หลังจากสงครามน้อยใหญ่ได้เริ่มจบลงไปจากอาณาจักรลูกหนัง..

แต่ ณ ปัจฉิมยาม ราวตีสอง ผ่านเสาร์ค่อนอาทิตย์ของวันนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ “มหาสงคราม” ครั้งสุดท้ายจะอุบัติขึ้น

และเป็นบทสรุปที่แท้จริงของฤดูกาลนี้!

กองทัพสีแดงเพลิงโบกธงหงส์นามว่า "ลิเวอร์พูล" นำทัพโดยกุนซือ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้สร้างชื่อด้วยกลม้าศึกอันลือลั่น เด่นชัดเรื่องการโจมตีด้วยทัพม้าอันแคล่วคล่อง ดาหน้าไล่จู่โจมอย่างรวดเร็วดุดันและไม่คิดชีวิต โดยมี “ซาลาห์” มหาบุรุษแห่งอียิปต์ “มาเน่” เจ้าแห่งความเร็วและความแข็งแกร่ง “ฟรีมิโน่” ผู้มาพร้อมกับเพลงดาบเบือนหน้า สามแม่ทัพม้าศึกอันลือนาม พร้อมกรีฑาทัพประจันบาล

ขณะที่อาณาจักรสีขาว ผู้ครองดินแดนแห่งนี้มาถึง 2 ปี ตั้งตระหง่านด้วยป้อมปราการใหญ่ "เรอัล มาดริด" มีกุนซือผู้เคยเป็นนักรบอันลือชื่อ "ซีเนดีน ซีดาน" มาพร้อมกับกองทัพอันเกรียงไกร ที่เพียงได้ยินชื่อก็ตัวสั่น ไม่ว่าจะเป็น “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” หนึ่งในสองนักรบอันดับหนึ่งของยุค พร้อมคู่หูอย่าง “มาร์เซโล” ที่โดดเด่นเรื่องการสนับสนุน และปิดท้ายด้วยแม่ทัพผู้เกรี้ยวกราดอย่าง “รามอส” คอยคุมแนวหลังของทัพ

บรรดาประชาชนมากมายต่างจับจ้องรอลุ้นผลของ “มหาสงคราม” โดยเฉพาะเหล่าพันธมิตรชั่วคราว ที่พร้อมเอาใจช่วยเพื่อมิให้ตนเองได้รับผลจากความพ่ายแพ้ โดน "ประจาน" อย่างเจ็บปวด

โดยเฉพาะกองทัพ "ยูไนเต็ด" ที่จบฤดูกาลนี้แบบมือเปล่า ร้อนถึงผู้อาวุโสนาม"แกรี่" ที่ได้ชี้ช่องเตรียมพร้อมอพยพไปยังดินแดนอื่นที่เต็มไปป่าลึกอย่าง “อเมซอน” เพื่อหลีกหนี หลบหน้าจากความพ่ายแพ้

แต่อย่างไรก็ตามกองทัพ "ยูไนเต็ด" ยังไม่ยอมหนีไปไหน แม้จะยืนอยู่บนเส้นด้ายหลังพิงฝา แต่พวกเขายังคงมีความหวังสมัครใจเป็นพันธมิตรนาม "เรอัล ยูไนเต็ด" หวังว่าจะพิชิตพันธมิตร "ลิเวอร์โลน่า" ได้สำเร็จ

เพื่ออย่างน้อยคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาจะยอมทำตามสโลแกน “คุณจะไม่เดินอย่างเดียวดาย” มายืนเคียงข้างแบบมือเปล่าเช่นกัน

แต่ในทางกลับกันหาก หงส์แดง สามารถเอาชนะราชันชุดขาวได้สำเร็จ ศาสนาลูกหนังได้เตรียมที่หลบภัยให้กับ กองทัพยูไนเต็ด ในประเทศไทย ว่าจะลี้ภัยไปที่ใดได้บ้าง ที่จะหลบหนีจากข่าวสารแห่งความยินดีนี้ไปได้

1.วันนี้ฉันเดินเข้าป่า...

ประเทศไทยนับว่ามีป่าธรรมชาติที่สมบรูณ์อยู่หลายพื้นที่ ดังนั้นอุทยานแห่งชาติต่างๆ จึงเหมาะสมกับการหลบพักใจ เหมาะแก่คนที่ชอบผจญภัย รักในสีเขียวของต้นไม้ เพราะตามหลักจิตวิทยาแล้วสีเขียวนับว่าเป็นีที่ทำให้รู้สึกสบายตา ดังนั้นหากเหนื่อยล้าในการมองหน้าจอเฟซบุ๊คด้วยความช้ำใจ หรือหลีกเลี่ยงจากการโดนกระหน่ำในไลน์กลุ่ม การมาพักสายตากับธรรมชาติในป่าจึงเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เฉกเช่นคำแนะนำของ ผู้อาวุโส เนวิลล์ ที่สำคัญคือ อุทยานบางแห่งไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตอีกด้วย ยิ่งทำให้สามารถหลบหลีกได้เป็นอย่างดี

พื้นที่แนะนำ : อุทยานแห่งชาติพุเตย, อุทยานแห่งชาติตากสิน จ.ตาก,อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น

2.จะเอาเธอนั้นไปลอยทะเล...

เป็นหนึ่งในที่พักใจคลาสสิคตลอดกาล ยามอกหักหรือเสียใจ ว่ากันว่าเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดกระทบเข้าหาฝั่งจะทำให้ใจสงบลงได้ น่าจะเหมาะกับแหนผีเป็นอย่างดีในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ทะเลยังมีบรรยกาศดีๆ ให้คอยมองอยู่เสมอ มีกิจกรรมอื่นๆ ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกให้คอยทำ ทั้งว่ายน้ำ ดำน้ำดูปะการัง หรือ บานานาโบ้ทก็ตาม นอกจากนี้หากออกทะเลไปไกล สัญญาณมือถือก็ตามเราไปไม่ได้เช่นกัน

พื้นที่แนะนำ : เกาะพยาม,เกาะตาชัย,กลางทะเลที่ไร้สัญญาณมือถือ

3.ไม่ว่าจะสูง.. แค่ไหนก็ไปถึง (ยอดดอย)

อีกที่หนึ่งที่น่าท่องเที่ยวหลบหลีกจากผู้คน คงเป็นยอดดอยต่างๆ ในประเทศไทยที่มีอยู่มากมายในภาคเหนือ นอกจากจะได้ขึ้นไปชมวิวสวยๆ บนยอดเปลี่ยนมุมมองจากทะเลหมอกช่วงหน้าหนาว เป็นวิวทิวทัศน์ที่ชัดเจนในยามเช้าและยามเย็น ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ คงเป็นยอดดอยตามพื้นที่ จ.เชียงราย ไม่ว่าจะเป็นแม่สลอง ผาตั้ง ภูชี้ฟ้า

และสำหรับคอกาแฟคงหรีไม่พ้น ดอยช้าง หรือ ผาฮี้ เพราะจะได้ไปเยี่ยมชมไร่กาแฟ ดูวิวสวยๆ พบปะผู้คนพูดคุยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ฟุตบอล

ทั้งหมดนี้คงจะเป็นที่ลี้ภัยพักใจจากผลของสงครามใหญ่ สำหรับแฟนผีทั้งหลาย แต่หากผลออกมาเป็นทางตรงกันข้าม เราอาจจะได้เห็นเด็กผี-หงส์ จับมือเคียงข้างไปพักใจด้วยกันก็เป็นได้!