:::     :::

ปัญหาเบื้องลึกตอนคุมแมนยู และมุมมองต่อ INEOS ของมูรินโญ่

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,656
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรื่องราวที่หลายคนไม่เคยรู้ถึงปัญหาหลังบ้าน และการทำงานในแมนยูไนเต็ดที่ไม่มีอะไรซัพพอร์ตเขาเลย แต่โจเซ่ มูรินโญ่ก็ยังรักและรู้สึกดีกับแมนยูเสมอ นี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่ยิ่งชัดเจนว่า ปัญหาตอนคุมแมนยูนั้น แท้จริงมันยุ่งยากขนาดไหน

หลังจากที่ล่าสุด กุนซืออย่างโชเซ่ มูรินโญ่ หลุดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของโรม่า ตอนนี้เขายังคงอยู่ในระหว่างการพักผ่อนและตัดสินใจกับเส้นทางต่อไปในอนาคต หลายคนสงสัยว่าทำไมเขาไม่สนใจหรือปฏิเสธการคุมทีมชาติ ทั้งที่เป็นความฝันหนึ่งของเจ้าตัว ส่วนหนึ่งแล้วต้องบอกว่า ด้วยจังหวะและโอกาสมันยังไม่คลิกกัน เราเชื่อว่าเขาน่าจะได้คุมทัพฝอยทองแน่นอนในอนาคต

ตอนนี้มีหลายๆสิ่งที่เจ้าตัวมีเวลาพักใจ และได้เปิดอกให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ไปทำข่าวอยู่เรื่อยๆ และล่าสุดนี้น้ามูก็ได้พูดคุยกับช่องออนไลน์เจ้าหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แชนแนล FIVE ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์นั่นเอง

มีบทสัมภาษณ์หลายๆอย่างที่ทำให้รู้ว่า น้ามูรับรู้ว่าแฟนผียังคงรักเขา และให้ความรู้สึกดีๆต่อกันอยู่จนเจ้าตัวก็สัมผัสได้ และไม่เคยสักครั้งที่จะให้สัมภาษณ์อะไรในแง่ลบ หรือในทิศทางที่เป็นเรื่องแย่ๆของแมนยูไนเต็ด ทุกคำมีแต่ความสุขและความทรงจำดีๆทั้งสิ้น

เขามีโอกาสจะกลับมาคุมไหม ยังมีงานที่รอให้เขากลับมาแก้ไขอีกหรือเปล่า หลายๆคำให้สัมภาษณ์ต่อจากนี้น่าจะทำให้แฟนผีได้รู้ว่า ตอนนี้อดีตกุนซือจอมอหังการของเรารู้สึกอย่างไรบ้าง ลองไปอ่านกันครับ

-เรื่องที่ถูกปลดจากสโมสรโรม่า

"เป็นการตัดสินใจของเจ้าของสโมสร เราต้องเคารพในเรื่องนั้น ไม่แม้แต่จะเอามาพูดคุยถกประเด็นกันด้วย"

"ผมสัมผัสได้ว่าแฟนบอลคือหัวใจของสโมสรฟุตบอลเสมอ แต่มันก็ต้องมีคนที่เป็นเจ้าของด้วย ซึ่งถ้าเจ้าของเขาตัดสินใจแบบนั้นคุณก็ต้องเคารพ"

"การโดนปลดจากโรม่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจมากๆ เพราะผมทุ่มเททุกอย่างแล้ว"

"ในช่วงเวลาสามปีนี้ ผมปฏิเสธที่จะไปเป็นผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส โอกาสคุมทีมชาติชุดที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมาด้วยซ้ำ!"

"แล้วผมก็มีข้อเสนอใหญ่ๆมาจากซาอุดิอาระเบียด้วย"

-พูดถึง เอ็ด วู้ดเวิร์ด

"ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่ผู้คนต่างๆวิพากษ์วิจารณ์เขา เพราะสำหรับผมเขาเป็นคนที่ดีมากๆ แต่เขาแค่ไม่ได้เป็นคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งต่างๆเหล่านั้นโดยตรงแค่นั้นเอง เขาฉลาดมากและสุภาพด้วย แค่บางทีว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับงานในมิติที่เป็นกีฬาเท่านั้นเอง"

-ช่วงเวลาของเขาตอนคุมแมนยูไนเต็ด

"ผมคิดว่าสื่อไม่ค่อยช่วยเหลือผมเท่าไหร่ ผู้คนไม่เข้าใจมิติอื่นๆในเรื่องของการคุมทีม ความยากของมัน และแน่นอนว่า รวมถึงความเป็นจริงที่ว่าผมต้องอยู่ในบทบาทการคุมทีมที่ต้องทำอะไรไฮบริดหลายอย่างอยู่ด้วย"

"สมัยก่อนตอนที่มีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตอนที่มีเดวิด กิลล์ ทุกอย่างมันค่อนข้างชัดเจนมาก แต่หลังจากนั้นทุกๆอย่างเปลี่ยนไป และโครงสร้างที่เป็นอยู่มันก็ค่อนข้างที่จะติดขัดไม่ยืดหยุ่น"

"การที่ไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรงกับเจ้าของ การไม่มีโครงสร้างที่สามารถใช้หลักการและไอเดียเดียวกันนั้นเป็นอะไรที่ยากมากสำหรับคนเป็นโค้ช ด้วยผลลัพธ์ที่ออกมาในหลายๆระดับ แต่ผมก็พยายามทำอย่างดีที่สุด"

"ผมเคยพูดไว้ในการให้สัมภาษณ์ต่างๆ และผมก็โดนเล่นงานเวลาที่ผมพูดในเรื่องที่ว่า การพาแมนยูไนเต็ดจบอันดับสองได้นั้นเป็นเรื่องประสบความสำเร็จที่สุดอย่างหนึ่งของผมแล้ว"

"แต่ถามว่า มีโอกาสไหมตอนนั้นที่จะเป็นแชมป์ลีก (2017/18) ถ้าแมนซิตี้โดนตัดสินว่าไปฝ่าฝืนกฎ Financial Fair Play ในตอนนั้น พวกเขาก็จะโดนตัดคะแนน บางทีเราอาจจะเป็นแชมป์ก็ได้"

"ตลาดซัมเมอร์ฤดูกาลที่สาม ก่อนที่คุณจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆเข้ามานั้น คุณจะต้องทำความสะอาดบ้านก่อน ผมจำเป็นต้องปัดกวาดบ้านก่อนที่จะซื้อของใหม่เข้ามา และเราไม่ได้เคลียร์สิ่งต่างๆในทิศทางที่ผมต้องการเลย"

"ผมต้องการเคลียร์ตั้งแต่ฤดูกาลที่สองด้วยซ้ำ และเราไม่สามารถทำได้ด้วยหลายๆเหตุผล ผมไม่สามารถบอกได้ว่าผมขออะไรไปบ้าง A B C หรือ D ในฤดูกาลที่สามเพราะมันไม่ถูกต้อง ผมรู้ว่าเพราะว่าซีซั่นสาม รู้ชัดว่าสิ่งที่ผมไม่ต้องการในแง่ของส่วนบุคคล ในแง่ของโพรไฟล์ ผมรู้ดีว่าสิ่งไหนที่ผมไม่ต้องการ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น บางทีฟุตบอลมันก็แบบนั้นคุณต้องยอมรับ ผมก็ยอมรับมัน"

"แต่ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว และก็รู้เป็นอย่างดีว่ามันมีปัญหาลึกๆอยู่ตรงนั้น"

"หลังจากที่ผมย้ายออกมา ก็ไม่ได้มีใครที่ทำได้ดีมากไปกว่านั้น มันเป็นงานที่นรกมาก การได้แชมป์ยูโรปาลีก พาทีมได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน"

"ซีซั่นที่สามเรามีเกมที่แพ้ เราไปแพ้นัดที่เป็นดาร์บี้แมตช์ แพ้ลิเวอร์พูล ผมแพ้ในเกมที่เป็นนัดสุดท้ายเกมนั้น สโมสรก็เห็นว่าต้องตัดสินใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง"

"ผมรักแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รักแฟนๆ และผมก็หวังว่าทุกๆสิ่งจะเป็นไปด้วยดี ผมหวังว่าสักวันจะได้เห็นแมนยูไนเต็ดกลับมาเป็นทีมเดิมที่พวกคุณหลงรักอีกครั้งให้เร็วที่สุด"

- ตอนนี้มีกลุ่ม INEOS เข้ามาอยู่แมนยูแล้ว หวังว่าพวกเขาจะแก้ไข และเห็นปัญหาที่คุณเห็นมาก่อน คิดว่ามีอะไรที่พวกเขาต้องทำเป็นอย่างแรกให้มันถูกต้อง

"ผมไม่ได้เป็นใครที่จะพูดอะไรได้ แล้วผมก็ออกมาห้าปีแล้ว ทุกอย่าง หลายอย่างเปลี่ยนไปหมด เอาจริงๆผมเชื่อว่า ริชาร์ด อาร์โนลด์ จะต้องเปลี่ยนหลายๆอย่างให้ดีขึ้น เขาเป็นคนที่เหมาะมากกับเกมกีฬา แม้จะไม่ใช่คนฟุตบอล แต่เขาก็เข้าใจเรื่องกีฬา ผมชอบเขามากๆ แม้กระทั่งในเชิงพาณิชย์ก็ตามสมัยที่ผมอยู่ เพราะงั้นมันดีขึ้นแน่ๆ"

"ตอนนี้มี INEOS เข้ามา ผมรู้จักพวกเขาดี เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีหลายปีก่อน ผมรู้สึกดี เขาเป็นคนกีฬา เขารักมันมาก ซึ่งเป็นจุดที่ผมมองว่าสำคัญที่สุด เขามาพร้อมกับประสบการณ์ที่มีจากสโมสรขนาดที่เล็กกว่า จากกีฬาชนิดอื่นๆ ผมรู้สึกดีนะว่าทิศทางมันจะไปอย่างถูกต้อง ผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ จริงๆ"

-โจเซ่ เราอยากรู้ว่าคุณจะไปไหนต่อ

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงต้องพักงานมันทำให้หดหู่เหมือนกันนะ ผมอยากทำงาน แต่ผมก็ต้องอดทนรอด้วย อยากเลือกโอกาสแบบที่มันใช่จริงๆ"

-เขาพูดๆกัน คุณเคยมีเรื่องที่เคยพูดประมาณว่า ยังทำงานไม่เสร็จสิ้นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จริงไหม

"ไม่ ไม่.."

"นักเตะที่ผมชอบที่สุดในการได้ฝึกสอน คือนักเตะที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ผม ซึ่งเวลาที่คุมนักเตะเด็กๆนั้นพวกเขาก็จะเป็นเด็กของคุณด้วย ผมมองไปที่วาราน ถึงช่วงปลายเส้นทางอาชีพแล้วก็ตาม เขาก็ยังเป็นเด็กของผม"

"เวลาผมมองไปที่สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, มองที่ป็อกบาบนม้านั่งสำรอง ได้ส่งแม็คโทมิเนย์ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกที่เซบีญ่า เขาคือเด็กของผม ตอนที่ผมย้ายไปตามสโมสรต่างๆผมก็จะมีเด็กของผม ที่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะยังเป็นเด็กผมตลอดไป"

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่ตัดตอนมาแค่บางส่วนจาก Interview ยาวของโจเซ่ มูรินโญ่ ที่สัมภาษณ์กับรายการของริโอ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งมีพูดแทบจะทุกประเด็น ทั้งเรื่องเหตุผลการต้องออกจากโรม่า อดีตของเขากับแมนยูไนเต็ด ปัญหาต่างๆ, เรื่องราวกับเชลซี รายละเอียดแทคติก และอีกมากมาย สามารถไปนั่งฟังเต็มๆจากคลิปในช่อง FIVE ที่ลงไว้ได้ ตามคลิปด้านล่างบทความนี้ (แกพูดช้า สำเนียงไม่ใช่บริติชจ๋าๆ ฟังไม่ยากเท่าไหร่)

สิ่งที่เรามองเห็นจากบทสัมภาณ์นี้ เป็นการตอกย้ำว่า ในช่วงเวลาของน้ามูกับแมนยูไนเต็ดนั้นค่อนข้างน่าเห็นใจมากๆ และพูดตรงๆงานของแกกับที่นี่มันค้างคาจริงๆ เพราะไม่มีระบบการทำงานที่ซัพพอร์ตแกได้อย่างเต็มที่ หลังบ้านมีปัญหาเละเทะทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นการจัดการ รวมถึงหน่วยของการเสริมทัพตามที่ผู้จัดการทีมอยากจะได้เข้ามาเสริม

ด้วยทรัพยากรและปัญหาลึกๆที่เขารู้ดีอยู่แล้วว่าหลังบ้านมีอะไรบ้าง การคว้าอันดับ2ได้ พาทีมไปUCL พาทีมเป็นแชมป์ยูโรปาลีก มันเป็นความสำเร็จมหาศาลอีกอย่างหนึ่งของน้ามูที่แกรู้ดีอยู่กับใจแน่นอน

สมัยก่อนแฟนบอลอาจจะไม่เข้าใจว่าแกพูดอะไร ถึงตอนนี้คิดว่าทุกคนคงตาสว่างและรู้กันหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในยุคนั้น ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า ช่วงเวลาของแกกับแมนยูไนเต็ดมันสั้นกว่าที่ควรจะเป็น และยังแทบไม่ได้ปล่อยของอะไรอย่างเต็มที่เลยด้วยซ้ำ 

น้ามูพูดถึงยุคสมัยของแมนยูที่เต็มไปด้วยนักเตะชั้นยอดอย่างริโอ วิดิช รูนีย์ แล้วเปรียบเทียบทรัพยากรในยุคที่เขาคุมทีม และพาตัวเล่นเหล่านั้นไปคว้าแชมป์มาจนได้ มันเห็นอะไรเยอะว่าทรัพยากรแมนยูที่มูรินโญ่ต้องมารับช่วงต่อจากฟานกัลนั้น มันไม่พร้อมเลยจริงๆ

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม สิ่งที่โจเซ่พูดเอาไว้ในสัมภาษณ์นี้ด้วยก็คือ เขายอมรับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมด และก็สู้เท่าที่ทำได้แล้ว แกคงไม่มีอะไรติดคาใจมากนักถ้ามองในแง่ที่ว่า ทำอย่างเต็มที่แล้วเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายแล้วสโมสรในตอนนั้นเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง มันก็คงจะต้องเกิดขึ้นนั่นเอง 

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่มันเคยเกิดขึ้น และเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่แมนยูไนเต็ดได้มีโค้ชที่บุคลิกโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอล และก็เชื่อว่าแกยัง "มีของ" อยู่ ยังไม่หมดง่ายๆ แม้วิธีการทำงานจะค่อนข้างแข็งกร้าวและเด็ดขาด หลายคนมองว่าแทคติกของเขาล้าสมัยแล้ว

แต่แทคติกฟุตบอลไม่มีคำว่าล้าสมัย มีแต่ปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น ถ้าใจความสำคัญของแทคติกยังชัดเจน และตรงกับปรัชญาที่เกมฟุตบอลเป็นอยู่ เช่นเรื่องของความสามารถในการทำประตู ความสามารถในการป้องกันประตู ถ้าคอนเซปต์หลักยังชัด โค้ชอย่างมูรินโญ่น่าจะยังคงเดินในเส้นทางนี้ได้อีกนาน ตัวเขาเองก็ไม่ได้ย่ำอยู่ที่เดิม ก็ต้องปรับแผนแทคติกตามยุคตามสมัยเหมือนกัน

ไม่งั้นปีก่อนแกไม่มีทางพาโรม่าคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก 2021/22 มาได้แน่ๆ ถ้าแทคติกมันจะตกยุคมากขนาดนั้น

แค่ว่าอาจจะต้องเลือกสโมสรที่สามารถไปในแนวทางของแกได้ ซึ่งก็เหมาะกับทีมที่เป็นทีมระดับรองลงมาที่สามารถใช้แนวทางเฉพาะตัวได้ เช่นสโมสรสเกลทีมรองๆอย่างพวก แอตมาริด อินเตอร์ ท็อตแน่ม ไลป์ซิก พวกนี้เป็นต้น หรือจริงๆจะไปทีมอย่างปารีสก็น่าจะไหว

รอดูเส้นทางข้างหน้าของชายคนนี้ ผู้ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาจะยังคงเป็นเทพอีกหนึ่งคนที่เคยขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมระดับแนวหน้าของโลก ฉายา The Special One ไม่ใช่แค่สะท้อนความอหังการ แต่มันยังบ่งบอกถึงความพิเศษของผู้ชายคนนี้อย่างแท้จริง

สิ่งที่น่าดีใจที่สุดคือ แม้แกจะโดนปลดจากสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปแบบนั้น ในช่วงเวลาที่สโมสรอีเหละเขะขะ ไม่มีคนดูแลทิศทาง มีแต่นักเตะสตาร์อีโก้สูงเล่นโชว์ออฟไปวันๆ แต่อย่างน้อยที่สุดในฐานะแฟนบอลคนนึง เราดีใจที่แกยังรู้สึกดีๆกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสมอ

และสิ่งที่ดีกว่าก็คือ แกรับรู้ถึงความรักของแฟนบอลแมนยูไนเต็ดอีกจำนวนมากที่ยังรักแกไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีแล้วก็ตาม ความทรงจำดีๆ และความเคารพนับถือยังคงมีต่อกันอย่างเต็มเปี่ยม นี่คือสิ่งที่น่าดีใจที่สุดแล้วว่า "อย่างน้อยก็ยังรักกันอยู่" นั่นเอง

ย้ายไปคุมที่ไหนเดี๋ยวตามไปเชียร์ต่อนะเฮีย

#BELIEVE

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด