:::     :::

ใคร???จะเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2561 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
2,588
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กับ ซีเนดีน ซีดาน จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่จะก้าวต่อไปเพื่อลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ในรอบชิงชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ลีกที่กรุงเคียฟ

ว่ากันว่าทีมที่สามารถโค่น บาเยิร์น มิวนิค มาได้มักจะคว้าแชมป์ในบั้นปลายสำเร็จ นับตั้งแต่ทีมเสือใต้สอยแชมป์ยุโรปจากการเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาล 2012-13 

3 จาก 4 ฤดูกาลหลังสุด บาเยิร์น มิวนิค เป็นเพียงทางผ่านของทีมที่จะเป็นแชมป์เท่านั้น

เรอัล มาดริด เคยหักด่านทีมเสือใต้ในรอบควอเตอร์ไฟนัลฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อน ซีเนดีน ซีดาน จะสร้างประวัติศาสตร์นำทัพชุดขาวป้องกันแชมป์รายการนี้เป็นทีมแรก 

บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์เมื่อฤดูกาล 2014-15 หลังซัด ยูเวนตุส ในนัดชิงชนะเลิศ 3-1 โดยมีทีมเสือใต้เป็นทางผ่านในรอบตัดเชือก 

ซีดาน นำ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์สมัยแรกในซีซั่น 2013-14 จากการยิงสลุต แอตเลติโก มาดริด ในช่วงต่อเวลาพิเศษของนัดชิงชนะเลิศ 4-1 หลังทีมทีมชุดขาวกดทีมเสือใต้ในรอบตัดเชือกด้วยสกอร์รวม 5-0 

ยกเว้น แอตเลติโก มาดริด ที่เคยล้ม บาเยิร์น มิวนิค ในรอบตัดเชือกของฤดูกาล 2015-16 แต่ทีมตราหมีอกหักในนัดชิงชนะเลิศที่ดวลเป้าพ่าย เรอัล มาดริด 3-5 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย

ก่อนหน้า บาเยิร์น มิวนิค จะกด ดอร์ทมุนด์ ในนัดชิงชนะเลิศของฤดูกาล 2012-13 เชลซี คว้าแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสรในซีซั่นก่อนหน้าจากการดวลเป้าชนะทีมเสือใต้ 4-3 

ที่ว่ากันว่าทีมที่ฝ่าด่าน บาเยิร์น มิวนิค มักจะเป็นแชมป์ในบั้นปลายดูไม่เกินเลยความจริงนักเพราะมันเกิดขึ้นถึง 4 ครั้งจาก 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา 

เรอัล มาดริด มีคิวลงดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีกคู่สองคืนวันพุธนี้ ซึ่งทีมชุดขาวของซีดานฝ่าด่านทีมเสือใต้สอยแชมป์ถึง 2 จาก 3 สมัยล่าสุด ทั้งในยุค'เป๊ป'กวาร์โอล่า และ คาร์โล อันเชล็อตติ 

ทั้งสองทีมเคยลงซัดกันบนเวทียุโรป 24 ครั้งก่อนหน้านี้ สถิติสูสีต่างฝ่ายต่างชนะทีมละ 11 ครั้ง เสมอกัน 2 ครั้ง ทีมเสือใต้ยิง 36 ประตู ส่วนทีมชุดขาวยิงมากกว่าหนึ่งประตู 

แชมป์เยอรมันยังเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะ 4 จาก 6 ครั้งที่ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศที่พบกับสโมสรจากเมืองกระทิง ซึ่งการปราชัยสองครั้งล่าสุดเกิดขึ้นกับ บาร์เซโลน่า (2014-15) และ แอตเลติโก มาดริด (2015-16) 

ฮาเมส โรดริเกซ ซุปตาร์ทีมชาติโคลอมเบียเคยคว้าแชมป์ 2 ครั้งล่าสุดกับ เรอัล มาดริด ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี ซึ่งหนุ่มฮาเมสสามารถลงเผชิญหน้ากับทีมชุดขาวได้แบบไม่มีปัญหา หากเขานำทัพเสือใต้ไปถึงแชมป์สำเร็จจะเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์กับสโมสรที่แตกต่างกันตามรอย มาร์กแซล เดอไซญี่ (มาร์กเซย กับ มิลาน), เปาโล ซูซ่า (ยูเวนตุส กับ ดอร์ทมุนด์), เคราร์ด ปีเก้ (แมนฯยูไนเต็ด กับ บาร์เซโลน่า) และ ซามูแอล เอโต้ (บาร์เซโลน่า กับ อินเตอร์ มิลาน) 

เรอัล มาดริด ฝ่าด่าน ยูเวนตุส ในรอบควอเตอร์ไฟนัลมาแบบหืดขึ้นคอหลังทำท่าว่าจะโบยบินแบบไร้ปัญหาเมื่อบุกไปกระทุ้งทีมม้าลายที่เมืองตูริน 3-0 

ทว่าแชมป์อิตาลีมีแรงฮึดจนบุกมายิงคืน 3 ลูกรวดในเกมเยือน'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'ก่อนชะตาทีมม้าลายจะพลิกผันหลัง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เปาชาวเมืองผู้ดีเป่าลูกจุดโทษให้ทีมชุดขาวในช่วงทดเวลาบาดเจ็บพร้อมไล่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่ประท้วงการตัดสินอย่างรุนแรงออกจากสนามด้วย ก่อน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะยิงประตูสำคัญให้ทีมชุดขาวยังเดินหน้าต่อไปในรายการนี้ 


โธมัส มุลเลอร์ ซึ่งต้องการลงสนามอีก 3 เกมเพื่อทำสถิติลงครบ 100 นัดบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งมีนักเตะเสือใต้เพียง 2 คนที่ลงเล่นมากกว่าเขาคือ ฟิลิปป์ ลาห์ม (105) กับ โอลิเวอร์ คาห์น (103) ยอมรับว่า เรอัล มาดริด เป็นทีมระดับคุณภาพ แต่บาเยิร์นจะจ้องเล่นงานจุดอ่อนของทีมชุดขาวที่เห็นชัดในเกมล่าสุดกับทีมม้าลาย

'เราทราบดีถึงคุณภาพของมาดริด แน่นอนว่าเราต้องเดินหน้าและทำประตู อาศัยความได้เปรียบจากจุดอ่อนที่พวกเขาแพ้ ยูเวนตุส ในนัดที่ผ่านมาให้ได้ นั่นคือพวกเขาเป็นทีมที่เจาะได้ไม่ยากนักและเราจะลงสนามไปเพื่อใช้จุดนั้นเล่นงานพวกเขา' มุลเลอร์กล่าวด้วยความมั่นใจ 

เรอัล มาดริด ของ ซีดาน มีปัญหาในการเล่นเกมรับจนไม่เสียประตูเพียง 3 เกมจากการลงเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นนี้ 10 เกม ซึ่งเป็น 2 นัดที่พบกับ ฮาโปเอล นิโกเซีย ทีมอ่อนชั้นจากไซปรัส อีกเกมที่ไม่สังเวยประตูให้คู่แข่งคือเกมขย่มทีมม้าลายคาคอก 3-0 นั่นคือจุดอ่อนของทีมชุดขาวที่เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสยังแก้ไม่ตก


ทว่า เรอัล มาดริด มีจุดแข็งที่ทุกคนต่างทราบดีคืออาวุธหนักที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งยิง 15 ประตูจาก 10 เกมที่ผ่านมาและยังเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงในรายการนี้ 11 นัดติดต่อกันด้วย แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะซุปตาร์ชาวโปรตุกีสเท่านั้นที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามน้ำตาตก  

'เขาคือเครื่องจักรถล่มประตูและเขาแสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า'ฮาเมสกล่าวยกย่องโรนัลโด้ 

'เขาทำได้ตลอดยามที่ต้องการ ซึ่งก็เห็นกันแล้วจากสถิติของเขา แต่เราเองก็หวังว่า เราจะมีวันที่ดีและเล่นอย่างท็อปฟอร์ม เพื่อทำให้แน่ใจว่า เขาจะโชว์ฟอร์มไม่ออกในวันนั้น" 

'เราจำเป็นต้องระวังเขาให้ดี แต่ก็ต้องใส่ใจนักเตะคนอื่นๆ ของมาดริดเช่นกัน เพราะ เรอัล มาดริด ไม่ได้มีเฉพาะ โรนัลโด้ พวกเขามีนักเตะชั้นยอดในตำแหน่งอื่นอีกเพียบ มันไม่ใช่งานง่ายแน่นอน'

มันไม่ต่างจากความคิดของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส เทรนเนอร์วัย 72 ปีของ บาเยิร์น มิวนิค ที่คาดหวังว่า โรนัลโด้ จะพบกับวันปืนฝืดเช่นเดียวกัน 

'คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นที่เก่งสุดในโลก เช่นเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี่ เขาเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสของจริง เขาทำงานหนักทุกวัน นั่นถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก บ่อยครั้งที่เขาเป็นตัวตัดสินเกม ซึ่งผมหวังว่า เขาจะเล่นไม่ออกตอนพบกับเรา" ไฮย์เกส กล่าว

ปัญหาของ บาเยิร์น มิวนิค ในการเผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด ก่อนหน้านี้คือการเล่นในบ้าน ซึ่งทีมเสือใต้พ่าย เรอัล มาดริด บนสังเวียน'อัลลีอันซ์ อารีน่า'ทั้งในยุค 'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า และ อันเชล็อตติ 

กวาร์ดิโอล่า นำทีมเสือใต้พ่ายคารัง 0-4 ในรอบตัดเชือกนัดสองแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2013-2014 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรูปเกมเข้าทางทีมชุดขาวหลังเป็นฝ่ายคว้าชัยมาจากเกมแรก 1-0 ก่อนจะโดน โรนัลโด้ กับ เซร์คิโอ รามอส กดคนละสองดอก 

โรนัลโด้ ยังเหมาคนเดียวสองประตูนำทีมชุดขาวบุกมาแซงชนะทีมเสือใต้ยุคอันเช่ 2-1 ในการลงเล่นรอบควอเตอร์ไฟนัลฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนซุปตาร์ชาวโปรตุกีสจะทำแฮตทริกในเกมสองที่'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว'นำ เรอัล มาดริด เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2 

คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ ขาใหญ่บาเยิร์นยกให้ เรอัล มาดริด เหนือกว่า แต่คาดหวังว่าทีมเสือใต้จะสามารถเอาชนะทีมชุดขาวที่มิวนิคได้เช่นกัน 

'มาดริดเหนือกว่าทั้งสองเกม แต่พวกเราต้องการเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศ มันเป็นเรื่องยาก พวกเขาเหนือกว่า สิ่งสำคัญคือเราจะต้องคว้าชัยชนะในมิวนิคเพราะเราไม่เคยเอาชนะพวกเขาทั้งในยุค กวาร์ดิโอล่า และ อันเชล็อตติ'


ตรงกับมุมมองของ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวเก๋าชาวดัตช์ที่หวังแก้มือทีมชุดขาวในวันพุธนี้ด้วยเช่นกัน 

'เมื่อปีก่อน เราทำผลงานกันได้ไม่ดีนักในบ้านและนักเตะก็มีอาการกลัวนิดหน่อย' ร็อบเบนย้อนความหลัง      

'แต่นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้นในเกมวันพุธนี้ เราพร้อมแล้ว พวกเขามีโอกาสก่อความผิดพลาดในการเล่นรับและเราสามารถเล่นงานพวกเขาได้เช่นกัน'

ฝั่ง เรอัล มาดริด มี โรนัลโด้ เป็นตัวทีเด็ดเล่นงานคู่แข่ง แต่ฝ่าย บาเยิร์น มิวนิค มีอาวุธอันตรายนาม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  ซึ่งพร้อมทะลวงหลังบ้านทีมชุดขาวทุกนาที 

เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวท็อปของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งพลาดการลงเล่นเกมแรกกับ เรอัล มาดริด ซีซั่นก่อนเนื่องจากบาดเจ็บ กดไปแล้ว 39 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการในฤดูกาลนี้ ตามหลัง โรนัลโด้ เพียง 3 ประตูเท่านั้น จาก 14 ประตูใน 3 เกมหลังสุดของทีมเสือใต้ยังมาจากผลงานของ เลวานดอฟสกี้ กับ มุลเลอร์ คนละ 4 ประตู 

'เราอยู่ในช่วงที่เล่นเกมรุกเฉียบคม มันจึงเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม'อูลี เฮอเนส ประธานทีมเสือใต้กล่าวก่อนเกมดวลทีมชุดขาว

สัญญาณความสำเร็จของ บาเยิร์น มิวนิค คล้ายถอดแบบมาจากซีซั่น 2012-13 ซึ่งปู่จุ๊ปป์นำทัพเสือใต้สอย'ทริเปิ้ลแชมป์'ปีนั้น 

ไฮย์เกส กำลังวางมือจากทีมเสือใต้หลังจบซีซั่นนี้โดยมี นิโก้ โควัช เข้ามารับงานต่อไม่ต่างจากปีนั้นที่ บาเยิร์น มิวนิค ประกาศดึง'เป๊ป'กวาร์ดิโอล่า เข้ามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ 

ปู่จุ๊ปป์ยังนำทีมเสือใต้สอยแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล หลังเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ 2-1 ก่อนย้ำแค้นทีมเสือเหลืองอีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกด้วยสกอร์เดียวกัน ดอร์ทมุนด์ ของคล็อปป์ยังเป็นเพียงพระรองบนเวทีบุนเดสลีกาอีกรายการด้วย 

บาเยิร์น มิวนิค ของปู่จุ๊ปป์เพิ่งคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยที่ 28 ทีมเสือใต้ยังทะยานเข้าชิงฯเดเอฟเบ โพคาลกับ แฟร้งค์เฟิร์ต ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ 

ขณะที่คู่ตัดเชือกบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกก็เป็นทีมจากสเปนเหมือนกันเพียงแต่เปลี่ยนหน้าจาก บาร์เซโลน่า เป็น เรอัล มาดริด เท่านั้น 

จุ๊ปป์ ไฮย์เกส หรือ ซีเนดีน ซีดาน จะเป็นฝ่ายที่มีโอกาสเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ เราคงจะมองเห็นภาพลางๆจากผลของเกมแรกบนสังเวียน'อัลลีอันซ์ อารีน่า'คืนวันพุธนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด