ตอนที่ 4 เดินทางสู่ เออิบาร์
การย้ายสู่ เออิบาร์ ในปี 2000 ไม่ใช่การเดินทางไกล เพราะเป็นสโมสรที่ตั้งอยู่ใน กีปุซเกา จังหวัดเดียวกับ เรอัล โซเซียดาด และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เออิบาร์ ไม่ใช่สโมสรแปลกใหม่สำหรับ อลอนโซ่ แม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามนี่คือสโมสรที่มีความคุ้นเคยสนิทสนมกับครอบครัวเขาอย่างมาก เนื่องจาก เปรีโก้ คุณพ่อของเขาเคยคุม เออิบาร์ อยู่ 3 ฤดูกาล ระหว่างปี 1995 ถึง 1998
เปเรีโก้ พ่อของเขาเป็นที่รักของแฟนๆในถิ่นอีปูรัว เคยเกือบสร้างประวัติศาสตร์พา เออิบาร์ เลื่อนชั้นสู่ ลา ลีกา แต่ก็พลาดไปอย่างเฉียดฉิวในตอนท้าย
ทุกวันนี้ นอกเหนือจากที่ อาโนเอต้า แล้ว อีปูรัว นับเป็นถิ่นที่แฟนๆรักและชื่นชม เปรีโก้ อย่างมาก และมักจะเชิญเขาไปร่วมงานสำคัญๆอยู่บ่อยๆ
“ผมเคยไปที่ อีปูรัว หลายต่อหลายครั้งตอนที่พ่อผมเป็นโค้ชที่นั่น พวกเขามีบางปีที่ยอดเยี่ยมในการเล่น เซกุนด้า”
“ส่วนการไปเล่นที่นั่น ผมเดินทางไปในฐานะเด็กน้อยและกลับออกมาในฐานะนักฟุตบอลเต็มตัว” อลอนโซ่ กล่าวถึง เออิบาร์ ในตอนนึงของบทสัมภาษณ์ปี 2019
ที่ เออิบาร์ ในฐานะนักเตะยืมตัว อลอนโซ่ ลงสนามไปทั้งสิ้น 14 เกมและกลายเป็นขวัญใจของแฟนๆอย่างรวดเร็วการผลงานการคุมเกมในแดนกลางอันยอดเยี่ยมของเขา
และอย่างที่ทุกคนทราบกัน 5 ปีต่อมา หลังการลงเล่นที่ อีปูรัว อลอนโซ่ ก็คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ ลิเวอร์พูล, ร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะโกลเด้น เจนเนอร์เรชั่น ของทีมชาติสเปนที่คว้าแชมป์ยูโร 2008,ฟุตบอลโลกปี 2010 และยูโร 2012 , คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และ ลา ลีกา กับ เรอัล มาดริด และเป็นแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน กับ บาเยิร์น มิวนิค
และถึงแม้จะผ่านไปนานแค่ไหน อลอนโซ่ ก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาในช่วงชีวิตที่เขาเคยอยู่กับ เออิบาร์ เขามักจะหยุดพูดคุย และถ่ายรูปกับแฟนเออิบาร์ หรือแวะไปเยี่ยมเเยือนนักเตะเยาวชนที่นั่นอยู่เสมอ ซึ่งนั่นทำให้ อลอนโซ่ ได้รับคำชื่นชมอย่างสโมสรเออิบาร์ และผู้คนที่ อีปูรัว อย่างมาก
กลับสู่ โซเซียดาด
วันที่ 1 มกราคม 2001 หลังจากลงสนามให้ เออิบาร์ ไป 14 เกม สถานการณ์ก็พลิกผัน ในช่วงเดือนมกราคม 2001 เรอัล โซเซียดาด มีผลงานย่ำแย่อย่างมากจนหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของตาราง ทำให้ กเลเมนเต้ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง
สโมสรตัดสินใจแต่งตั้ง จอห์น โตแช็ค เทรนเนอร์ชาวเวลส์กลับเข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่ ‘ซูรี-อูดิน’ (ฟ้า-ขาว) อีกครั้ง หลังเคยคุมทีม 4 ฤดูกาลระหว่าง 1985-1989
โตแช็ค เข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในทีม และหนึ่งในนั้นก็คือการตัดสินใจถึง อลอนโซ่ กลับมายัง เรอัล โซเซียดาด อีกครั้ง
การมาของ โตแช็ค สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าส่งผลต่อความเป็นไปในเส้นทางอาชีพของ อลอนโซ่ อย่างมาก
เทรนเนอร์ชาวเวลส์เห็นบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษในตัว อลอนโซ่ และตัดสินใจให้เขาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางของทีม มันเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อคำนึงถึงความสำคัญของตำแหน่งการเล่นนี้
ในวัย 18 อลอนโซ่ ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มีความเร็ว แต่ โตเเช็ค อยากจะลองดูสักหน่อย กุนซือชาวเวลส์พยายามหาวิธีการฝึกซ้อมต่างๆเข้าช่วยเพื่อหวังให้ อลอนโซ่ เร็วขึ้นอีกนิด แต่ก็ไร้ผล แต่ที่สุดแล้วนั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะ อลอนโซ่ มีคุณภาพด้านอื่นที่สูงมาก และนั่นคือสิ่งที่ โตแช็ค เห็นว่าเขาแตกต่างไปจากนักเตะคนอื่นๆ มันคือ ‘วิสัยทัศน์’ นั่นเอง !!
“ถ้าคุณวิ่งไม่เร็ว คุณจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ การคาดเดาที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดดขึ้น จากนั้นการทำงานในแต่ละวันจะช่วยให้คุณคล่องตัวมากขึ้นในการตัดสินใจเหล่านั้น จิตใจของคุณก็จะรวดเร็วขึ้นด้วย”
“สิ่งที่คุณทำกับลูกบอลก็เช่นกัน แม้ว่าขาของคุณจะไม่ได้ขยับเลยก็ตาม”
“จอห์น มอบความรับผิดชอบให้ผมมากมาย และนั่นทำให้ผมอยากจะพิสูจน์ตัวเองและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สำหรับ จอห์น แล้วมันเป็นเรื่องใหญ่” อลอนโซ่ กล่าวถึง โตแช็ค ในบทสัมภาษณ์ปี 2018
นอกจากดึงหนุ่มน้อยอลอนโซ่กลับมาจาก เออิบาร์ และส่งลงเล่นในตำแหน่งสำคัญของทีมแล้ว โตแช็ค ยังสามารถรวมนักเตะต่างชาติ,นักเตะบาสก์ และนักเตะรุนเยาว์เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องขอบคุณประสบการณ์ของเขา ทำให้ เรอัล โซเซียดาด ค่อยๆฟื้นตัว ขยับหนีพ้นโซนอันตราย จนสุดท้ายจบในอันดับที่ 14 ของตาราง
(อ่านต่อฉบับหน้า)
เจมส์ ลา ลีกา แปล &เรียบเรียง