์โนลด์ จะถูกล้างไพ่หมด และเราต้องรอดูกันต่อไปว่า บุคลากรที่ทาง INEOS จะนำเข้ามาหลังจากนี้ จากแคนดิเดทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เบรลส์ฟอร์ด / บล็องก์ หรือแม้กระทั่ง พอล มิทเชลล์ หรือ แอชเวิร์ธ ที่มีข่าวกับเรา ตัวเลือกเหล่านี้จะตบเท้าเข้ามาดูแลการบริหารให้มีประสิทธิภาพและถูกทิศทางมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ของคนทำงานสายกีฬามา เชื่อว่าน่าจะดีกว่าบุคลากรบางส่วนหลังบ้านที่ยังมีปัญหาทั้งเรื่องการเมืองภายใน และเรื่องประสิทธิภาพ ทุกๆอย่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

โดยที่ข่าวล่าสุดก็ดูเหมือนจะชัดเจนว่า Jean Claude Blanc กับ Sir Dave Brailsford จะเป็นสองคนที่เข้ามาเป็นบอร์ดบริหารจาก INEOS ซึ่งเซอร์เดฟจะเริ่มทำการประเมินสิ่งต่างๆโดยเร็วที่สุด หลังจากนั้นจึงจะมีการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานของเอริค เทน ฮาก, การตั้งผู้อำนวยการฟุตบอล, เรื่องต่างๆของโครงสร้างฟุตบอล จะมีการตัดสินใจเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้

ในส่วนของแฟนบอลอย่างเรา ให้มองประเด็นง่ายๆในเบื้องต้นที่แฟนบอลคุ้นเคย อย่างเช่นเรื่องการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีม โดยต่อจากนี้การซื้อตัวนักเตะจะถูกต้องมากขึ้น ตัวเฟลก็จะลดลง ดีลที่ต้องจ่ายแพงจะเริ่มหายไป และได้นักเตะดีๆเข้ามาเสริมทีมอย่างตรงจุดมากขึ้น แค่นี้ก็ถือว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเฝ้าจับตามองแล้วว่ามันจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วจมปลักอยู่กับการบริหารแบบเดิมๆแน่นอน

เราเข้าใจว่าแฟนบอลจำนวนมากก็อยากจะได้เงินถุงเงินถังของฝั่งกาตาร์เข้ามาเทคโอเวอร์เพื่อเอา Glazers ออกไป แต่ในเมื่อดีลมันไม่เกิดขึ้น การซื้อหุ้นแค่บางส่วนของ SJR ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว ซึ่งก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ตอนนี้เกลเซอร์ก็มีหนังหน้าไฟเข้ามารับผิดชอบงานฟุตบอลแทนแล้ว 

เป็นกันชนรับแรงกระแทก? ก็อาจจะใช่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังดีกว่าให้ตระกูลปลิงยังเป็นคนควบคุมเหมือนที่ผ่านๆมาแน่นอน อย่างน้อยถ้ามีบอร์ดบริหารที่ดูแลงานฟุตบอลได้ดีและเข้าเป้ามากขึ้น ยังไงมันก็จะต้องดีกว่าของเก่าๆแน่

ส่วนของเงินลงทุนที่จะไปพัฒนาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของสโมสร ก็ถือว่าทำถูกต้องในแง่ของการสร้างรากฐานเพื่อพัฒนาในอนาคต เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าเกลเซอร์ไม่ลงทุนอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเราพัฒนารากฐานของการทำฟุตบอลของสโมสรให้ทันสมัย และ "ตามคนอื่นทัน" ได้มากกว่านี้ เราก็น่าจะพัฒนาทีมไปสู่ศักยภาพสูงสุดได้

มันคือการเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุล้วนๆ จากต้นทางในการบริหาร จากอำนาจการสั่งการที่เป็นจุดเริ่มต้นของการอนุมัติต่างๆ การมี "หัว" ที่ดีมากขึ้น เพิ่มเข้ามาอีกหัวในระดับบริหาร อย่างน้อยแม้หัวเน่าๆของ Glazers จะยังอยู่ แต่ถ้าหัวที่ดีกว่าอย่าง INEOS ได้เข้ามาเป็น "หัวสั่งการ" อย่างน้อยการเดินหน้ามันก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้หัวเก่าๆจะยังอยู่ก็ตาม

ในเบื้องต้น เราเปลี่ยนแปลงได้เท่านี้ ก็เอาเท่านี้ก่อน จากนั้นแฟนบอลก็ไล่กันต่อไปให้มันออกๆไปให้หมดในอนาคต แคมเปญ GLAZERSOUT ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คุณภาพในเรื่องของทรัพยากรสนามฝึก สนามแข่ง เพื่อนำไปสู่การพัฒนานักเตะให้ยกระดับขึ้นมาเล่นกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือการวางรากฐานเบื้องต้นที่จะเกิดขึ้น และตีคู่ไปกับนโยบายการทำทีม การเสริมทัพที่ถูกต้อง ตรงเป้า และ "ไม่บ้ง" เหมือนหลายดีลที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตในช่วงที่เราผ่านมรสุมกันมาก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องการทำทีมของผู้จัดการทีมอย่าง เอริค เทน ฮาก ก็ต้องให้ทาง INEOS เป็นคนพิจารณาตัดสินใจ ซึ่งถ้ามีการปฏิบัติการอะไรเกิดขึ้น ก็คงจะต้องเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของพวกเขา

ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง เรายังไม่รู้ว่าทาง INEOS มองในเรื่องนี้ยังไง แม้จะมีกระแสข่าวว่ายังพร้อมสนับสนุนก็ตาม แต่การตัดสินใจตรงนี้อะไรเกิดขึ้นได้ เราก็ต้องติดตามดูกันต่อไป หากว่า INEOS มองว่าจะต้องเริ่มต้นใหม่ก็อาจจะเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าเขายังมองเห็นแผนงานที่ดีซึ่งไปต่อกับเอริค เทน ฮากได้ เราก็จะไปต่อเนื่องจากฐานการสร้างทีมโดย EtH ที่ทำเอาไว้หลายส่วนแล้วจากจุดสตาร์ทสองปีแรก และเพิ่มเติมต่อจากนี้ไปในระยะยาวนั่นเอง

การเข้ามาของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มีแต่เรื่องที่ดีขึ้น ทั้งเงินลงทุน ทั้งสัดส่วนการแบ่งหุ้นใหญ่ให้ตระกูลเกลเซอร์ถือกันลดลงบ้าง รวมถึงการดำเนินงานจากมืออาชีพที่น่าจะดีกว่าบุคลากรเดิมๆที่ทำงานมาอย่างแน่นอน

แฟนบอลคนไหนที่อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลง และอยากให้แมนยูไนเต็ดกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ดีบ้างแล้วละก็ นี่คือ "จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง" ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผ่าน statement ของสโมสรในคืนนี้

และแน่นอนว่า ยังต้องใช้เวลาเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินงานเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น อดทนรอกันต่อไปว่า สิ่งที่ดีๆมันจะต้องค่อยๆตามเข้ามาหลังจากนี้ไม่มากก็น้อย อย่างแย่ที่สุดก็คือได้เปลี่ยนมือการบริหารบ้าง มันจะต้องออกจากจุดต่ำสุดได้แน่นอน เพราะมันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าเกลเซอร์อีกแล้ว

ยินดีต้อนรับ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ผู้บริหารสายเลือดผีของแท้ สู่การเข้ามาดูแลงานฟุตบอลของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

จากนี้เราทำงานด้วยกันไปยาวๆครับ ฝากความหวังของแฟนบอลอย่างพวกเราด้วยนะครับท่านเซอร์

#BELIEVE

-ศาลาผี-

Reference

https://www.manutd.com/en/news/detail/man-utd-reaches-agreement-for-sir-jim-ratcliffe-to-acquire-25-per-cent-shareholding

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด