ภารกิจของ "กฤษดา" กับงานยากในรั้วบีจี
หนึ่งในนั้นคือ “และห์” กฤษดา กาแมน ดาวเตะลูกหม้อของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ที่เพิ่งเก็บกระเป๋าย้ายไปร่วมทีม “กระต่ายแก้ว” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เพื่อนร่วมศึกรีโว่ไทยลีก ในเลก 2
หลังจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ทำให้ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เคยได้รับสูงสุดแตะหลัก 1,200 ล้านบาท ค่อยๆ ลดลงมาจนเหลือเพียง 0 บาท นั่นทำให้ภาระของสโมสรหนักยิ่งขึ้น เพราะต้องวิ่งหาสปอนเซอร์เพื่อนำเงินมาจุนเจือสโมสร
สโมสรที่เม็ดเงินหนาอาจเจอปัญหาน้อย แต่ทีมที่งบประมาณทำทีมมีจำกัดจำเขี่ยต้องรัดเข็มขัดอย่างหนัก เพื่อรักษางบประมาณให้พาทีมไปถึงฝั่งจนจบฤดูกาล
ระหว่างทางหากสโมสรแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต้องหาทางออกด้วยการขายนักเตะตัวเก่ง เพื่อนำเงินเข้าสู่สโมสร
นั่นทำให้ดีลซื้อขายระหว่าง ชลบุรี เอฟซี กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกิดขึ้น และนักเตะที่สร้างมูลค่ามากที่สุดที่จำเป็นต้องจำหน่ายออกไปคือ กฤษดา กาแมน
แม้นักเตะไม่อยากอำลาทีม แต่ต้องจำใจไป เพื่อให้สโมสรเดินต่อไปได้ เนื่องจากค่าตัวของเขาอยู่ที่ 20-30 ล้านบาท สามารถช่วยให้ทีมรอดวิกฤตได้สบาย
“เจ้าและห์” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน “กองกลางตัวรับ” ที่ดีที่สุดของเมืองไทย ณ วินาทีนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะยึดตัวจริงในรัง บีจี สเตเดียม ได้ทันที เพราะในทีมล้วนอัดแน่นไปด้วยขุมกำลังระดับเทพมากมาย
ในเกมเจลีก เอเชีย ชาลเลนจ์ 2023/24 ที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ชนะ เซเรโซ่ โอซาก้า ไป 3-2 ทุกคนได้เห็นแล้วว่า มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือคนใหม่หน้าเดิมของทีม “กระต่ายแก้ว” จะไม่เปลี่ยนระบบการเล่นและยึดระบบ 3-4-3 ต่อไป แทนที่จะใช้ 4-4-2 แบบคลาสสิกเหมือนในช่วงแรกที่คุมทีม
นั่นจึงมีคำถามจากแฟนบอลว่า “เจ้าและห์” จะเล่นตรงไหน?
ถ้า “กองหลัง” แน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เพราะเขาเล่นตำแหน่งนี้มาตั้งแต่เยาวชน ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นกองกลางตัวรับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อดูคู่แข่งต้องบอกว่ายากมากที่จะแย่งตัวจริง เพราะตอนนี้ในทีมมีตัวเลือกอย่าง วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ และ อิรฟาน ฟานดี้ เป็น 2 ตัวเลือกแรก
ขณะที่ตัวใหม่อย่าง เซย์ดีน เอ็นดิอาย กองหลังคนใหม่เจ้าของความสูง 205 เซนติเมตร ทำผลงานได้ดี นี่ยังไม่นับผู้เล่นไทยอย่าง ชินภัทร์ ลีเอาะ, จักพัน ไพรสุวรรณ และชนภัช บัวพันธ์ ที่กำลังเติบโตและฟอร์มดียามได้โอกาสลงสนามอีกคน
ส่วน “กองกลาง” เชื่อว่า สารัช อยู่เย็น จะการันตีตำแหน่งตัวจริงๆ แน่ๆ 1 คน ดังนั้น เจ้าและห์ ต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงอีก 1 ที่กับ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และเฟร็ดดี้ อัลวาเรซ กองกลางคอสตาริก้า รวมถึง เชาว์วัตน์ วีระชาติ ที่ฟอร์มดีมากในเกม เอเชีย ชาลเลนจ์ กับ เซเรโซ่ โอซาก้า แถมยิงประตูได้ด้วย ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ได้เปรียบตรงที่ถนัดเท้าซ้าย
กุนซือชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ อากิระ นิชิโนะ, มาซาทาดะ อิชิอิ หรือ โค้ชเทกุ มักใช้กองกลางที่ถนัดเท้าขวาเล่นเป็นห้องเครื่องฝั่งขวา ส่วนคนที่ถนัดซ้ายจะเล่นทางซ้าย เพื่อให้เกิดคุณภาพในการจ่ายบอลที่แม่นยำ
“โค้ชเทกุ” กล่าวถึง เจ้าและห์ ว่า “จริงๆ กฤษดา เป็นนักบอลที่มีคุณภาพ เขาสามารถเล่นหลัง 4 และสามารถดร็อปลงมาเป็นหลัง 3 ระหว่างเกมได้อยู่แล้ว การที่สโมสรเลือกพิจารณาผมกลับมา และก็ได้ดึง กฤษดา มาด้วย ยิ่งเป็นการตอบโจทย์ว่า บีจี เหมาะกับการเล่นหลัง 3 มากกว่าเล่นหลัง 4 ในปัจจุบันนี้”
“หากจะเล่นหลัง 4 แน่นอน กฤษดา จะเหมาะในการเล่นมิดฟิลด์ แต่ว่าถ้าเป็นใน บีจี ทั้งหลัง 3 ไม่ว่าจะเป็น ซ้าย, กลาง, ขวา หรือ มิดฟิลด์ มองว่าเขาเล่นได้ทุกตำแหน่ง ซึ่ง บีจี เราก็เหมาะสำหรับ กฤษดา”
จากบทสัมภาษณ์ด้านบนจะเห็นว่า “โค้ชเทกุ” มีโอกาสสูงที่จะใช้ดาวเตะรายนี้เล่นกองกลางมากกว่ากองหลัง จากนี้เป็นหน้าที่ของเขาแล้วที่จะต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อชนะใจกุนซือเลือดซามูไร เพื่อยึดตัวจริงให้ได้
นี่เป็นบทสอบและความท้าทายใหม่และประสบการณ์ที่ต้องเจอในการพัฒนาตัวเองให้ไปข้างหน้าอีกระดับ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาจะไม่ได้รับการการันตีตัวจริงเหมือนตอนสวมเครื่องแบบของ ชลบุรี เอฟซี
ก่อนหน้านี้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ อดีตเพื่อนร่วมค่าย “ฉลามชล” เคยย้ายมาร่วมทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวระดับเดียวกัน แต่ก็ไปไม่สุดและโดนวิจารณ์ว่าเล่นไม่คุ้มค่าตัว ส่วน “เจ้าและห์” เล่นคุ้มค่าตัวที่ “เดอะ แรบบิท” ทุ่มเงินซื้อหรือไม่?
หรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ผลงานในสนามและเวลาเท่านั้นจะให้คำตอบเอง