ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 1-0 แต่แล้วนาที 78 เลสเตอร์ ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะฟรีคิกที่ เจมส์ แมดดิสัน กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าเขตโทษ แดเนียล อมาร์ตีย์ พยายามสะกิดเปลี่ยนทางแต่ไม่โดนบอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไป แม้ว่าผู้ช่วยจะยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้าแต่เมื่อย้อนดูวีเออาร์ อมาร์ตีย์ อยู่ในไลน์พอดี จึงได้ประตู 

จากนั้น เลสเตอร์ ซิตี้ พลิกนำ 2-1 จาก เจมี่ วาร์ดี้ ที่เก็บตกความผิดพลาดของ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ที่ออกมาเคลียร์บอลแต่สื่อสารกับ โอซาน คาบัค ไม่ดี ก่อนที่ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ จะมาซัดปิดกล่องเป็น 3-1 

คล็อปป์ กล่าวหลังเกมว่า "เราเสียประตู (1-1) มันยากมากๆ ที่จะยอมรับได้ มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมไปเลยกับการใช้ วีเออาร์"

"ผมได้ดูจังหวะนี้และเมื่อพวกเขาเป่าหยุดเกมมันก็เหมือนว่าล้ำหน้าชัดเจนนะ ส่วนประตูที่สองเป็นการสื่อสารผิดพลาดกัน เราบอกก่อนเกมแล้วว่าให้ทำความคุ้นเคยกันเอาไว้และพวกเขาก็ทำได้ดีแล้วนะใน 75 นาที มันเป็นเกมที่ดีมากๆ แล้ว"

"เราเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าชัดเจน เรามีโอกาส แต่จากนั้นก็มาเสีย 2 ประตู เราเปิดพื้นที่มากไปและนั่นไม่ใช่สิ่งที่โอเคเลย"

"อาลีสซง มีเกมที่ยอดเยียมแต่จังหวะที่เสียเขาออกมานอกเขตโทษ ผมไม่ได้ยินว่าเขาตะโกนอะไร"

"ประตูแรกคือจุดเปลี่ยนของเกมเลย เราเปลี่ยนไปมากเลยกับประตูเดียวนั้น เราตอบสนองดีๆ ออกมาไม่ได้เลย" คล็อปป์ กล่าว